[34] หนูกับกระรอก

diary-0034-หนูกับกระรอก

34. หนูกับกระรอก

วันก่อนระหว่างนั่งอยู่ในบ้าน ก็เห็นกระรอกวิ่งไปมา เห็นหางมันก็นึกถึงหนู

คือหางกระรอกนี่มันจะมีขนและฟู ๆ หางหนูไม่มีคน แต่ถ้าตัดหางออกไป หน้าตามันก็คล้าย ๆ กันอยู แต่ทำไมกระรอกมันดูไม่มีพิษภัย ส่วนหนูนี่เป็นสัตว์ที่ควรจะเอาไว้ไกล ๆ

ก็มานั่งคิด สรุปว่า โดยกายภาพมันไม่ได้ต่างกันนักหรอก แค่หางไม่ได้บ่งบอกว่ามันดีหรือไม่ดี ส่วนที่บอกว่ามันดีหรือไม่ดีคือการกระทำของมันต่างหาก

กระรอกนี่มันไม่เคยเบียดเบียนเรานะ มันก็อยู่ของมันไป ส่วนหนูนี่มีชีวิตเพื่อเบียดเบียน การเป็นอยู่ของหนูจะเน้นเบียดเบียนเพื่อดำรงชีวิต ไม่สามารถดำรงตนในธรรมชาติทั่วไปได้ แต่ต้องพึ่งพิงมนุษย์

เมื่อมาอยู่กับคนก็สร้างความเสียหายมากมาย ก็คงเช่นเดียวกับยุงตัวเมีย ที่เกิดมาเพื่อเบียดเบียนโดยตรง ต่างจากผีเสื้อ ที่ไม่ทำอันตรายใด ๆ ต่อเราเลย

โลกนี้ล้วนเต็มไปด้วยสิ่งที่มีประโยชน์และไม่มีประโยชน์ พระพุทธเจ้าตรัสว่าบัณฑิตเราควรเข้าใกล้ คนพาลเราควรห่างไกล คืออย่าไปยุ่งมาก ชีวิตมันจะวุ่นวาย ซึ่งจริง ๆ แล้วในโลกส่วนใหญ่ก็คนชั่วคนพาลนั่นแหละ บัณฑิตมีนิดเดียว มีแค่ฝุ่นปลายเล็บเมื่อเทียบกับดินทั้งแผ่นดิน สรุปคือเราก็จะถูกเบียดเบียนจากคนพาลเหล่านี้เรื่อยไปเป็นธรรมดา เหมือนกับการที่เรามีบ้าน มีข้าวของเครื่องใช้ ก็จะต้องเผชิญกับหนูเป็นธรรมดา

ก็ทน ๆ อยู่กันไป ทำได้อย่างดีก็แค่ป้องกันมัน แต่หลายบ้านกันอย่างดีมันก็เจาะช่องเข้าได้อีก บางบ้านไม่ป้องกันอะไรเลย แต่ก็ไม่มีหนู ก็เป็นเรื่องที่ยากจะอธิบาย

แต่หนูมันอยู่ไม่ได้ตลอดหรอก คนพาลก็เช่นกัน เขาจะทำชั่วได้เท่าที่เราเคยทำชั่วมา ไม่มีทางมากกว่านั้น ดังนั้นให้สบายใจได้ว่า ไม่ว่าหนูหรือคนพาลใด ๆ ” เธอไม่มีทางทำกับฉันได้มากกว่าที่ฉันเคยทำมาหรอก

ส้มตำ กับวัตถุดิบที่ปลูกเอง

ส้มตำ

ส้มตำ กับวัตถุดิบที่ปลูกเอง

วันก่อนลองทำส้มตำอีก เป็นสูตรแบบที่เขาใส่ทั่วไป เพื่อทดลองและเรียนรู้อะไรบางอย่าง

พอทำเมนูหนึ่งก็จำเป็นต้องกินหลายวัน เพราะวัตถุดิบมันเยอะ แต่พอหลายวันก็มีเน่าเสียไปบ้างก็มี เช่น มะเขือเทศ ถั่วฝักยาว

ก็เลยไปหาวัตถุดิบในสวนว่าพอจะมีอะไรบ้าง ก็มีมะเขือเทศสองลูก ลูกหนึ่งสุกอีกลูกเขียว ลูกหม่อน ถั่วพุ่ม ก็เอามาใส่ส้มตำ

แล้วก็นึกขึ้นได้ว่า ส้มตำนี่จริง ๆ เป็นเมนูจากของใกล้ตัวทั้งนั้นเลยนะ ตอนนี้ยังขาดมะละกอ มะนาว พริก กระเทียม ที่ยังไม่โตบ้าง ยังไม่ได้ปลูกบ้าง แต่ถ้าปลูกครบก็ไม่ต้องวิ่งออกไปหาที่ไหน เก็บกินเอาได้ในสวนนั่นแหละ

หลังจากใส่หม่อนไป ผมเพิ่งจะสังเกตว่าคนเราต้องการเสพรสที่หลากหลาย อย่างรสเปรี้ยวนี้เขาไม่ได้ต้องการเปรี้ยวเดียว ส้มตำนี้มีสามเปรี้ยว คือเปรี้ยวจากมะขามเปียก เปรี้ยวจากมะเขือเทศ เปรี้ยวจากมะนาว และที่ผมใส่ยังไปได้เปรี้ยวจากลูกหม่อนอีก

มันต้องหลากหลายไปไหน เปรี้ยวเดียวไม่ได้หรอ? เดี๋ยววันหลังจะลองเปรี้ยวเดียว ส่วนเค็มหวาน เผ็ดในส้มตำนี่ไม่ค่อยหลากหลายอยู่แล้ว แต่อาจจะมีบางที่เขาทำหลากหลายนะ อย่างในบางเมนูอาหารพริกแห้งก็ต้องมี พริกสดก็ต้องใส่ ความหลากหลายเหล่านี้คนเขาก็เรียกว่าอร่อย แต่ผมว่ามันเป็นความฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยนะ

[33] การใช้ประโยชน์จากกระถิน

diary-0033-การใช้ประโยชน์จากกระถิน

33. การใช้ประโยชน์จากกระถิน

ที่นี่มีต้นกระถินเยอะมาก เยอะมากจนเป็นปัญหา และปัญหานั่นแหละทำให้เราต้องใช้ปัญญา

เนื่องจากกระถินเยอะเกิน ก็ต้องขยันตัดมันออก ทั้งตัดแบบถอนรากถอนโคน ตัดเล็มกิ่ง ทำอย่างไรจึงจะมีพลังในการทำงาน เมื่อปริมาณของงานนั้นเยอะจนท้อเลยทีเดียว

ผมก็ใช้วิธีหาประโยชน์จากกระถินนี่แหละ กระถินนี่เป็นพืชที่มีพลังงานมาก สัตว์ชอบกิน คนเลี้ยงวัวจะเอากระถินไปให้วัวกิน แล้วสุดท้ายก็กลายเป็นปุ๋ยคอกมาใส่ต้นไม้

เราก็ลดขั้นตอนจากการเอากระถินใส่ไปในวัว มาใส่ในดิน ใส่ในต้นไม้เลย แน่นอนว่าไม่สมบูรณ์เท่าวัวย่อยหรอก แต่มันจะดีกว่าในหลาย ๆ ด้าน และในระยะยาวด้วย

ใบกระถินถ้าแดดดี ผมก็ทิ้งไว้ให้แห้งแล้วเอามาผสมดินปลูก หรือไม่ก็ผสมในแปลงผักเลย จะรูดใบออกทั้ง ๆ ที่ยังเขียวหรือวางตากแดดทิ้งไว้ให้แห้งแล้วค่อยรูดใบออกก็ได้ แล้วแต่ความเหมาะสมของสภาพอากาศในเวลานั้น ๆ

ส่วนกิ่งและต้น สมัยก่อนมองมันแล้วเป็นภาระมาก เดี๋ยวนี้คิดอะไรไม่ออกก็เอาไปเผาถ่าน เอาไปทำฟืน เอาไปทำเสาบ้าง ตอนนี้ก็สามารถใช้ประโยชน์และกำจัดกระถินส่วนเกินได้อย่างเต็มใจแล้ว ที่เหลือก็มีแค่ใช้แรงกายไปทำเท่านั้น

เป้าหมายของผมคือจะทำให้กระถินหายไปจากพื้นที่ โดยมีต้นไม้ที่ใช้ประโยชน์อื่น ๆ ได้มาทดแทน เราไม่ได้จำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากกระถินถึงขนาดจะต้องมีมัน แต่ในเมื่อมีมันแล้ว ก็ต้องรู้จักหาประโยชน์จากมัน

มะเขือเทศรุ่นสอง

มะเขือเทศรุ่นสอง

มะเขือเทศรุ่นสอง

หลักจากที่เด็ดมะเขือเทศไปแล้ว ก็ต้องรอชุดใหม่สุก มะเขือเทศมันจะสุกเป็นชุด ๆ ก็คงจะตามการดูแลของเรา ดูแลดีมันก็ออกดอกติดผล ไปเป็นช่วง ๆ

มะเขือเทศสามารถเอาไปประกอบอาหารและกินสดได้ คือใช้เป็นทั้งผักและผลไม้ได้ ตอนนี้ต้นที่โตเต็มวัยในชุดที่รอดมาจากการถูกปลูกแล้วทิ้งไปเฉย ๆ 3 เดือนนั้นมีแค่สามต้น

พอเวลาแต่ละต้นสุก ก็สุกไม่พร้อมกัน แม้จะมีลูกอยู่มาก แต่ก็จะสุกทีละ 3-4 ลูกเท่านั้น ดังนั้นวันหนึ่งอย่างเก่งก็เก็บผลกินได้เท่านั้นแหละ

ช่วงนี้ก็เลยปลูกเพิ่ม ก็อีกหลายสิบต้น ราว ๆ 50 ต้น ไม่รู้ว่าตอนโตแล้วออกดอกออกผลพร้อมกันจะเป็นอย่างไร รู้แต่สามต้นนี่ไม่พอกิน มีให้กินได้ทุกวันมันก็ดี

ซึ่งมะเขือเทศนี่เก็บผลไว้กับต้นได้นาน ไม่ต้องมีตู้เย็น กว่ามันจะแดง กว่ามันจะเหี่ยวก็นานอยู่ ดังนั้นถ้ามีหลายต้นก็คงจะได้กินทุกวัน

กินมะเขือเทศไร้สารพิษทุกวันแบบนี้ สุขภาพดีจะหนีไปไหน มะเขือเทศเป็นผักฤทธิ์เย็นด้วย ทำให้กินง่าย ปรับง่าย จะปรับให้ร้อนขึ้นก็แค่เอาไปปรุงเพิ่ม ถ้าอากาศร้อนก็กินสด ปลูกติดบ้านไว้ไม่เสียหาย

ผักนึ่งสามอย่าง

ผักนึ่งสามอย่าง

ผักนึ่งสามอย่าง

อาหารช่วงที่กินก่อนหน้านี้ เป็นช่วงที่เขาว่าอากาศร้อนที่สุดช่วงหนึ่ง ดังนั้นอาหารเลยปรับไปตามอากาศ

เป็นสัปดาห์ที่ผมแทบจะไม่ได้แตะอาหารที่ใส่น้ำมันเลย วนเวียนอยู่กับผักนึ่ง ผักต้ม ผักสด วันนี้มีเยอะชนิดหน่อย คือสามชนิด ปกติจะน้อยกว่านี้ ก็เอาเท่าที่กินทั้งหมดจัดใส่จานให้ดู จานมันเล็ก มันก็ล้น ๆ หน่อย

ผักที่มีก็มีฟักทอง ไชยา ตำลึง กินแค่ผักนึ่ง ข้าว แล้วก็ถั่วต้ม ก็อยู่ได้ทั้งวัน กินแบบนี้เป็นอาทิตย์น้ำหนักหายไปหลายกิโล เพราะไม่มีน้ำมันเหมือนเดิม

หน้าร้อนก็แบบนี้ ก็ต้องเอาน้ำหนักส่วนเกินออก แต่ไม่นานนักฝนก็ตกลงมา อากาศเย็นจนรู้สึกหนาว ก็ต้องกินของมัน ๆ หรือกินเพื่อไปเพิ่มน้ำหนักตัวบ้าง ไม่งั้นมันจะหนาวจนทรมาน มันจะอยู่ไม่ไหว ปรับร้อนปรับเย็นไปแบบนี้ตามสภาพอากาศ เราปรับตามอากาศ ไม่ใช่ให้อากาศปรับตามเรา ถ้าให้อากาศปรับตามเราเช่นเปิดแอร์มันก็จะเปลือง แถมยังทำให้เราอ่อนแออีกด้วย

ตั๊กแตนกิ่งไม้

ตั๊กแตนกิ่งไม้

ตั๊กแตนกิ่งไม้

ตั๊กแตนชนิดนี้ สมัยเด็ก ๆ ผมไม่เคยเห็นเลย เพิ่งมาเห็นก็ตอนโต เพราะเกิดในกรุงเทพฯ แม้สมัยก่อนจะมีที่รกร้าง มีต้นไม้อยู่มาก แต่ก็ยังไม่เคยเห็นมัน

พอมาเห็นในสวนแมลงที่เขาจัดไว้ให้ดูก็แปลกใจ เออมันมีแมลงแบบนี้อยู่ด้วยเหมือนกัน แต่ที่เขาเลี้ยงไว้ให้ดูนี่มันตัวใหญ่ ในธรรมชาติส่วนใหญ่จะตัวเล็กกว่า นาน ๆ จะเจอตัวใหญ่ ๆ สักที

สรุปว่าทุกวันนี้เจอตัวแบบนี้เกือบทุกวัน วันไหนไปขุดดิน ถางหญ้าเดี๋ยวก็เจอ ก็เหมือนกิ่งไม้ที่ขยับได้ มันไม่ไวเหมือนตั๊กแตนชนิดอื่นหรอก เจอแล้วก็ระวังมันนิดหนึ่ง มันหนีไม่เก่ง เดี๋ยวจะพลาดเหยียบมันตาย

…ปล่อยเธอไปได้ไหม

ช่วงนี้ได้ยินประโยคนี้บ่อย เป็นเนื้อร้องท่อนหนึ่งของเพลงหนึ่งที่ คนที่เขาก่อสร้างใกล้บ้านเปิดอยู่หลายครั้งในช่วงสองวันนี้

เนื้อหาทั้งหมดของเพลงนั้นก็ปล่อยไปเป็นเรื่องของเพลง มาเล่ากันถึงตอนที่ได้ยินประโยคนี้ ซึ่งมันดูพร่ำเพ้อโหยหาโอกาสเสียเหลือเกิน

ผมมานั่งคิดถึงการที่เราจะร้องขอให้ เขา/เธอ จงอย่าเป็นทุกข์เลย อย่าไปทำชั่วเลย อย่าได้พบกับทุกข์ภัยเลย …. มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในหลักความจริงเลยแม้แต่นิดเดียว

ฟ้าจะผ่าใคร หรือจะลากใครไปตาย ไปลงนรก ผมจะสามารถร้องขออะไรได้ ในเมื่อนั่นเป็นสิ่งที่เขาได้ทำมา มิหนำซ้ำหลายสิ่งเขายังทำไปทั้งที่ตั้งใจเสียด้วย

เช่น เราบอกเขาว่าอย่าไปทำแบบนั้น มันจะทุกข์หนัก สุดท้ายเขาก็ไม่เชื่อเรา ไปเลือกทางชีวิตที่ทุกข์ นี่เขาเลือกอย่างตั้งใจ เป็นทางที่เขาภูมิใจ เป็นชั่วที่เขามั่นใจ

แล้วที่นี้จะไปหวังได้อย่างไรให้วิบากกรรมปล่อยเขาหรือเธอไป มันเป็นไปไม่ได้ วิบากจะลากเขาให้ทุกข์ทรมานแสนสาหัสขนาดไหนมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เราจะไปร้องขออะไรได้

การอวยพรก็เช่นกัน หลังจากศึกษาธรรมะมาจนถึงวันนี้ ผมไม่มีคำอวยพรใด ๆ ให้ใครเลย จะนึกก็นึกไม่ออก มันไม่มีปัญญา คือคำอวยพรแบบเดิมที่เคยใช้มันผิดสัจจะหมดเลย มันไม่เป็นไปตามกรรม เช่น จะไปอวยพรให้เขาเป็นคนดี สุขภาพดี มันจะเป็นไปได้อย่างไร นั่นเขาคิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่วอยู่ มันจะออกมาเป็นผลดีได้อย่างไร

ผมเข้าใจเลยว่าทำไมพระพุทธเจ้าเลิกให้พร… แต่ท่านก็ได้ตรัสพรในแบบพุทธว่า อายุ วรรณะ สุข โภคะ พละ ซึ่งแต่ละข้อนั้นไม่ได้มาด้วยการฟังใครพูด ต่อให้พระเกจิยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ไม่สามารถพูดให้คนได้สิ่งเหล่านั้นได้ เพราะพระพุทธเจ้าตรัสว่า อายุนั้นเจริญได้ด้วยอิทธิบาท วรรณะเจริญได้ด้วยศีล สุขเจริญได้ด้วยฌาน โภคะเจริญได้ด้วยพรหมวิหาร พละเจริญได้ด้วยวิมุตติ หมายถึงทำสิ่งที่ว่าจึงจะได้รับพร ไม่ใช่ได้รับพรด้วยการฟังประโยคเหล่านั้น

จนบัดนี้ผมก็ยังนึกไม่ออกว่าจะอนุโลมให้พรอย่างไร มันยากจริง ๆ ที่จะพูดให้ไม่ขัดสัจจะ หรือพูดสัจจะโดยไม่ขัดกับโลก … ดังนั้น ถ้าผมไม่ให้พรใด ๆ ก็ขออย่าได้แปลกใจ … นั่นเพราะผมคิดไม่ออก…

[32] ฝนที่ไม่ได้อยู่ในแผน

diary-0032-ฝนที่ไม่ได้อยู่ในแผน

32. ฝนที่ไม่ได้อยู่ในแผน

ปกติแล้วเวลาจะทำงานอะไร ผมจะตั้งโครงขึ้นมา ว่าจะทำสิ่งนี้สิ่งนั้นในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ

ซึ่งก่อนหน้านี้ก็อากาศร้อนมาก เราก็วางแผนไว้แบบหนึ่งว่าจะทำงานแบบนี้นะ จะผสมปูน เทปูน ก็เลยซื้อปูนมารอ

แต่พอซื้อมาเสร็จ ฝนก็มาด้วย ทีนี้งานปูนกับฝนมันไปด้วยกันไม่ได้ ไอ้ที่ว่าจะไปเร่งงานก่อนฝนตกบางทีมันก็ไม่แน่เสมอไป เพราะที่เราเห็นฟ้าใส คิดว่าฝนมันจะไม่ตกแน่ ๆ ภายใน ครึ่งวัน บางทีผ่านไปแค่ครึ่งชั่วโมงฟ้าก็มืดมาพร้อมเมฆฝนเลยก็เป็นได้

ก็ต้องวางแผนเดิมกันไป วางงาน นั่งดูฝนตก เปลี่ยนเป็นกิจกรรมรองน้ำฝนไว้กินแทน ปูนไว้ทีหลังแล้วกัน ตารางงานมันจะเลื่อน มันจะโยกย้ายอะไรไปมันก็เป็นธรรมดา

ส่วนตัวผมว่า ฝนตกนี่เป็นช่วงที่อยู่ยากที่สุดแล้ว เพราะไม่ค่อยมีกิจกรรมอะไรให้ทำ หรือจะทำกิจกรรมอะไรหลังจากนั้นก็ลำบาก จะขุดดิน ดินก็ติดจอบติดเสียมกันจนต้องลำบากแงะ จะมีก็แค่งานเบา ๆ เช่น ถอนวัชพืชไปเรื่อย ๆ

จริง ๆ ฝนตกก็มีข้อดีมาก คือไม่ต้องรดน้ำต้นไม้ อัตราการรอดของต้นไม้ที่ลงไว้มีสูง อัตราการเติบโตของพืชผักที่ปลูกไว้ค่อนข้างดี ซึ่งมันจะดีมากหากสถานที่นี้ลงตัวดีแล้ว แต่หากยังอยู่ในขั้นตอนพัฒนา ก็ถือว่าเป็นอุปสรรครูปแบบหนึ่ง

[31] ใช้ฟืน ได้ไฟ ได้ถ่าน

diary-0031-ใช้ฟืน-ได้ไฟ-ได้ถ่าน

31. ใช้ฟืน ได้ไฟ ได้ถ่าน

หลังจากที่ผมใช้ฟืนมาได้สักพัก ก็ได้รับประโยชน์จากฟืนมากมาย ได้มากกว่าถ่านเสียอีก เลยเก็บมาบันทึกกันหน่อย

การได้ฟืนมานั้นก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร เพราะต้องถางป่าที่รกอยู่แล้ว ไหนจะกระถิน ไหนจะปอกระสา มันเยอะจนไม่รู้จะเอาไปทำอะไร ก็เอามาทำเป็นเชื้อเพลิงนี่แหละ สุดท้ายก็จะได้ถ่าน เอาไปใช้ปลูกต้นไม้ได้อีก

ถ้าซื้อถ่านที่เขาเผานี่มันไม่ง่ายนะ มันต้องเอารถไปขนมา ฟืนจึงเป็นความเรียบง่ายและพอเพียงชนิดหนึ่งที่เหมาะสมกับชีวิตบ้านไร่

ฟืนคือความไม่แน่นอน จะวางใจเหมือนใช้เตาแก๊สหรือกะทะไฟฟ้าไม่ได้ เพราะความร้อนที่ได้มันไม่แน่ แม้จะมีฟืนปริมาณเท่ากัน แต่ถ้าไม้ต่างชนิดก็ให้ความร้อนต่างกัน ไหนจะขนาด รูปทรง อีกที่มีผลต่อความร้อน ดังนั้นการทำอาหารด้วยฟืนจะต้องคอยสังเกตมากกว่า ต้องคอยเติมเชื้อเพลิงหรือลดมันลงบ้าง ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ยุ่งยากกว่าการปรับอุณหภูมิขึ้นลงของเครื่องใช้ไฟฟ้ามาก

การใช้ฟืนในหน้าฝนนั้น คงไม่เหมือนหน้าร้อน เพราะอากาศมีความชื้นสูง ต้องจัดเตรียมฟืน เก็บฟืนไว้ในที่แห้ง หรืออย่างน้อย ๆ ก็ไม่ให้โดนน้ำค้างหรือน้ำฝน

การใช้ฟืนนั้นยังสามารถจุดไฟให้ติดได้ง่ายกว่าใช้ถ่าน เพราะก่อกองไฟด้วยเศษไม้และฟืนนี่แทบจะไม่ต้องใช้พัด แต่ก่อเตาถ่านต้องใช้ ก็เลยเป็นอีกหนึ่งความสะดวกของการใช้ฟืน

การปลูกวอเตอร์เครส

การปลูกวอเตอร์เครส

การปลูกวอเตอร์เครส

จากที่ผมทดลองปลูกมา ดูเหมือนว่าถ้าเราปลูกในที่แดดรำไร ก็จะเห็นผลได้ดีกว่า คือต้นโต ใบใหญ่

ในตอนแรกผมเข้าใจว่ามันต้องได้แดดเยอะ ๆ ถึงจะดี จากข้อมูลที่ทดลองปลูกที่บ้านกรุงเทพฯ ถ้าเอาไว้ในร่มไม่ดี เอามาตั้งหน้าบ้านให้โดนแดดบ้างจะดี ก็เลยเอามาทดลองต่อกลางแดด

ทีนี้กลางแดดที่นี่มันแดด 100% ทั้งวัน มันก็เลยมากเกินไป ปลูกไปต้นก็ไม่งาม ใบก็สีอ่อน ต้นก็แห้ง ๆ เลยทดลองใหม่ ปลูกใต้ค้างตำลึง ก็มีตำลึงช่วยพรางแสงให้ สรุปผลออกมาดี ใบใหญ่ กรอบ ต้นไม่แข็ง

เลยได้ผลสรุปว่า ก็ปลูกกลางแดดนี่แหละ แต่ต้องอยู่ใต้ต้นไม้อื่นหรือ ใต้ค้างไม้เลื้อย ถึงจะดี