หว่านข้าวสู่ผืนนา หว่านศรัทธาสู่หัวใจ ปลูกป่า

วันที่สองของการเดินทางมาเรียนรู้ในกิจกรรม “หว่านข้าวสู่ผืนนา หว่านศรัทธาสู่หัวใจ” โดยทีวีบูรพา วันนี้เป็นที่สอง เป็นวันที่เรามีเวลาเต็มวันในการทำกิจกรรมต่างๆมากมาย

วันนี้เราเริ่มต้นวันตั้งแต่ตีสี่ด้วยธรรมะตามสาย เป็นการตื่นที่น่าจะเช้าที่สุดในรอบปี ถ้าเป็นปกติก็คงจะงงตัวเองไม่รู้จะตื่นมาทำอะไรตอนตีสี่

ตื่นตั้งแต่ตี 4 ลืมตาเปิดหูมาฟังธรรมะตามสายตอนตี 4
ตื่นตั้งแต่ตี 4 ลืมตาเปิดหูมาฟังธรรมะตามสายตอนตี 4

แต่ตีสี่วันนี้พิเศษออกไปเพราะมีธรรมะให้ฟัง เสียงนุ่มละมุนหูพร้อมด้วยข้อคิดสอนใจมากมาย ทำให้ต้องตื่นมานอนฟัง เพราะไหนๆก็อยู่ในวัดแล้ว การนอนฟังธรรมนี่คงหาโอกาสได้ไม่ยากนักสำหรับคนแบบผม ก็เลยใช้โอกาสนี้ฟังจนจบเสียเลย เมื่อจบแล้วก็ไปอาบน้ำเตรียมพร้อมกิจกรรมในวันนี้

กบที่มาเกาะกางเกงที่ตากไว้
กบที่มาเกาะกางเกงที่ตากไว้
6 โมงเช้าเตรียมตัวออกเดินทาง
6 โมงเช้าเตรียมตัวออกเดินทาง

เราพยายามจะออกเดินทางไปปลูกป่าแนวกันชนกันให้เร็วที่สุดเช้าที่สุดเพราะจะหลีกเลี่ยงแดดในช่วงสายถึงเที่ยง เพราะเจ้าถิ่นเขาว่าร้อนมาถึงขนาดว่าผิวอาจจะไหม้กันได้เลยทีเดียว และแน่นอนผมก็ใส่ชุดเตรียมพร้อมออกปลูกนั่นคือเสื้อแขนยาวพร้อมหมวกแก๊ปหนึ่งใบ

อีกหนึ่งเหตุผลที่ไม่เอารสบัสมา
อีกหนึ่งเหตุผลที่ไม่เอารสบัสมา

เราเดินทางกันเข้าไปในชุมชน ไปในถนนที่นานๆทีจะมีรถผ่านสวนมาสักคัน อาจจะเพราะเป็นเวลาเช้า เราบุกเข้าไปในที่ดินที่มีการปลูกพืชสลับกับป่า หนทางนั้นเหมือนจะทำขึ้นมาใหม่ได้ไม่นานนัก และอีกหนึ่งเหตุผลที่ทางทีมงานตัดสินใจใช้รถตู้ก็เพราะว่าจะทำให้เราเดินทางมาปลูกป่าได้สะดวกยิ่งขึ้น

ผืนดินที่ไถเตรียมไว้
ผืนดินที่ไถเตรียมไว้
ดินร่วนปนทราย ดินแถวนี้เป็นแบบนี้ทั้งนั้น
ดินร่วนปนทราย ดินแถวนี้เป็นแบบนี้ทั้งนั้น

เมื่อเข้ามาด้านในพบว่าพื้นที่บางส่วนกำลังปรับปรุงอยู่ และส่วนที่ไถไปแล้วก็จะเห็นเป็นดินทรายครับ ที่นี่มีแต่ดินร่วนปนทรายโดยส่วนใหญ่จะเป็นทราย เดินไปก็นุ่มๆดี

น้ำข้าวกล้องงอกแหล่งพลังงานแรกของเช้าวันนี้
น้ำข้าวกล้องงอกแหล่งพลังงานแรกของเช้าวันนี้

น้ำข้าวกล้องงอก ต้อนรับเช้าวันใหม่ เป็นน้ำข้าวกล้องอินทรีย์ครับ ยกระดับขึ้นมาอีกนิดสบายใจขึ้นอีกหน่อย ขอบอกว่าแก้วนี้กินนานมากเพราะร้อน… แต่ก็ต้องขอเพิ่มอีกแก้วเพราะนอกจากจะอิ่มแล้วยังอร่อยอีกด้วย

โครงการศูนย์วิจัยพันธุ์พืชไทบ้าน
โครงการศูนย์วิจัยพันธุ์พืชไทบ้าน

ที่ที่เราจะมาปลูกป่ากันคือ โครงการศูนย์วิจัยพันธุ์พืชไทบ้าน ครับ ป่าที่เราปลูกนอกจากเราจะได้ป่าแล้ว เรายังจะได้ประโยชน์อีกอย่างซึ่งเป็นจุดประสงค์หลักในการปลูกป่าก็คือ การใช้ป่าเป็นกันชนต้านสารเคมีจากไร่อ้อยของชาวไร่อื่นๆอีกฝั่งหนึ่งครับ เพื่อป้องกันการปนเปื้อนสารเคมี ในข้าวคุณธรรมที่เราได้กินกันนั่นเอง เห็นไหมครับใส่ใจคุณภาพกันตั้งแต่ระดับเตรียมการผลิตเลยทีเดียว

ใช้ชีวิตที่นี่ ไม่ต้องรีบ
ใช้ชีวิตที่นี่ ไม่ต้องรีบ

ที่นี่ ชีวิตไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ ไม่ต้องใช้เตาแก๊สที่จุดติดทันที เพียงแค่ใช้ถ่านที่สามารถจัดหาได้ในพื้นที่ ที่นี่มีไม้และเศษไม้มากพอจะเผาถ่านใช้ได้เป็นปีๆสำหรับหนึ่งครัวเรือน

หลุมแมงช้าง
หลุมแมงช้าง

เห็นหลุมแมงช้างผมก็นึกถึงตอนเด็กที่ชอบเอามดไปหย่อนหลุมแมงช้างครับ คืออยากเห็นแมงช้างก็เลยต้องใช้มดเป็นตัวล่อครับ ปัจจุปันได้ประสบการณ์พอแล้วก็เลยได้แค่คิดถึงก็พอ

ช่วยกันขนต้นไม้ไปปลูก
ช่วยกันขนต้นไม้ไปปลูก

มาถึงตอนที่เราต้องช่วยกันขนต้นไม้นะครับ ขนขึ้นรถเพื่อจะเอาไปปลูกต่ออีกมุมหนึ่งของพื้นที่ ที่เราจะปลูกป่ากันชนกันครับ

เกลอเมือง เกลอทุ่งมุ่งสู่จุดหมาย
เกลอเมือง เกลอทุ่งมุ่งสู่จุดหมาย

เราพากันเดินไปที่พื้นที่ที่จะปลูกป่ากันชนครับ ไม่ไกลเท่าไรนักแต่บรรยากาศนี่ดูคึกคักมากทีเดียว งานนี้มีเครือข่ายชาวนาจากอีกที่มาช่วยลงแรงกันด้วยครับ

มองไปทางไหนก็มีแต่ป่า
มองไปทางไหนก็มีแต่ป่า

หน้าตาของป่ากันชนน่าจะเป็นแบบนี้นะครับ ป่าจะช่วยป้องกันสารเคมีที่จะลอยมาตามลมได้ครับ ก็เหมือนกั้นฉากทำกำแพงธรรมชาติไว้ละนะ

ก่อนปลูกนี่ต้องตกลงเรื่องวิธีการให้ไปในทิศทางเดียวกันเสียก่อน
ก่อนปลูกนี่ต้องตกลงเรื่องวิธีการให้ไปในทิศทางเดียวกันเสียก่อน

ก่อนจะปลูกเราก็ต้องมีการสอนการปลูกป่าักันหน่อยนะครับ ว่าอะไรควรทำอย่างไรก่อนหลัง เพื่อการเติบโตของต้นไม้ที่ดีในอนาคตครับ

นี่ต้นมะม่วงป่าครับ ผมปลูกเอง
นี่ต้นมะม่วงป่าครับ ผมปลูกเอง

ต้นนี้น่าจะเป็นมะม่วงป่าครับ ต้นนี้ผมปลูกแต่ถ่ายตอนยังไม่ได้ยึดต้นไม้กับหลัก หลังจากปลูกเราก็จะปักหลักใกล้ๆแล้วหยิบฟางหรือเศษหญ้าข้างๆมาจับมัดต้นไม้กับหลักเพื่อยึดไว้ป้องกันลมพัดต้นหักนะครับ

สำหรับต้นไม้ที่ปลูกก็มีหลายชนิดเลยเช่น ยางนา ตะเคียน มะม่วงป่า สะเดาป่า ข่อย ขนุน อะไรก็ไม่รู้อีกเยอะแยะครับ จำไม่ได้จริงๆ

อากาศมันเป็นใจปลูกได้เยอะกว่าที่คิดเลยต้องไถที่เพิ่ม
อากาศมันเป็นใจปลูกได้เยอะกว่าที่คิดเลยต้องไถที่เพิ่ม

ด้วยความที่อากาศดี ไม่มีแดดเลย ทำให้เราปลูกกันได้ไวกว่าที่คาดกันเอาไว้ จึงได้มีการถางและไถดินเพื่อให้เหมาะกับการปลูกเพิ่มมากขึ้นครับ

ช่วยกันวัด ช่วยกันขุด ช่วยกันปลูก แต่ใครรดน้ำ?
ช่วยกันวัด ช่วยกันขุด ช่วยกันปลูก แต่ใครรดน้ำ?

ก็ช่วยกันปลูกกันไปตามมุมที่ชอบครับ ใครชอบมุมไหนก็ปลูกมุมนั้น ชอบต้นไหนก็ปลูกต้นนั้น โดยมีข้อกำหนดนิดหน่อยคือยางนา ต้องเว้นห่างกัน 2 ช่วงต้นที่ปลูก ก็ประมาณ 6 เมตรนะครับ

แหล่งพลังงานที่สองของวัน ข้าวต้มฟักทอง
แหล่งพลังงานที่สองของวัน ข้าวต้มฟักทอง

หลังจากปลูกต้นไม้กันไม่นานก็มีรถเสบียงยามเช้ามาถึงที่ครับ เรามีข้าวต้มเป็นมื้อเช้าในวันนี้ เป็นข้าวต้มฟักทองเสียด้วยงานนี้นอกจากได้ปลูกต้นไม้แล้วยังได้กินของดีอีกด้วยครับ

อร่อยกลางทุ่งเลยทีเดียว
อร่อยกลางทุ่งเลยทีเดียว

ข้าวต้มนี่กินกันกลางทุ่งได้อารมณ์ไปอีกแบบครับ ชีวิตผมนั่งร้านอาหารมาก็เยอะแต่ไม่ค่อยประทับใจ เอาเป็นว่ามันชินแล้วกัน พอมาเจอความแตกต่างแบบนี้เลยต้องขอเติมข้าวต้มอีกชามเพื่อมาดื่มด่ำกับบรรยากาศข้าวต้มกลางทุ่งให้ยาวนานขึ้นครับ

ต่อจากข้าวต้มเขาก็มีกระเพาะปลามาซ้ำกันด้วยนะครับ เป็นกระเพาะปลาเจ ใช้พวกโปรตีนเกษตรน่ะครับ อร่อยดีทีเดียว แต่กินได้ไม่เยอะเพราะอิ่มข้าวต้ม…

วัดแล้วขอนไม้อยู่ในเส้นทางปลูกก็ย้ายขอนไม้กัน
วัดแล้วขอนไม้อยู่ในเส้นทางปลูกก็ย้ายขอนไม้กัน

เนื่องจากเราใช้การวัดพื้นที่ก่อนปลูกครับ ดังนั้นอะไรที่ขวางทางเรา เราก็จะพยายามย้ายมันออกไปครับ ท่อนไม้ท่อนนี้วางอยู่และอยู่ในเส้นทางปลูกต้นไม้ของเราครับ ดังนั้นก็เลยต้องช่วยกันย้าย ตอนแรกเราใช้แรงคนดันครับมันไม่ขยับเลยผมก็ว่า ผมออกแรงสุดแล้วนะ มันยังไม่ขยับเลย สรุปต้องใช้ไม้แถวนั้นใช้วิธีคาดงัดเอาครับถึงจะขยับได้

ปลูกกันจนแทบไม่มีที่จะปลูก
ปลูกกันจนแทบไม่มีที่จะปลูก

ไล่ปลูกกันจนสุดขอบที่มีครับ เหมือนตอนนี้ไฟมันติดแล้วการปลูกเลยดำเนินต่อไปแม้ว่าจะหมดเวลาที่กำหนดไว้แล้วเล็กน้อย สุดท้ายก็ได้ปลูกกันจนหมดครับ

ปลูกเสร็จเราก็กลับ อีก 5 ปีมาดูกัน
ปลูกเสร็จเราก็กลับ อีก 5 ปีมาดูกัน

ปลูกกันจนเสร็จก็ทยอยเดินกลับกันไปหลังจากถ่ายรูปหมู่กันเป็นที่ระลึกครับ งานนี้ต้องดูกันยาวๆครับเพราะการปลูกป่านี่ต้องหวังผลระยะนานมากๆกันเลยทีเดียว สำหรับป่านี้ผมเองก็คิดอยู่เหมือนกันว่าอีกสัก 5 ปีหน้าตามันจะออกมาเป็นอย่างไร ก็คงต้องติดตามดูกันต่อไป สรุปวันนี้จบกิจกรรมครึ่งวันเช้าด้วยการปลูกป่ากันชนเพียงเท่านี้ครับ

สวัสดี

หว่านข้าวสู่ผืนนา หว่านศรัทธาสู่หัวใจ เดินทางวันแรก

เริ่มต้นอีกครั้งกับทริปเดินทางไกลกับ กิจกรรม “หว่านข้าวสู่ผืนนา หว่านศรัทธาสู่หัวใจ” โดยทีวีบูรพา ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่ผมได้เดินทางไปกับทีมงานทีวีบูรพา

เราเริ่มต้นวันด้วยการตื่นเช้าๆพอประมาณเพราะว่าบ้านอยู่ใกล้ทีวีบูรพา ก็เลยไม่ได้เร่งรีบเท่าไรนัก ของทุกอย่างถูกจัดไว้ลงกระเป๋าหมดแล้วเตรียมพร้อมที่จะเดินทางออกไปเรียนรู้วิถีชาวนาคุณธรรมอย่างที่ตั้งใจไว้

เริ่มต้นการเดินทางที่ทีวีบูรพา
เริ่มต้นการเดินทางที่ทีวีบูรพา

เวลาที่ผมมานั้นไม่เร็วไม่ช้า แค่มีคนมาก่อนแล้วประมาณ 70% เท่านั้นเอง ไปถึงก็มีทีมงานเข้ามาทักทาย และมีบทสนทนาเล็กน้่อยระหว่างคุณแม่ของผมที่มาส่งพร้อมกับมาทักทายเพื่อนสมาชิกด้วย (แม่ผมเป็นรุ่นแรกที่ไป)

ลงทะเบียนและทานของว่าง
ลงทะเบียนและทานของว่าง

หลังจากลงทะเบียนก็ได้รับเสื้อมา แต่ไม่ได้เสื้อเหมือนชาวบ้านเขาเพราะไม่มีขนาดที่เหมาะกับตัว ซึ่งถ้าจะทำตัวให้เหมาะกับเสื้อคงยากเลยได้เสื้ออีกลายติดมา กินขนมและดื่มกาแฟรอเพื่อนสมาชิกมาครบ ระหว่างนี้ก็มีสมาชิกที่เหลือทยอยกันมา สมาชิกรุ่นเก่าก็ทักทายกัน ส่วนผมก็สังเกตุสิ่งรอบตัวไปตามนิสัย

แวะทานอาหารเช้าริมทาง
แวะทานอาหารเช้าริมทาง

เราแวะพักทานข้าวเช้าที่ร้านข้าวสามสี อยู่ตรงไหนก็ไม่รู้เหมือนกันรู้แค่ระหว่างทางเพราะเวลาไม่ได้ขับรถเองนี่มันเพลินมากๆแอบหลับตาไปบ่อยๆ ร้านข้าวสามสีก็ตกแต่งร้านสบายๆสวยดี และที่สวยที่สุดคือดอกไม้ที่บานอยู่ท่ามกลางบรรยากาศง่วงๆยามเช้าของผม

มุ่งสู่ ลาวใต้
มุ่งสู่ ลาวใต้

นั่งรถมาเรื่อยๆ มาถึงไม่รู้เมื่อไหร่ ประมาณบ่ายๆ เราถึงปั้มที่มีชื่อว่า บี อาร์ วาย ปิโตรเลียมอะไรนี่แหละ มีป้ายแสดงแผนที่ให้ดูอยู่ก็มายืนมอง ผมเองไม่เคยไปไหนไกลเกินโคราชเลยเท่าที่จำความได้ แต่ที่จำความไม่ได้จริงๆคือผมไปมาทั่วทิศของไทยแล้ว แค่จำไม่ได้แค่นั้นเอง…

เป้าหมาย อ.ป่าติ้ว จังหวัดยโสธร
เป้าหมาย อ.ป่าติ้ว จังหวัดยโสธร

เป้าหมายของเราอยู่ที่ อำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร จากกำหนดการก็จะเห็นว่าใช้เวลาเดินทางร่วมวันเลยครับ ไกลมากๆ จากที่คาดการณ์ไว้น่าจะถึงตอนเย็นๆครับ

วิถีชีวิตระหว่างทาง
วิถีชีวิตระหว่างทาง

ระหว่างทางก็มีสิ่งที่ชาวคณะได้ฮือฮา นั่นคือความเสี่ยงบนรถของเด็กน้่อย ผมมองไปก็นึกถึงรถไฟในอินเดียนะ ภาพประมาณนี้เลย ส่วนทำไมอะไรที่ทำให้เด็กๆขึ้นไปนั่งด้านบนโดยไม่กลัวก็คงจะเป็นความเคยชิน ส่วนเหตุที่ต้องเคยชินนั้นมาจากอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าจริงๆแล้วมันก็คงจะปลอดภัยในระดับหนึ่งละนะไม่งั้นคงมีข่าวหรือไม่ก็เลิกนั่งกันไปนานแล้ว

ถึงที่หมาย ทักทายกันก่อน
ถึงที่หมาย ทักทายกันก่อน

เมื่อมาถึงก็เข้ามานั่งพักยืดเส้นยืดสายกันก่อน มีการทักทายจากชาวนาคุณธรรมที่มาต้อนรับกันด้วยอารมณ์ขำขัน ช่วยลดความตึงของกล้ามเนื้อที่นั่งรถมานานได้ดีทีเดียว

น้ำหญ้าม้า หอมหวานด้วยน้ำผึ้งและมะนาว
น้ำหญ้าม้า หอมหวานด้วยน้ำผึ้งและมะนาว

น้ำดื่มต้อนรับ หรือ Welcome drink! หมายถึงมันจะมีเฉพาะต้อนรับใช่ไหม? จริงๆผมอยากดื่มทุกเวลาเลยนะ เพราะเป็นน้ำหญ้าม้าผสมด้วยน้ำผึ้งและมะนาว หรือผสมอื่นๆอะไรก็ไม่ทราบ แต่มันคือน้ำสมุนไพรที่ดื่มง่ายคล่องคอจนอยากจะขอต่ออีกขวดทีเดียว

ที่พักของผม ธนาคารเมล็ดพันธุ์
ที่พักของผม ธนาคารเมล็ดพันธุ์

บ้านพักของเหล่าชายหนุ่มนะครับ จะอยู่ที่ธนาคารเมล็ดพันธุ์ครับเขาปัดกวาดให้อย่างสะอาด และเตรียมที่นอน หมอน ผ้าห่มไว้ให้อย่างดีเลย สรุปถุงนอนที่ผมเอามาก็เลยมาเสริมเป็นหมอนอีกใบหนึ่งไปเลยครับสบายดี หลังจากเราเก็บของแล้วก็จะมีกิจกรรมตอนเย็นอีกนิดหน่อย

เห็นโล่งๆแบบนี้ นี่วัดป่านะ ดูจากทางเข้ามา
เห็นโล่งๆแบบนี้ นี่วัดป่านะ ดูจากทางเข้ามา

ระหว่างเดินเล่น เห็นเป็นที่โล่งๆแบบที่ถ่ายมานี่ จริงๆเราอยู่ในวัดป่านะครับ จากถนนใหญ่เข้ามามีแต่ป่าครับ มาโล่งเอาข้างในนี่แหละ กลิ่นดินกลิ่นหอมไม้ป่าลอยเต็มบรรยากาศทีเดียว

ศาลาไทวัตรลานกิจกรรมหลัก
ศาลาไทวัตรลานกิจกรรมหลัก

ลานกิจกรรมหลักของเราคือใต้ศาลาไทวัตรครับ ระหว่างที่เก็บของอยู่ใครจะเดินไปดูอะไรก็ตามสะดวกครับ ผมก็เลยเดินตามชาวนาคุณธรรมท่านหนึ่งไปชมสวนครับ สำหรับสวนที่พาไปชมก็มีพืชผักหลายชนิดครับ ส่วนใหญ่ก็เป็นผักครับ เพราะผักสามารถเด็ดมาประกอบอาหารได้บ่อยๆ ไม่เหมือนผลไม้ที่มาเป็นชุดๆกินไม่ค่อยทัน

ต้นกล้วยระหว่างเดินชมสวน
ต้นกล้วยระหว่างเดินชมสวน

ต้นกล้วยที่เห็นในรูปนี้ ต้นจริงต้องบอกว่าทรงของมันสวยมาก ถ้าจะให้เทียบก็คงเหมือนพิน โบลิ่งละนะครับ อีกอย่างต้นมันใหญ่มากทีเดียว ตอนที่ไปนี่ไม่เห็นลูกครับ แล้วก็ไม่รู้ว่ากล้วยอะไรด้วย ทิ้งไว้เป็นปริศนาต้นไม้ต่อไป

อาหารเย็น ไม่บอกก็ไม่รู้ว่าทั้งหมดคือมังสวิรัติ
อาหารเย็น ไม่บอกก็ไม่รู้ว่าทั้งหมดคือมังสวิรัติ

มื้อเย็นครับ อาหารทั้งหมดเป็นมังสวิรัติละครับ และทั้งทริปนี้ก็เป็นมังสวิรัติทั้งหมดด้วย บอกตรงๆว่าเกิดมาไม่เคยกินเลย แม้แต่กินเจก็ไม่เคยครับ(หรือเคยก็จำไม่ได้) มาคราวนี้ละได้ 3 วันก็ดีนะครับ กินก็ได้แรงแถมยังรู้สึกดีต่อร่างกายด้วย มีเห็ด มีผัก และข้าวอินทรีย์ครับ อร่อยทุกมื้อเลยทีเดียว

ต้องพิจารณาอาหารกันก่อนนะครับ
ต้องพิจารณาอาหารกันก่อนนะครับ

ก่อนจะทานอาหารเขาก็จะให้พิจารณาอาหารกันก่อนนะครับ เป็นบทพิจารณาอาหาร ซึ่งมีเนื้อความดังนี้

บทพิจารณาอาหาร

กินข้าวเคี้ยวทุกคำ เราจดจำกินเพื่อชาติ

อย่ากินอย่างเป็นทาส เหงื่อทุกหยาดของชาวนา

จงกินเพื่อเป็นไท กินด้วยใจที่รู้ค่า

บรรพบุรุษสร้างสืบมา ร่วมรักษาคุณความดี

ขยันงานการสร้างสรรค์ มีสัมพันธ์ฉันท์น้องพี่

สมัครสมานสามัคคี อุทิศพลีเพื่อชาติไทย

ขอขอบพระคุณชาวนาที่ปลูกข้าวให้พวกเรารับประทาน

และขอขอบพระคุณพ่อครัวแม่ครัว

ที่ทำอาหารให้พวกเรารับประทานในมื้อนี้

พวกเราจะทำแต่ความดีตอบแทนพระคุณ…สาธุ

หลังจากทานอาหารค่ำกันแล้ว เราก็จะไปสวดมนต์กันนะครับ ซึ่งตอนสวดเขาให้นั่งท่าเทพบุตร สุดท้ายนั่งไม่ค่อยรอดเนื่องจากไม่ค่อยได้นั่งทำให้เท้าไม่แข็งแรงรับน้ำหนักไม่ไหว ต้องกลับไปนั่งพับเพียบท่าที่เหมาะกับคนน้ำหนักเยอะเหมือนเดิมครับ จากวันนี้พบว่าต้องหาวิธีใหม่ในการนั่งท่าเทพบุตรซะแล้ว…ดูเป็นเรื่องเล็กที่น่าหนักใจจริงๆ

จบคืนนี้นอนกันแบบกึ่งธรรมชาติ
จบคืนนี้นอนกันแบบกึ่งธรรมชาติ

หลังจากหลวงพ่อนำสวดมนต์แล้วทางทีมงานก็ให้แนะนำตัวกันนิดหน่อย ก่อนจะแยกย้ายกลับไปนอนกันครับ ก่อนนอนก็แยกกันไปอาบน้ำกันตามสะดวกใครชอบห้องน้ำห้องไหนก็เข้าห้องนั้น ห้องน้ำที่นี่มีที่ให้นั่งพักด้วย แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา ประมาณว่าอาบน้ำเหนื่อยๆก็นั่งพักเสียก่อนประมาณนั้น

ทริปนี้เรานอนกันแบบกึ่งธรรมชาติครับ คือใช้ความเย็นจากบรรยากาศรอบๆ เท่านั้นบอกแล้วดูเหมือนร้อน แต่เอาเข้าจริงไม่นานผมก็หลับก่อนชาวบ้านเขาเลยครับ

สวัสดี

ฝันว่าจุ๊บกลับมาบ้าน

เป็นฝันของเมื่อคืน ซึ่งเป็นวันที่อ่อนเพลียมาก เนื่องจากเพิ่งกลับมาจากวันรับน้อง ที่มหาวิทยาลัย ผมซึ่งอยู่ในบทบาทของรุ่นพี่ มีภาระหน้าที่ก็ไม่มากเท่าไหร่แค่ถ่ายรูปให้เยอะๆ

ผมกลับมาถึง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตรฺ์ ประมาณ 4 โมงเย็น ด้วยสภาพอ่อนเพลียเต็มที และเมื่อกลับมาถึงบ้านก็อาบน้ำนอนตั้งแต่เย็นเลย ความฝันค่อยๆ เริ่มขึ้นอย่างช้าๆในค่ำคืนอันยาวนอนที่แสนจะเหนื่อยล้าของผม

มีฝันมากมายในคืนนี้ ฝันบ้าบอ ฝันไร้สาระ หาเหตุผลไม่ได้ก็มีเยอะแยะ แต่ในจำนวนฝันมากมายหลายหลากเหล่านั้น ที่ทำให้ผมต้องนึกถึงเมื่อตื่นขึ้นมา…

ผมฝันว่าจุ๊บกลับมาบ้าน…

ผมฝันว่าจุ๊บเดินกลับมาที่บ้าอย่างปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จุ๊บในฝันนั้นยังเหมือนเดิมทุกอย่าง ผมอุ้มมันและทักทายมันว่ากลับมาแล้วหรอ แน่นอนนี่คือฝันตอนสั้นๆ เนื้่อหาเท่าที่จำได้มีเท่านี้ แต่มันทำให้ผมที่ตื่นมามีความรู้สึกสับสนนิดหน่อย และทำให้ยังคาดหวังว่ามันจะกลับมา

ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นแค่ฝันในวันเหนื่อยๆเท่านั้นเองครับ อาจจะเพราะทริปที่ไปรับน้องไปเจอแมวเยอะก็ได้ ไปวัดก็เจอแมว ไปโรงแรมก็เจอแมว ร้านอาหารก็เจอแมว มีแมวเต็มไปหมดเลยเก็บเอามาฝันละนะ…

สวัสดี