สิ่งใดจะทำลายธรรมชาติได้ดีเท่าการท่องเที่ยว

จากกระทู้ : สุดอึ้ง! ภาพเกาะตาชัย สุสานที่เงียบเชียบ

สิ่งใดจะทำลายธรรมชาติได้ดีเท่าการท่องเที่ยว

เรียกว่าเป็นสภาพที่ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันไปถล่มธรรมชาติกันเลยทีเดียว กรณีที่ยกมานี้เป็นข่าวเก่า แต่วงจรนี้ไม่มีวันจบสิ้น

เริ่มจากคนมีกิเลสแสวงหาสถานที่น่าเสพ พอได้เสพก็อยากอวด พออวดคนก็อยากเสพตาม กิเลสมันแพร่พันธุ์ได้ง่ายกว่าเชื้อโรคใดๆในโลกนี้ ว่าแล้วคนที่เกิดความอยากก็จะมุ่งมาเสพตามที่เขาว่าดี คนในพื้นที่ก็ขี้โลภ เห็นประโยชน์ตนมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม ก็ทำลายธรรมชาติเพื่อหาผลประโยชน์เข้าตัวกันไป

กรณีขุดเหมือง ขุดน้ำมันนี่มันยังเป็นเรื่องของนายทุนใหญ่ ๆ ไม่กี่คน ถ้าคนในชุมชนเข้มแข็ง รัฐบาลทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ชาติ มันก็ไม่มีปัญหา แต่การท่องเที่ยวนี่คือทุกคนต่างมีความต้องการที่จะเสพ แล้วมันห้ามกันไม่ได้ง่ายๆนะ ห้ามนายทุนขุดเหมือนนี่มันยังพอจะทำกันได้ แต่ห้ามคนไม่ให้เข้าไปท่องเที่ยวนี่มันทำไม่ได้ง่ายๆนะ จะไปจำกัดคนไม่ให้เขาเที่ยวเขาไม่ยอมนะ เขาไม่พอใจเขาก็เอาเงินฟาด พอเงินหล่นใส่เจ้าหน้าที่กิเลสหนา ศีลธรรมและความรับผิดชอบก็หล่นตาม แถมรัฐบาลยังส่งเสริมการท่องเที่ยวอีก ไปกันใหญ่

สุดท้ายมันก็พังไปทีละที่นั่นแหละ ที่ไหนมีนักท่องเที่ยวมาก ธรรมชาติก็จะเสื่อมไปเท่านั้น

รุมโทรมธรรมชาติ

จากเนื้อหาในข่าว : เกาะกูด-เกาะช้าง จราจรติดหนึบ คนทยอยกลับหลังหยุดยาว 5 วัน

ผมรู้สึกว่าการไปท่องเที่ยวแบบนี้มันเหมือนพากันไปรุมโทรมสถานที่นั้นยังไงไม่รู้สินะ

จริงอยู่ที่ว่าเขาอาจจะได้เงินกัน แต่คิดๆไปก็เหมือนหญิงสาวที่ยอมให้ชายมาสำรวจท่องเที่ยวและบุกตะลุยร่างกายของเธอเพื่อแลกกับเงิน (พิมพ์ให้มันซอฟๆ ลงนะ คงพอจะรับกันได้)

ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ไปรักษาธรรมชาติหรือศึกษาอะไรกันหรอก ไปเสพสุขกันเสียมากกว่า การรักษาธรรมชาติจริงๆคือการไม่ต้องไปยุ่งวุ่นวายกับมัน ปล่อยมันให้เป็นไปตามวิถีของมัน

เอานะ ใครที่เห็นโทษแล้วก็ห่างออกมา ส่วนใครกิเลสหนาก็ศึกษากันไป

ไตรสิกขา ฉบับการ์ตูน

เมื่อปลายปี 58 ที่ผ่านมา ผมได้เผยแพร่ผลงาน “ไตรสิกขา ฉบับการ์ตูน” ซึ่งได้เขียนไว้ช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา

ไตรสิกขา

หลังจากทำเพจ “ไตรสิกขา” มาได้สักพัก รวมทั้งศึกษาการปฏิบัติธรรมในหลายๆแนวทาง ทำให้รู้สึกว่า การเข้าถึงไตรสิกขาในเชิงปฏิบัติได้จริงนั้นเข้าใจยากมาก และการพิมพ์บทความมาอธิบายหรือขยายสิ่งที่เข้าใจยากเหล่านั้นย่อมมีเนื้อหาที่ค่อนข้างยาว สรุปรวบให้สั้นได้ยาก จึงยังคงเป็นเรื่องที่ยากจะเข้าถึงสำหรับบางคนที่ไม่ถนัดในการอ่านบทความยาวๆ ผ่านอินเตอร์เน็ต

ไตรสิกขา ฉบับการ์ตูน

จึงคิดว่าเราน่าจะสรุปไตรสิกขาออกมาเป็นการ์ตูนจะได้ง่ายต่อการศึกษาและทำความเข้าใจ แต่กระนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสรุปรวมสิ่งที่สำคัญทั้งหมดลงในการ์ตูนเพียงแค่ 30 หน้านี้ได้ จึงยกมาเพียงหลักปฏิบัติในภาพรวมเพื่อให้เห็นความเกี่ยวเนื่องของการปฏิบัติไตรสิกขา การมีอธิศีล อธิจิต อธิปัญญา ที่สอดร้อยกันเป็นอย่างไร ส่งผลแก่กันและกันอย่างไร เชื่อมโยงกันอย่างไร เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างไร และสุดท้ายจะให้ผลอย่างไร เป็นสิ่งที่ต้องถ่ายทอดออกมาให้พอเห็นภาพ ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถติดตามอ่านได้จากลิงก์ด้านล่างนี้

คู่มือ ไตรสิกขา ฉบับการ์ตูน สำหรับผู้เริ่มต้น

dinp 2016

หลังจากอัพเดทล่าสุดเมื่อต้นปี 2015 ที่ผ่านมา นี่ก็ผ่านมาหนึ่งปีแล้ว มีเหตุผลบางประการที่รู้สึกว่าเว็บไซต์ต้องมีการปรับเปลี่ยนบ้าง ทั้งเนื้อหาและงานออกแบบ

dinp 2016

ผ่านไปปีนึง มีข้อมูลหลายๆอย่างเข้ามา จึงทำให้ตัดสินใจปิดเว็บไซต์เกี่ยวกับต้นไม้ทั้งหมดเลย ทั้งแคคตัส บอนสี ลิ้นมังกร ซึ่งให้เหตุผลไว้ใน “บทเรียนจากการเลี้ยงไม้ประดับ

ทำให้เว็บไซต์มีเนื้อหาน้อยลง แต่ยังคงความเป็นเครือข่ายอยู่ คือไปทำที่นู่นบ้างที่นั่นบ้าง ดูแลกันทั่วถึงบ้างไม่ทั่วถึงบ้าง อย่างในปีที่ผ่านมานี่ก็แทบไม่ได้แตะ Veggie kitchen (blog) เลย จะไปอัพเดทกันในเฟสบุคซะมากกว่า แต่ก็ยังถือว่าน้อย เพราะงานหลักๆ จะไปหนักอยู่ที่เฟสบุค “ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์” นอกนั้นก็อัพเดทบ้าง ไม่ได้อัพเดทบ้าง แม้แต่บล็อกแห่งนี้ก็ยังถูกปล่อยทิ้งร้างกันอยู่นานเลยทีเดียว

หลักการออกแบบของปีนี้ต่างจากปีก่อนๆที่เป็นโทนดำ-แดง-ขาว ปีนี้มาในโทนสี ขาว-น้ำตาล-เขียว ในอารมณ์แบบธรรมชาติๆ เปิดภาพหน้าปกด้วยภาพมอสที่ถ่ายมาตอนไปน้ำตกพริ้วเมื่อนานมาแล้ว พื้นพลังเป็นแพทเทินไม้ไผ่ โดยรู้สึกอยู่ในใจลึกๆว่าอยากให้มีอารมณ์ที่สื่อถึงการเติบโตเล็กๆ ไม่ต้องมากมาย เอาแค่พอมีชีวิต

เมื่อเทียบกับโทนเดิม ซึ่งเป็นดำ-แดง-ขาว ก็เหมือนป่าที่ถูกไฟไหม้ เต็มไปด้วยฝุ่นควัน ถ่าน และขี้เถ้า ในแนวคิดปีนี้ก็คงจะเป็นเหมือนการเติบโตหลังจากที่ถูกไฟป่าไหม้ไปละมั้ง (ก็จินตนาการโยงไปเรื่อยตามประสา)

แต่ก็เอานะ คิดว่ามันคงสบายตาและใช้งานง่ายมากขึ้น ไม่ซับซ้อน อ่านข้อมูลกันนิดหน่อยก็เข้าไปชมเนื้อหาในแต่ละส่วนต่อได้

ย้ายไตรสิกขา

จากตอนแรกที่ “ไตรสิกขา” นั้นได้อยู่ในส่วนหนึ่งของเว็บไซต์ dinp.org ซึ่งก็ยังไม่มีคนแวะเวียนมาสักเท่าไรนัก ใช้เป็นเพียงสถานที่สำรองข้อมูลบทความต่างๆเท่านั้น

พอคิดไปคิดมาจะเอาไว้ในโดเมนนี้ (dinp.org) ก็ไม่ค่อยเหมาะนัก เพราะจากชื่อโดเมนแล้วมันก็ดูแสดงความเป็นบุคคลชัดเจน ซึ่งในใจผมอยากให้ไตรสิกขานั้นเป็นรูปแบบของสาธารณะ เป็นการศึกษาแบบกลุ่ม

สุดท้ายจึงได้ไปจดโดเมนใหม่ ในนาม dawnofdhamma.org ซึ่งจะใช้ชื่อในนามของ “แสงอรุณ” หรือ “กลุ่มแสงอรุณ” เพราะจะสามารถขยับขยายได้มากกว่า และ “ไตรสิกขา” ก็ได้ถูกย้ายเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแสงอรุณ นั่นก็เพราะกลุ่มแสงอรุณจะใช้ไตรสิกขาเป็นหลักในการศึกษาและปฏิบัติธรรมในพระพุทธศาสนา ซึ่งก็สอดคล้องกันพอดี

เหตุที่มาของการย้ายก็มีเพียงเท่านี้ การทำเว็บไซต์นี่ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตอนนี้หน้าเว็บ dinp.org ก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา การเปลี่ยนแปลงนั้นก็สะท้อนการเปลี่ยนไปของผู้ทำในหลายๆด้านก็ต้องลองมาติดตามกัน

ส่วนใครจะติดตามไปดูไตรสิกขาใน url ใหม่ ก็ติดตามไปได้ที่ http://threefold-learning.dawnofdhamma.org/

 

บทเรียนจากการเลี้ยงไม้ประดับ

จากการศึกษาไม้ประดับเช่นกระบองเพชร (แคคตัส,cactus) , บอนสี, ลิ้นมังกร และอื่นๆ มาช่วงหนึ่ง ผมได้รับความรู้เกี่ยวกับไม้ประดับมากมาย แต่ความรู้เหล่านั้นก็ยังไม่มีค่าเท่ากับความรู้ตอนที่เลิกศึกษา เลิกสะสม เลิกเลี้ยงไม้ประดับเหล่านั้น

ในวันนี้ผมได้ตัดสินใจที่จะปิดบล็อกในส่วนที่เคยเผยแพร่บทความเกี่ยวกับประสบการณ์การเลี้ยงและศึกษาต้นไม้ทั้งหมด เพราะเห็นว่าสิ่งเหล่านั้นก็เป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถหาข้อมูลกันที่ไหนก็ได้ เลี้ยงเองก็เรียนรู้ได้ ผมจึงคิดว่าคงไม่จำเป็นแล้วที่จะเผยแพร่เรื่องที่ไม่น่าสนใจเหล่านั้น ซึ่งในตอนนี้ผมมีความรู้ที่มีคุณค่ามากกว่า มีประโยชน์มากกว่า เป็นสิ่งที่อยากเผยแพร่ ให้นักศึกษาและสะสมไม้ประดับทุกคนที่สนใจได้เรียนรู้

คือความรู้ในการปล่อยวางการสะสม ปล่อยวางการไม่มีเรียนรู้ ไม่ต้องจับไม่ต้องยึด เหลือเพียงประโยชน์และความจำเป็นจริงๆในชีวิตเท่านั้น สิ่งใดเป็นประโยชน์ก็ดำรงไว้ สิ่งใดไม่เป็นประโยชน์ ไม่ใช่สาระในชีวิต ไม่มีความจำเป็นต้องมี ก็พิจารณาให้เห็นโทษของสิ่งนั้นเพื่อที่จะได้ออกจากความฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยนั้นด้วยใจเป็นสุข ผมจึงได้รวบรวมมาไว้ในบทความนี้

– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – –

รวบรวมประสบการณ์การเรียนรู้ของทุกข์ของการสะสม และความหลงมัวเมาในสิ่งที่เรียกว่าไม้ประดับ ซึ่งเหมาะกับผู้ที่เริ่มสนใจจะศึกษาและเรียนรู้ไม้ประดับ ตลอดจนผู้ที่สนใจจะนำไปประกอบอาชีพ เราเชื่อว่าบทความเหล่านี้จะเป็นประโยชน์กับท่าน กรุณาลองพิจารณาสิ่งดีๆที่เรานำเสนอดูสักนิด และลองฉุกคิดสักหน่อยก่อนที่ท่านจะเริ่มเรียนรู้ต่อไป

เมื่อของสะสมกลายเป็นภาระ

เมื่อของสะสมกลายเป็นภาระ

ของสะสมที่เราเคยรักเคยผูกพัน จนกระทั่งวันที่สามารถเข้าใจความจริง ว่าสิ่งใดเป็นประโยชน์แท้ต่อชีวิต สิ่งใดที่เป็นโทษต่อชีวิต เราไม่สามารถปฏิเสธความจริงนี้ได้เลย

 

รวยเท่ากับซวย #5

รวยเท่ากับซวย #5

แบ่งปันประสบการณ์ ถ้าเร็วกว่านี้ก็คงจะรวย (ซวย) ไปแล้ว.. แม้ความรวย ความมั่งคั่งและความสุขสบาย จะเป็นสิ่งที่มนุษย์ตามหา แต่ในความรวยนั้นอาจจะมีกับดักซ่อนอยู่ก็เป็นได้

 

การสะสมว่ายากแล้ว การเลิกสะสมนั้นยากกว่า

การสะสมว่ายากแล้ว การเลิกสะสมนั้นยากกว่า

การสะสมแต่ละอย่างนั้นเราต้องใช้ทั้งกำลังทรัพย์ และความพยายาม ในการตามหาสืบเสาะเพื่อให้ได้มันมาครอบครอง แม้จะมองว่าได้มายากแสนยาก แต่ตอนจะเลิกสะสมนั้นยากกว่า ของนั้นมีอยู่ แต่คนที่สามารถจะทิ้งสิ่งนั้นได้ไม่มี

 

คำสารภาพบาป จากอดีตผู้หลงไหลไม้ประดับ

คำสารภาพบาป จากอดีตผู้หลงไหลไม้ประดับ

เมื่อความยึดมั่นถือมั่นของเรา กลายเป็นการเสริมกิเลสให้กับผู้อื่น เมื่อเราหลงไหลกับสิ่งใด เราก็จะกลายเป็นฑูตแห่งกิเลสไปโดยไม่รู้ตัว พร้อมบทแนะนำเกี่ยวกับสภาวะธรรมที่ได้เรียนรู้

 

ซึ่งหลังจากนี้บล็อก cactus.dinp.org, sansevieria.dinp.org, caladium.dinp.org จะถูกลบข้อมูลทั้งหมดและปิดตัวลงอย่างถาวร สามารถติดตามผลงานอื่นๆจากผู้เขียนได้ที่ facebook : ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์

มดกับการเพาะเมล็ด

มดกับการเพาะเมล็ด

มดกับการเพาะเมล็ด

ผมเจอกับปัญหาที่เมล็ดถูกมดกิน ลงดินไปเท่าไหร่ก็หายเท่านั้น ไม่เคยงอกขึ้นมา จนสังเกตุเห็นว่าหลุมที่ได้หยอดเมล็ดไปนั้นมีร่องรอยของมด
ซึ่งมดจะเข้าไปกัดกินเมล็ดพันธุ์ก่อนที่จะงอก หรือหลังจากงอกเป็นต้นอ่อนแล้วมันก็ยังกินอยู่บ้าง ทำให้อัตราการรอดน้อย ถ้ารอดก็ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่

ก็เลยลองเพาะเมล็ดโดยใช้ถาดรองน้ำ พอดีไม่มีวัสดุเลยเอาอ่างผสมปูนสองอันมารองน้ำกันมด จริงๆอะไรก็ได้ที่สร้างพื้นที่เป็นน้ำไม่ให้มดเข้ามา สรุปก็เป็นทางเลือกที่ดี เมล็ดมีการงอกตามปกติ

ซึ่งวิธีเลี่ยงมดนี้อาจจะลำบากนิดหน่อยที่ต้องหาวัสดุอุปกรณ์มาแก้ปัญหา หลายคนอาจจะคิดว่าถ้าใช้สารเคมีก็ไม่ต้องยุ่งยาก แต่ผมคิดว่าการเลี่ยงสารเคมี รวมทั้งหลีกเลี่ยงวิธีการที่จะไปเบียดเบียนชีวิตสัตว์นั้นเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

เก็บบ้าน

ตั้งแต่ช่วงต้นปีมานี้ ผมใช้เวลาส่วนมากในการเก็บของในห้องเพื่อบริจาค ซึ่งก็เคยบริจาคไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่พอมาเก็บครั้งนี้ ก็ยังรู้สึกว่า ยังเหลือเยอะอยู่ดี…

การเก็บห้องทำให้ผมรู้สึกว่า นี่เรายังเหลือกิเลสเยอะขนาดนี้เลยหรอ เรายังเสียดายสิ่งที่เราไม่ได้ใช้ขนาดนี้เลยหรอ นี่ขนาดขนไปรอบนึงแล้ว มาถึงรอบนี้ก็ยังเป็นงานที่ทำหลายวันอยู่

สิ่งที่จำเป็นต้องใช้จริงก็มีอยู่ แต่บางสิ่งก็เหมือนจะจำเป็นเหมือนจะไม่จำเป็น หนังสือบางเล่มก็ไม่จำเป็นต้องอ่านแล้ว บางทีก็ยังเก็บไว้ให้ตัวเองงงว่าเก็บไว้ทำไม -..-

นี่แค่เอาของออกยังลำบากขนาดนี้ และของๆเราก็จะไปเป็นภาระคนอื่นอีกทีหนึ่ง เป็นเพราะเราสะสมมามาก

ขนาดว่าหยุดสะสมมาสักพักแล้วยังรู้สึกว่ายังมีภาระมากมาย คิดย้อนไปสมัยที่เรายังไม่ได้ศึกษาธรรมะจริงจัง มันก็สะสมแล้วก็ไม่ได้คิดอะไร สะสมมาเรื่อยๆจนถึงวันที่พบธรรมจึงรู้ว่าการสะสมมันหนัก

การสะสมของว่าหนักแล้วแต่ก็ยังเอาออกง่าย ตายไปก็เอาไปไม่ได้ แต่สะสมกิเลสนี่มันหนักหนาสาหัส เอาออกไม่ได้ง่ายๆ ตายไปก็ยังติดตามไปด้วย คิดแล้วเหนื่อยจริงๆ

ก็พยายามลดสะสมทั้งของทั้งกิเลสกันไป จะได้เอาเวลามากำจัดมันออกบ้าง จะได้เบาๆ

โสดไม่ง่าย


วันนี้มีคนมาเล่าในบล็อกว่าตั้งใจปฏิบัติธรรมมาสักพัก ก็มาหนักเอาเรื่องความอยากมีคู่นี่แหละ เขาบอกประมาณว่าโจทย์ทั่วๆไปพอไหว แต่เรื่องคู่นี่โดนเล่นงานซะทุกข์หนัก

เพื่อนก็บอกว่า การพาคนโสดเป็นเรื่องยาก แม้บทความที่เราเขียนก็ยังยากไปสำหรับคนทั่วไป เรียกว่าตึงมือเลยล่ะ

ใจก็ว่าเขียนอย่างอนุโลมแล้วนะ ยังไม่เคยอัดตรงๆแบบไม่มีทางให้เลี่ยงสักที แค่ยกมาชี้โทษเป็นเรื่องๆ แต่อาจจะเพราะเดิมทีมันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจยากอยู่แล้วด้วยแหละนะ

จากประสบการณ์ผมก็ว่าโจทย์นี้หินสุดๆเลยนะ การประพฤติตนเป็นโสดเนี่ย การไม่กินเนื้อสัตว์นี้เป็นเด็กทารกไปเลย การกินจืดก็เป็นเด็กโตขึ้นมาหน่อย กินมื้อเดียวเป็นเด็กมัธยม ส่วนจะโสดนี่มันโดดมาอีกขั้นหนึ่ง เหมือนไม่ได้ต่อกันมา นี่ถ้าไม่มีบุญเก่ามา ชาตินี้คงไม่รอดต้องจมทุกข์เหมือนชาวบ้านเพราะความอยากมีคู่แน่ๆ

ฐานกินมื้อเดียวได้สบายๆ เจอการประพฤติตนเป็นโสดยังเรียกว่าตึงมือ รบกันก็เสียเลือดบ้าง เสียแขนเสียขาไปบ้าง แต่ก็ยังพอมีโอกาสชนะได้ ดังนั้นฐานต่ำกว่านี้ไม่น่ารอด ถ้าจะรอดก็กดข่มอดทนเอาให้มันผ่านๆไปอีกชาติ

ถ้าถามความหวังผมจากการเขียนบทความเชียร์คนโสดทั้งหลาย ผมไม่หวังอะไรเลยนะ ถึงเขาจะมาถามหรือจะมาปรึกษาก็ไม่หวัง ถ้าวันหนึ่งเขาจะเปลี่ยนใจไปมีคู่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเข้าใจว่ามันยากจริงๆ

แต่เราก็ต้องเขียน ต้องเผยแพร่ ต้องบอกเขานั่นแหละ มันเป็นความรู้ที่ดี ไม่ค่อยมีคนเผยแพร่กันนักหรอก ยังมีคนมาบอกเลยว่าอย่างเราหายาก “บางคนสอนโทษของการมีคู่ แต่ตัวเองก็ดันมีคู่ ไม่น่าศรัทธา

นักเผยแพร่ธรรมะ น้อยคนนักที่จะชี้โทษของการมีคู่ชัดๆ ส่วนใหญ่ก็เหลือช่องน้อยไว้ให้ตัวเองมีคู่ เจาะช่องไว้ให้หาคู่ได้โดยไม่ผิด ธรรมะมันไม่ถึงแก่นมันก็เฉโกไปแบบนี้นั่นแหละ

ก็เลยต้องทำไป ไม่หวังหรอก ทำไปนั่นแหละ มันเป็นสิ่งดี

รีวิวอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์

พวกบทความชวนกินอาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์ การพยายามลดเนื้อกินผัก สูตรอาหารและวิธีการทำต่างๆ ผมว่าทำกันไปเถอะ เป็นสิ่งที่ดี ถ้าเราไม่ได้มีจิตหลงในอาหารนั้น เพียงแค่เสนอทางเลือกใหม่ๆให้ผู้อื่นได้ศึกษาและทำความเข้าใจ

เราไม่จำเป็นต้องจำกัดวงของเราหรอก อย่างเพจนี้ก็สาธารณะ ใครที่ทำอาหารเก่ง เขียนรีวิวเก่งๆก็ไปลงตามเว็บสาธารณะต่างๆ เช่น pantip.com ฯลฯ ได้

เป็นการแบ่งปันสิ่งดีให้กับเพื่อนมนุษย์นะ มีความสามารถอย่าไปเก็บไว้ มันเสียของ ไม่เกิดประโยชน์ ขยันทำ ขยันแจกกันไป แรกๆก็ให้มันหน้าตาดี ดูอร่อยไปก่อนก็ได้ สุขภาพเอาไว้ก่อน เอาให้คนที่เห็นเกิดความยินดี เต็มใจ พอใจที่จะมากินอาหารมังสวิรัติก่อน

เขายังเลิกกินเนื้อสัตว์ไม่ได้ ไม่เป็นไรนะ เอาแค่เขาไม่มีอคติต่ออาหารที่ไม่มีเนื้อสัตว์ก่อนก็พอ