สิ่งใดจะทำลายธรรมชาติได้ดีเท่าการท่องเที่ยว

จากกระทู้ : สุดอึ้ง! ภาพเกาะตาชัย สุสานที่เงียบเชียบ

สิ่งใดจะทำลายธรรมชาติได้ดีเท่าการท่องเที่ยว

เรียกว่าเป็นสภาพที่ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันไปถล่มธรรมชาติกันเลยทีเดียว กรณีที่ยกมานี้เป็นข่าวเก่า แต่วงจรนี้ไม่มีวันจบสิ้น

เริ่มจากคนมีกิเลสแสวงหาสถานที่น่าเสพ พอได้เสพก็อยากอวด พออวดคนก็อยากเสพตาม กิเลสมันแพร่พันธุ์ได้ง่ายกว่าเชื้อโรคใดๆในโลกนี้ ว่าแล้วคนที่เกิดความอยากก็จะมุ่งมาเสพตามที่เขาว่าดี คนในพื้นที่ก็ขี้โลภ เห็นประโยชน์ตนมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม ก็ทำลายธรรมชาติเพื่อหาผลประโยชน์เข้าตัวกันไป

กรณีขุดเหมือง ขุดน้ำมันนี่มันยังเป็นเรื่องของนายทุนใหญ่ ๆ ไม่กี่คน ถ้าคนในชุมชนเข้มแข็ง รัฐบาลทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ชาติ มันก็ไม่มีปัญหา แต่การท่องเที่ยวนี่คือทุกคนต่างมีความต้องการที่จะเสพ แล้วมันห้ามกันไม่ได้ง่ายๆนะ ห้ามนายทุนขุดเหมือนนี่มันยังพอจะทำกันได้ แต่ห้ามคนไม่ให้เข้าไปท่องเที่ยวนี่มันทำไม่ได้ง่ายๆนะ จะไปจำกัดคนไม่ให้เขาเที่ยวเขาไม่ยอมนะ เขาไม่พอใจเขาก็เอาเงินฟาด พอเงินหล่นใส่เจ้าหน้าที่กิเลสหนา ศีลธรรมและความรับผิดชอบก็หล่นตาม แถมรัฐบาลยังส่งเสริมการท่องเที่ยวอีก ไปกันใหญ่

สุดท้ายมันก็พังไปทีละที่นั่นแหละ ที่ไหนมีนักท่องเที่ยวมาก ธรรมชาติก็จะเสื่อมไปเท่านั้น

รุมโทรมธรรมชาติ

จากเนื้อหาในข่าว : เกาะกูด-เกาะช้าง จราจรติดหนึบ คนทยอยกลับหลังหยุดยาว 5 วัน

ผมรู้สึกว่าการไปท่องเที่ยวแบบนี้มันเหมือนพากันไปรุมโทรมสถานที่นั้นยังไงไม่รู้สินะ

จริงอยู่ที่ว่าเขาอาจจะได้เงินกัน แต่คิดๆไปก็เหมือนหญิงสาวที่ยอมให้ชายมาสำรวจท่องเที่ยวและบุกตะลุยร่างกายของเธอเพื่อแลกกับเงิน (พิมพ์ให้มันซอฟๆ ลงนะ คงพอจะรับกันได้)

ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ไปรักษาธรรมชาติหรือศึกษาอะไรกันหรอก ไปเสพสุขกันเสียมากกว่า การรักษาธรรมชาติจริงๆคือการไม่ต้องไปยุ่งวุ่นวายกับมัน ปล่อยมันให้เป็นไปตามวิถีของมัน

เอานะ ใครที่เห็นโทษแล้วก็ห่างออกมา ส่วนใครกิเลสหนาก็ศึกษากันไป