คุณค่าของความรัก

คำว่าความรักนั้น ใครหลายๆคนอาจจะมีนิยามมากมายเกี่ยวกับคำนี้ ทุกคนเข้าใจความรักในมิติที่แตกต่างกันไปตามการเรียนรู้และประสบการณ์ของแต่ละคน

ความรักนั้นเป็นเรื่องที่เรารับรู้ได้อยู่ เข้าใจได้อยู่ แต่คุณค่าของความรักเป็นอย่างไร อะไรคือคุณค่าแห่งรักที่ทำให้เราเข้าไปหลงในความรัก ความรักเหล่านั้นมีคุณค่าอย่างไรกับชีวิตเรา คำถามเหล่านี้เรามักจะไม่ได้ยินคำตอบที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันสักเท่าไรนัก ลองมาอ่านความคิดเห็นของผมในมุมมองเกี่ยวกับคุณค่าของความรักกัน…

อ่านต่อได้ที่บทความ : คุณค่าของความรัก
คุณค่าของความรัก

อ่านบทความอื่นๆ แนะนำ ติชม ทักทายกันได้ที่…

Facebook : ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์

Blog : Minimal life : Dinh Airawanwat

 

Welcome to DUCK BLOG

เปลี่ยนแปลงกันอีกครั้ง ของบล็อกแห่งนี้ เมื่อหลายปีก่อนก็มีหลายชื่อแต่ในปัจจุบันก็ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น DUCK BLOG บล็อกเป็ด อะไร อย่างไร ทำไม เดี๋ยวเล่ากันต่อเลย

ความเปลี่ยนแปลง

เดิมทีบล็อกแห่งนี้เคยเป็นช่องทางการเผยแพร่ข่าวสารของ MonkiezGrove ในเวลาต่อมาก็ได้ปรับเปลี่ยนมาเป็น Dinh Blog ซึ่งจะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน ประสบการณ์ต่างๆของ Dinh เมื่อเวลาผ่านไปมีเรื่องราวมากมายค่อยๆถูกแยกออกไปเป็นบล็อกอื่นเรื่อยๆ เช่น cactus , caladium ฯลฯ และในครั้งนี้ก็เช่นกันเป็นความเปลี่ยนแปลงของเนื้อหาในบล็อกแห่งนี้อีกครั้ง

ในครั้งนี้เป็นการแยกเนื้อหาที่มีความจริงจังเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตของ Dinh ออกไปอีกบล็อกหนึ่ง ซึ่งจะเน้นไปทางการดำเนินชีวิต การแบ่งปันประสบการณ์ชีวิต และนั่นหมายถึงการหั่นความหมายของ Dinh Blog ออกไปจนเหลือเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น ดังนั้นจึงกลายมาเป็น DUCK BLOG อย่างที่เห็นกันอยู่นี่ บล็อกเป็ดๆ อะไรแบบเป็ดๆ หลายอย่างไม่จริงจัง ขำๆกันไป

สิ่งที่เหลืออยู่

ในปัจจุบันบล็อกแห่งนี้ก็ถูกแบ่งภาคออกไปจนความสำคัญ หรือสาระเริ่มจะไม่มีแล้ว คล้ายๆว่าเหลือแต่บ่นๆ ดินฟ้าอากาศ เล่านู่น กล่าวนี่ อะไรแค่ประมาณนี้ สิ่งที่เหลืออยู่ในตอนนี้อาจจะจับประเด็นไม่ได้นักว่าเหลืออะไร แต่บล็อกเป็ดก็จะดำเนินต่อไปแบบเป็ดๆ เมื่อมีอะไรสำคัญๆก็อาจจะแยกร่างออกไปอีกก็เป็นได้ ดังนั้นสิ่งที่เหลืออยู่ก็คือความเป็นเป็ดนั่นแหละ

ทำไมต้อง DUCK BLOG

ผมชอบเป็ดนะ เป็ดทำอะไรได้หลายอย่าง แน่นอนว่าดูเหมือนจะไม่เก่งสักอย่าง แต่นั่นมันมองจากสายตาของคน คำตัดสินของคนเป็นอย่างไรก็รู้กันอย่างนั้น แต่ถ้ามองในมุมเป็ด มันคงจะมีความสุขมากๆที่ทำอะไรได้หลายๆอย่าง เพราะความหลากหลายนี่เองจะทำให้เกิดการเรียนรู้ในภาพกว้าง

ผมเองเป็นคนไม่ชอบลงรายละเอียดในสิ่งไหนลึกๆ พอเข้าไปพบ ไปสัมผัส ก็มักจะถอนตัวออกมาในเวลาไม่นานนัก จะไม่จมอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งนาน ชอบเรียนรู้ไปเรื่อยๆมากกว่า เอาแค่พอรู้แล้วก็ถอยมาดูอีกที เพราะศาสตร์ต่างๆในโลกนี้ดูเหมือนจะไม่มีแก่นสารใดๆ ดังนั้นผมเองยังค้นหาต่อไปว่าสิ่งไหนหรือสิ่งใดที่ควรจะให้เวลากับมันจริงๆ หรือควรจะจริงจังกับสิ่งนั้นจริงๆสักที

คนเมือง อยากเข้าป่า

หลายปีผ่านมาจนกระทั่งวันนี้ ดูเหมือนจะมีหลายสิ่งที่เปลี่ยนแปลงในความคิดของผม และเป้าหมายในชีวิต ที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง วันนี้ดูเหมือนว่าทิศทางในชีวิตจะค่อนข้างแน่นอนแล้ว เหลือแค่ว่าจะเริ่มออกเดินทางเมื่อไหร่ เท่านั้นเอง

เชื่อไหมว่าทุกอย่างมันเริ่มต้นด้วยความบังเอิญ หรือว่าจริงๆมันไม่บังเอิญก็ไม่อาจจะทราบได้เหมือนกัน ย้อนหลังไปเมื่อปี 2009 หรือประมาณ 3 ปีครึ่ง นับจากเวลานี้

เริ่มตั้งแต่ กลางปี 2009 กับสวนลุงนิล (12-14 มิถุนายน 2009)

สวนลุงนิล
สวนลุงนิล

เป็นครั้งแรกที่ได้เดินทางไปกับทีวีบูรพา ที่สวนลุงนิล เพื่อพบกับลุงนิล เป็นเกษตรพอเพียง โดยใช้แนวคิดไร่นาสวนผสม เป็นปราชญ์ชาวบ้านท่านหนึ่งที่มีความรู้ในการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติอย่างเกื้อกูล โดยใช้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงจากในหลวง จริงๆแล้วในครั้งนี้คนที่ต้องการเดินทางไปเรียนรู้ และเข้าไปขอร่วมเดินทางกับทีวีบูรพาก็คือคุณแม่ของผม แต่พอมาใกล้่ถึงวันเดินทางก็พบว่าคุณแม่ติดงานด่วนๆ ไปไม่ได้ เลยส่งผมไปแทน??

ผมก็ไปแบบงงๆ เพราะว่าช่วงนั้นก็ว่างอยู่แล้วและไม่ได้รับงานไว้ จึงไปแบบไม่รู้อะไรเลย เขาให้ไปก็ไป ไม่รู้จักทีวีบูรพา ไม่รู้จักสวนลุงนิล ไม่รู้จักลุงนิล อะไรก็ไม่รู้ทั้งนั้น แต่เมื่อไปก็ได้รับความรู้และประสบการณ์มากมายจนทำให้ชีวิตหลังจากกลับมาค่อยๆ เปลี่ยนมุมมองไปทีละนิดละน้อย

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ :  สวนลุงนิล

หว่านข้าวสู่ผืนนา หว่านศรัทธาสู่หัวใจ ( 15-17 มิถุนายน 2012 )

หว่านข้าว

ครั้งที่สองกับทีวีบูรพาอีกครั้ง ซึ่งการไปเครือข่ายชาวนาคุณธรรม จังหวัดยโสธร นี้ถือเป็นครั้งที่สองของกิจกรรมชุดนี้ ในครั้งแรกผมเองไม่ได้ไปแต่คุณแม่ของผมไป พอมาครั้งที่สองก็เลยแนะนำให้ผมได้มารู้จัก และเรียนรู้กับกลุ่มชาวนาคุณธรรม ที่นำพาโดยทีวีบูรพา ครั้งนี้ก็ได้เรียนรู้โลกในอีกมุมหนึ่ง โลกที่หมุนช้ากว่าที่กรุงเทพฯมาก ที่ที่วันเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าแต่ก็มีคุณค่าในตัวของมัน ผมได้รู้จักวิถีของชาวนาคุณธรรมจากการเดินทางมาในครั้งนี้ และพบว่านี่แหละคือจุดเริ่มต้นแห่งความสมบูรณ์ในชีวิตของผมอีกด้วย

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : หว่านข้าวสู่ผืนนา หว่านศรัทธาสู่หัวใจ

ลงแขกเกี่ยวข้าว รับลมหนาวปลายนา ( 9-11 พฤษจิกายน 2012 )

ลงแขกเกี่ยวข้าว
ลงแขกเกี่ยวข้าว

ลงแขกเกี่ยวข้าวในครั้งนี้่ เป็นการเดินทางไปที่ยโสธร เพื่อพบกับเครือข่ายชาวนาคุณธรรมกันอีกครั้ง ในครั้งนี้เป็นการไปเข้าถึงชาวนาแบบบุกบ้าน ไปนอนบ้านชาวนากันเลย ไปดูชีวิตประจำวัน ดูลูกหลาน ชุมชน สภาพแวดล้อมต่างๆ รวมถึงประเพณีการลงแขกเกี่ยวข้าว ซึ่งมีนัยยะที่เป็นกุศลมากมายซ่อนเร้นอยู่อย่างไม่น่าเชื่อ หากเพียงแค่อ่านฟัง แต่ยังไม่ได้ลองก็คงจะไม่เห็นผล ผมเน้นดำเนินชีวิตตามสุภาษิตที่ว่า ร้อยรู้ไม่สู้หนึ่งทำ จึงได้เดินทางไปอีกครั้ง ครั้งนี้นับเป็นการเดินทางที่ได้เรียนรู้อย่างคุ้มค่าอีกครั้ง

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ : ลงแขกเกี่ยวข้าว รับลมหนาวปลายนา

ค่ายสุขภาพ แพทย์วิถีธรรม ( 25 – 31 มกราคม 2013)

ค่ายหมอเขียว
ค่ายหมอเขียว

เป็นอีกครั้งที่ได้เดินทาง ในครั้งนี้ก็จะไปเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ กับแพทย์วิถีธรรม หรือการใช้หลักธรรมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาและดูแลสุขภาพให้อยู่ในจุดสมดุลคือไม่ดีและไม่ร้าย ให้อยู่กลางๆ ดูๆแล้วอาจจะง่ายแต่จริงๆ นั้นยาก เพราะว่า ยา 9 เม็ด ของหมอเขียวนั้น มีสองเม็ดสุดท้ายคือความพอเพียงและธรรมะ ซึ่งยากง่ายต่างกันไปตามแต่ละคน ซึ่งเป็นตัวที่จะทำให้สุขภาพ ชีวิต และจิตใจ ร้ายดีได้อย่างไม่น่าเชื่อ หากว่าเราควบคุมได้

เนื้อหาในค่ายส่วนใหญ่ก็จะเป็นการดูแลสุขภาพโดยหลักยา 9 เม็ด พร้อมกับให้ทำกิจกรรมต่างๆ ภายในค่ายให้เกิดการเรียนรู้การดูแลรักษาสุขภาพโดยมีเหล่าจิตอาสาเป็นทั้งพี่เลี้ยงและที่ปรึกษาที่คอยให้ความรู้

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ค่ายสุขภาพ แพทย์วิถีธรรม ( ค่ายหมอเขียว )

คนเมือง อยากเข้าป่า

มาจนถึงตอนนี้ก็สรุปกันเลยแล้วกัน การปลูกต้นไม้หากินก็รู้บ้างแล้ว การแปรรูปก็รู้บ้างแล้ว การทำนาก็รู้บ้างแล้ว การแพทย์วิถีธรรมก็รู้บ้างแล้ว ธรรมะก็รู้บ้างแล้ว โลกก็เข้าใจบ้างแล้ว

ทำให้เกิดความสงสัยว่ามีชีวิตไปทำไม แล้วทำไมต้องมาทำงานงกๆ ในเมื่อสุดท้ายก็ต้องเอาเงินไปซื้อข้าวกินอยู่ดี ปลูกข้าวกินเองเลยไม่ง่ายกว่าหรอ ทำไมชีวิตต้องทำอะไรซับซ้อนด้วย ชื่อเสียงเงินทองก็ไม่ได้อยากได้อะไรมากมายแล้ว ก็แค่พอดำรงชีพได้แค่นั้นเอง สุดท้ายก็เลยมีความคิดแบบคนเมือง อยากเข้าป่า (ไปอยู่บ้านนอก นั่นแหละ)

แน่นอนว่ามันยาก ในการปรับตัวในเบื้องต้นหลายคนคงสงสัยว่าอยู่เมืองดีอยู่แล้วไปทำไม ที่เขาถามเพราะเขายังไม่เห็นทุกข์ในเมืองใหญ่ และยังไม่เห็นความสุขที่บ้านนอก รวมถึงยังไม่เข้าใจความสงบในใจ ไม่แปลกหากอ่านแล้วไม่เข้าใจ เพราะคนที่จะเข้าใจได้ต้องมีประสบการณ์ในการเรียนรู้ผสมผสานทั้งสองด้าน และอื่นๆที่ขอละไว้ในฐานที่อาจจะเข้าใจ

เหตุที่พิมพ์บทความนี้ขึ้นมาอย่างแรกคือต้องการบันทึก สองคือหากเรื่องเหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจให้ใครสักคนได้เจอสิ่งที่ชีวิตตัวเองต้องการอย่างแท้จริงก็คงจะดี แน่นอนว่าชีวิตของเรานั้นค้นหาสิ่งที่ต่างกันตามเหตุและปัจจัย ตามแต่กรรมและกิเลสของแต่ละคน

สวัสดี

ชีวิตที่ผ่านเลยมาถึงต้นปี 2556

และแล้วก็ผ่านต้นปีมาจนถึงช่วงกลางเดือนมกราคม ผ่านวันเด็ก ผ่านวันอะไรๆที่ดูจะสำคัญในช่วงปีใหม่มาแล้ว คงจะเป็นช่วงที่ผ่อนคลายและสงบนิ่งมากขึ้น

ก่อนปีใหม่ก็ไม่มีเวลาได้ทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาในปี 2555 และวางแผนในปี 2556 เลย มันดูเหมือนจะว่าง แต่พอนึกไปมันก็ไม่ว่าง มีอะไรยุ่งๆ นิดๆ หน่อยๆ เต็มไปหมด มีอะไรให้ทำตลอดเวลาจนลืมนึกไปว่าในปีนี้ยังไม่มีแผนเป็นชิ้นเป็นอันสักเท่าไรนัก มีแต่แผนรวมๆระยะยาวเท่านั้นเอง

MonkiezGrove , Cartoon Postcard Animation

ในปีนี้ เท่าที่คิดได้ก็จะกลับมาพัฒนามังกีซ์โกรฟ (www.monkiezgrove.com) อีกครั้ง หลังจากปล่อยให้ร้างไปเกือบสองปี ซึ่งการปัดฝุ่นครั้งนี้ได้ใช้ประสบการณ์และความรู้ที่เก็บเกี่ยวมาในช่วงที่เรียนโทมาใช้ด้วย ทำให้เป็นการวางแผนการสร้างในทุกระยะเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งแน่นอนว่าจะต่อเนื่อง มั่นคง และยั่งยืนกว่าเคย อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในบทบาทบ้าง ตามความเหมาะสม แต่สุดท้ายสิ่งที่ยังเป็นงานหลักของมังกีซ์โกรฟ คือ การ์ตูนน่ารัก คำนี้จะฝังลงไปในทุกๆกิจกรรมของมังกีซ์โกรฟ

ดอกทานตะวัน

อีกอย่างก็คงจะเป็นการทำอัลบั้มภาพออนไลน์ที่ DINPhoto ( photo.dinp.org ) ภาพที่ถ่ายเก็บไว้เยอะมากๆ ภาพที่ไปเที่ยวถ่ายวิว ถ่ายนู่นถ่ายนี่ ตามประสาคนบ้าถือกล้่องไปที่ไหนก็ถ่ายที่นั่น จะได้นำมาลงแบ่งปันกันให้ชมเสียที เดี๋ยวเขาจะหาว่าเราอยู่แต่บ้านไม่ได้ออกไปดูโลกบ้าง ก็ค่อยๆติดตามกันเป็นระยะๆ นะครับ จะทยอยๆ ลงไปเรื่อยๆ

ส่วนงานอื่นๆ ก็คงกลับมารับทำเหมือนเดิมหลังจากงดรับงานมาเกือบสองปี เพื่อมุ่งเน้นไปในการเรียนรู้ให้คุ้มค่าที่สุด ณ ตอนนี้เหมือนจุดที่ทุกอย่างคลี่คลาย ค่อยๆกลับมาเป็นเหมือนปกติอย่างช้าๆ สำหรับปีนี้คงได้แค่ทำตามแผนที่วางไว้ สำหรับแผนใหม่คงยังไม่คิด เอาไว้คิดปีหน้าดีกว่า ตอนนี้สะสมทุนอีกครั้งก่อนจะเปลี่ยนแปลงอีกครั้งในโอกาสหน้า

สำหรับใครที่ยังไม่ได้วางแผนชีวิต ก็ลองใช้เวลานั่งคิด นั่งทบทวน นั่งคุยกับตัวเองดูก็ได้ ว่าชีวิตต้องการอะไร อะไรคือเป้าหมาย ได้มาแล้วยังไงต่อ คิดล่วงหน้าไว้ก่อน สุดท้ายค่อยสกัดด้วยคำว่า “อะไรที่จำเป็น

สวัสดี

ประวัติตัวใหญ่ แมวผู้พิชิต พิสูจน์ตัวตนแห่งความเป็นแมว

วันนี้มีบทความที่น่าจะยาวอีกบทความมาฝากกัน เป็นการเรียบเรียงประวัติและเรื่องราวของแมวตัวหนึ่งตั้งแต่ผมจำได้จนกระทั่งวันที่มันจากไป

วิลลี่ จุ๊บ และตัวใหญ่
วิลลี่ จุ๊บ และตัวใหญ่

ผมมีแมวที่เลี้ยงมานาน ผูกพันกันมาอยู่สามตัว นั่นคือวิลลี่ ตัวใหญ่ และจุ๊บ ทั้งหมดนี้ไม่อยู่ในโลกนี้แล้ว แต่การมาพิมพ์บทความครั้งนี้ก็จะเป็นเรื่องในส่วนของตัวใหญ่ ซึ่งแมวตัวอื่นๆจะพิมพ์ในลำดับต่อๆไป

จุดเริ่มต้นของตัวใหญ่

ราวๆ ปี  2543-2545 ประมาณ 12 ปีก่อน แมวแม่ที่ชื่อวิลลี่ของผม ได้คลอดลูกออกมา ครอกนั้นมีลูกแมวราว 3-4 ตัว ตัวใหญ่เป็นแมวที่มีสีแตกต่างจากพี่น้อง เพราะวิลลี่เป็นแมวที่มีเชื้อและลักษณะของแมวไทยโบราณ “แมวศุภลักษณ์” อยู่บ้าง  แต่ก็เริ่มแก่และมีลูกมาหลายรุ่นแล้ว เชื้อเลยเริ่มไม่แข็งแรงเหมือนสมัยมีลูกแรกๆที่ออกมากี่ตัวก็น้ำตาลทั้งนั้น หรือในอีกกรณีก็คือเชื้อพ่อแรงมากจนลูกแมวไม่มีลักษณะของแม่แมวเลย ยกเว้นหางสั้นกุด ซึ่งเป็นลักษณะของวิลลี่นั่นเอง

จุ๊บ แมวเพื่อนบ้าน ตัวใหญ่ ในสวนบ้านเก่า
จุ๊บ แมวเพื่อนบ้าน ตัวใหญ่ ในสวนบ้านเก่า

ที่มาของชื่อ “ตัวใหญ่”

ตัวใหญ่เป็นชื่อหรือจะให้ถูกต้องก็ต้องบอกว่าเอาลักษณะของแมวมาเป็นชื่อ ก็คล้ายๆการตั้งชื่อว่าไอ้ด่าง เจ้าส้มอะไรนี่แหละครับ ที่ตั้งชื่อตัวใหญ่ก็เพราะว่า…

ในหมู่พี่น้องทั้งหมด มีมันตัวเดียวนี่แหละที่ตัวใหญ่กว่าเพื่อน ใหญ่กว่าพี่น้องรุ่นเดียวกันถึงสองเท่า เหมือนไม่ได้มาจากท้่องเดียวกัน ทำให้มันสามารถแย่งกินนมแม่แมวและสามารถดำรงชีวิตมาได้จนทุกวันนี้ ผมจำได้ว่าครอกที่ตัวใหญ่เกิด มีมันตัวเดียวนี่แหละที่รอด เพราะเป็นครอกหลังๆของวิลลี่แล้ว พวกลูกแมวที่คลอดแรกๆ ส่วนใหญ่ก็ให้คนอื่นไปครับ เพราะมันสวยเลยมีคนชอบเยอะ แต่ก็มีตายไปบ้าง

เนื่องจากว่ามันตัวใหญ่และมีสีที่แตกต่างกับชาวบ้าน มันเป็นแมวด่างที่มีลายคล้ายวัวนม เป็นแมวสีขาวดำ ซึ่งสามารถหาได้ทั่วไป ไม่แปลกเท่าไรนักแต่สิ่งที่แปลกคือความตัวใหญ่ในวัยเด็กของมัน ซึ่งสุดท้ายตอนโตก็เท่ากับแมวตัวอื่นๆ

ตัวใหญ่ในวัยเด็กนั้นค่อนข้างที่จะรันทดเล็กน้อย เพราะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าบ้าน เพราะเข้ามาทีไรข้าวของกระจายทุกที มีเพียงวิลลี่เท่านั้นที่มีิสิทธิเข้าบ้านและนอนมุมไหนก็ได้ เพราะมันเป็นแมวที่เรียบร้อยไม่ทำลายข้าวของนั่นเอง ตัวใหญ่ก็เลยต้องอยู่กับจุ๊บนอกบ้านไปตามประสาแมวเด็กและแมววัยรุ่น

ตัวใหญ่กับจุ๊บนั้นถ้านับญาติกันแล้วก็จะเป็นพี่ชายของจุ๊บแบบข้ามหนึ่งช่วงคลอด ก็คือมีตัวใหญ่เกิดมา แล้วก็มีอีกครอก แล้วก็มีครอกของจุ๊บ ซึ่งก็อายุห่างกันราวๆหนึ่งปีนั่นเอง

และเนื่องจากตอนเด็กๆมันชอบทำลายข้าวของ ก็เลยกลายเป็นแมวที่ผมชอบแกล้งมันเล่น เอานำฉีดบ้าง เอาไปแปะต้นไม้บ้าง มันก็ดูเอ๋อๆ ตามลักษณะของแมวที่ใหญ่แต่ตัวให้ได้เห็น และมันก็ยังโดนรังแกจากแมวเจ้าถิ่นอีกด้วย สุดท้ายกลายเป็นแมวโดนรังแกเก็บกดไปเลย

มีครั้งหนึ่งที่ตัวใหญ่มันโดนแมวเจ้าถิ่นจะมาแย่งอาหาร ก็ขู่กันแต่ดูท่าทางจะถอยและยอมแพ้ ผมยืนดูอยู่ในตัวบ้านผ่านกระจกและดูพฤติกรรมมัน สุดท้ายก็เปิดประตูออกไปกะว่าจะช่วยไล่ ตัวใหญ่พอเห็นว่ามีคนในบ้านมาช่วยก็ทำกล้าขู่และไล่แมวเจ้าถิ่นไป นี่ก็เป็นความตลกเล็กๆของแมวที่ขาดความมั่นใจ หรือว่ามันกะจะโชว์ก็ไม่รู้เหมือนกัน

จุ๊บและตัวใหญ่
จุ๊บและตัวใหญ่

จุดเปลี่ยนของตัวใหญ่

เมื่อตัวใหญ่เติบโตก็ถึงวัยที่มันเข้าฤดูโหยหวน หรือฤดูติดสัด ซึ่งมันก็จะร้องหง่าวๆเสียงดังตอนกลางคืน ร้องได้ไม่กี่คืนก็โดนจับไปทำหมัน มันก็เป็นเรื่องปกติของแมวที่โหยมากๆแล้วจะส่งเสียงแสดงความเป็นแมวตัวผู้ที่พร้อมผสมพันธุ์และโดนจับไปทำให้เงียบ แต่ก็มีแมวที่เรียกได้ว่า “ซวย” คือจุ๊บ โดนจับไปทำหมันด้วยพร้อมกันจะได้ทำทีเดียว… เมื่อกลับมาแมวทั้งสองก็อ่อนระโหยโรยแรง เพราะโดนยาชา วันต่อมาบ้านก็เงียบสงบไีร้เสียงแมวหง่าว

ตัวใหญ่นั้นแตกต่างกับจุ๊บตรงที่เป็นแมวที่แสวงหา แมวต่อสู้ แมวค้นหาตัวเอง มันพยายามจะพิสูจน์ตัวเองเสมอๆ อาจจะเพราะมันถึงวัยของมันก็เป็นได้ แม้ว่าจะสู้แต่ก็แพ้ แต่ก็ยังหาจังหวะที่จะสู้เสมอ มันจึงได้แผลกลับมาบ่อยๆ ตัวใหญ่ที่อยู่ที่บ้านลาดพร้าว ไม่สามารถสู้แมวตัวอื่นได้เลย เพราะว่ามันขาดไหวพริบและทักษะต่างๆอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับวิลลี่แม่ของมัน ซึ่งเป็นแมวนักล่าที่เก่งกาจ

จุ๊บ ตัวใหญ่ และวิลลี่
จุ๊บ ตัวใหญ่ และวิลลี่

เมื่อต้องย้ายบ้าน

วันหนึ่งผมและที่้บ้านก็ต้องย้ายบ้าน ซึ่งก็ต้องเอาแมวไปด้วย การย้ายบ้านแมวดูจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก เพราะสงสารมัน แมวตกใจ แมวผวา แมวว้าเหว่ ผมไม่สามารถย้ายวิลลี่มาด้วยได้เพราะมันไม่อยู่แล้ว มันแก่และหายไปในช่วงก่อนย้ายบ้าน ราวๆครึ่งปี

ตัวใหญ่และจุ๊บได้เดินทางมายังบ้านใหม่ ซึ่งมีเนื้อที่สวนน้อยกว่าบ้านเก่า ผมใช้วิธีขังมันในห้องห้องหนึ่ง ให้มันกิน และอึในนั้น จะได้เกิดกลิ่นให้มันจำถิ่นได้ ประมาณว่ากลัวมันจะตกใจวิ่งเตลิดกลับไปบ้านเก่า เพราะห่างกันไปราวๆ 10 กิโลเมตร… จะจำกลิ่นได้ขนาดนั้นรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ก็ต้องใช้ไม้แข็ง ปกติแล้วผมไม่เคยใส่ปลอกคอแมวเพราะผมเองก็ไม่ชอบใส่อะไรให้รำคาญ แน่นอนว่าแมวก็คงจะเหมือนกัน

แต่ปลอกคอแมวก็จำเป็นเพราะต้องใช้ในการล่ามโซ่จำกัดพื้นที่ให้มันอยู่ใต้ต้นไม้ในสวนในบ้าน เพื่อให้มันติดถิ่นให้ได้ บอกตรงๆว่าผมไม่ค่อยได้ค้นข้อมูลเท่าไหร่ ทำเอาตามที่พอคิดว่ามันจะดีได้

ตัวใหญ่เป็นแมวที่ไม่มีปัญหากับปลอกคอและการล่ามโซ่เลย มันนิ่งมากๆ เฉยๆ ดูเหมือนว่ามันจะภูมิใจกับปลอกคอที่ใส่ให้มันด้วยซ้ำ ผิดกับจุ๊บที่พยายามจะเอาปลอกคอออกตลอดเวลา จุ๊บหงุดหงิดและรำคาญปลอกคอมาก มันจะพยายามเอาปลอกคอไปถูกับหลายๆสิ่งเพื่อให้มันหลุด แต่ตัวใหญ่ไม่ได้ใส่ใจกับการมีอยู่ของปลอกคอนัก

ตัวใหญ่หายไป

ตัวใหญ่กลับมานอนบ้านเป็นพักๆ
ตัวใหญ่กลับมานอนบ้านเป็นพักๆ

ช่วงแรกๆที่ย้ายบ้านมาใหม่ ในปีแรกๆ แมวทั้งสอง จุ๊บและตัวใหญ่ก็ยังอยู่กันได้ดี ก็จะมีแว่บๆไปข้างนอกบ้างตามประสาแมว แต่ก็จะกลับมากินข้าวที่บ้านตลอด จนวันหนึ่งตัวใหญ่หายไปอย่างถาวร ไม่กลับมากินข้าวที่บ้าน เหลือแต่จุ๊บที่นอนเฝ้าบ้านตัวเดียว

เมื่อวันเวลาผ่านไปเกือบสองปี ผมพบตัวใหญ่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันนั่นแหละ แต่อยู่ห่างไปราวๆ 6 ซอย มันไปตั้งแก๊งแมว ผมเป็นมันดูเด่นเป็นสง่า ท่ามกลางฝูงแมวหนุ่ม และได้คำตอบว่ามันออกไปค้นหาตัวเองและทำตามฝันแมวนี่เอง เพราะว่าอยู่ที่บ้านเก่า มีแต่แมวเจ้าถิ่นเก่งๆ ย้ายมาบ้านใหม่ชาวบ้านเขาก็มีแมวเด็กๆกันก็เลยแก่กว่าเขา เก่งกว่าเขาเลยสามารถสร้างแก๊งแมวซ่าได้ เห็นเดินอยู่รวมกันราวๆ 3-4 ตัว แต่ก็แอบสงสัยว่าตัวใหญ่ที่เป็นหมันนั้นยังมีอารมณ์แบบแมวตัวผู้จริงจังเหมือนเดิมหรือไม่ หรือเป็นแค่การค้นหาชีวิตและตอบโจทย์ตัวเองตามธรรมชาติของแมวตัวผู้ทั่วไป

ผมปล่อยให้ตัวใหญ่ดำเนินชีวิตไปตามที่มันชอบ เพราะคิดว่าในระยะที่มันหายไปเป็นปีนั้น ก็คงจะมีคนเลี้ยงมันแทนผมแล้ว หรือไม่ก็ไปแย่งอาหารแมวหนุ่มสาวพวกนั้นกินนั่นแหละ เอาว่ามันมีกินอยู่สบายก็พอละ

ตัวใหญ่กลับมา กินข้าวกับจุ๊บ
ตัวใหญ่กลับมา กินข้าวกับจุ๊บ

 วันที่ตัวใหญ่กลับมา

เวลาผ่านไปนับปีหรือมากกว่าสองปีผมก็จำไม่ได้เหมือนกัน วันหนึ่งตัวใหญ่เดินกลับมาพร้อมร่างกายที่ดูหิวโซ ตอนนี้่ผมยังให้อาหารเม็ดอยู่ครับ และจุ๊บก็ยังอยู่ที่บ้าน ตัวใหญ่กลับมาบ้านและดูยังมีทีท่าที่ยังคุ้นเคยกับจุ๊บมันกินข้าวด้วยกัน เคล้าเคลียกัน ก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะผมเคยคิดว่ามันหนีไปเพราะทะเลาะกับจุ๊บรึเปล่า เพราะจุ๊บเองมันก็แก่ขึ้นด้วย แต่สุดท้ายคำตอบที่ว่า ตัวใหญ่เดินทางออกไปค้นหาตัวเองนั้นก็ยังเป็นคำตอบที่ดีอยู่นั่นเอง

ตัวใหญ่สมบูรณ์
ตัวใหญ่สมบูรณ์

ในช่วงที่จุ๊บยังอยู่นั้นตัวใหญ่ก็มาๆไปๆ ไม่ได้มากินทุกวัน แต่ก็ไม่ได้หายหน้าหายตาไปนานๆเหมือนแต่ก่อน สัปดาห์หนึ่งมันก็จะแวะมาสัก 3-4 วันเพื่อมากินข้าว หรือไม่ก็จะเห็นมันนอนเล่นในบ้าน จนกระทั่งในช่วงสิ้นปี 53 จุ๊บได้หายไป และหายไปจนกระทั่งปัจจุบัน แมวที่ติดบ้านอย่างจุ๊บหายไปคงไม่มีอย่างอื่นให้คิดไปได้อีกแล้ว

และเมื่อจุ๊บหายไป ตัวใหญ่ก็ได้มาแทนที่อย่างช้าๆ แต่ก็ไม่เหมือนกัน ตัวใหญ่จะมีระยะห่างและจะไม่ติดบ้านเหมือนจุ๊บ แต่วันหนึ่งมันก็มากินข้าวทุกวันๆ กินอาหารเม็ด จนกระทั่งฟันหมดปาก การกินของแมวแก่ต้องเปลี่ยนจากอาหารเม็ดไปสู่ปลาทูอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะมันไม่มีฟันจะเคี้ยวกรุบๆได้เหมือนสมัยวัยรุ่นอีกต่อไป

ตัวใหญ่กับปลาทู
ตัวใหญ่กับปลาทู

เมื่อตัวใหญ่กลับเข้ามาเป็นเจ้าบ้าน

หลังจากที่จุ๊บจากไป ตัวใหญ่ก็เข้ามาเป็นเจ้าบ้านแทน มันอยู่ในที่ที่จุ๊บเคยอยู่ ก็วนเวียนไปรอบพื้นที่บ้าน และบ้านเพื่อนบ้านอีกด้วย โดยที่ประจำของมันก็คือบ้านเพื่อนบ้านที่อยู่ตรงข้ามนั่นแหละครับ

เพื่อนแมววัยรุ่นใกล้บ้าน
เพื่อนแมววัยรุ่นใกล้บ้าน

ตัวใหญ่มีเพื่อนแมว ซึ่งไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเป็นเพื่อนหรือเป็นอะไรดี เป็นแมวสีออกเทาๆ ยังดูเด็กๆ ไม่น่าเกินสามขวบ มีปลอกคอและกระพรวนใว้ตามประสาแมวเลี้ยง ก็คืออาจจะเป็นแมวบ้านไหนสักบ้าน ซึ่งการที่เราจะหาเจ้าของแมวนี่มันยากครับ เหมือนที่เราพยายามตามไปดูว่าวันๆหนึ่งแมวของเราไปทำอะไรที่ไหนอย่างไรนั่นแหละ

เจ้าแมวเทาหางยาวตัวนี้ลักษณะดี สีสวยท่าทางจะอนาคตไกลครับ ตัวเมียตัวผู้ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่มันชอบมาที่บ้านผมบ่อยมากๆ บางทีก็มากินอาหารที่ตัวใหญ่กินเหลือ หรือแอบชิงกินก่อนก็มี จริงๆแล้วบ้านไหนมีแมวก็จะมีแมวเพิ่มมาตามธรรมชาตินั่นแหละนะ

วัยแก่ของตัวใหญ่

เมื่อตัวใหญ่เข้าสู่ลักษณะที่เป็นแมวแก่ พฤติกรรมของมันก็เปลี่ยนอย่างไป อย่างเช่นกลับมาน่ารักขี้อ้อนเหมือนตอนเด็กๆ ก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ แม้ว่าแมวจะแก่แต่ก็มีการเรียนรู้เสมอ เช่นมันชอบส่งเสียงดังขอข้าวขอปลากิน ผมก็ยังไม่ยอมให้ จนมันร้องเสียงหวานๆ ค่อยให้ สุดท้ายพอจะมากินทีไรก็ร้องเสียงอ้อนๆน่ารักทีเดียว มาน่ารักเอาตอนแก่ก็ยังดีกว่าไม่เคยเลย

แมวแก่ ฟันหายไปเกือบหมดปาก
แมวแก่ ฟันหายไปเกือบหมดปาก

เมื่อแก่ฟันของตัวใหญ่ก็หมดปากเหมือนแมวตัวอื่นๆ ที่เมื่อถึงวัยแก่ก็จะให้ปลาทูสดแทนครับ แมวก็จะกินได้ง่าย ปลาที่ให้ก็เป็นเนื้อปลาล้วนๆไม่ได้ผสมข้าวหรืออะไรอย่างอื่น มันก็กินได้เรื่อยๆครับ อย่างจุ๊บนี่กินอยู่นานเลย ส่วนตัวใหญ่นี่จะเรื่องมากกว่าจุ๊บนิดหน่อย

จริงๆจะว่าเรื่องมาก มากก็ว่าได้บ้านผมเพิ่งจะมีปัญหาหัวปลาทูก็ตัวใหญ่นี่แหละ เพราะมันจะกินแต่ตัวและทิ้งหัวไว้ บางทีลืมเก็บหรือเก็บแล้วลืมฝัง เจอแมลงวันมาไข่หนอนไชยุ่บยั่บก็มี (ถ้าฝังดินจะไม่มีกลิ่นและหนอนแมลงวัน)  ปัญหานี้ไม่เคยเกิดเมื่อสมัยจุ๊บเพราะจุ๊บจะกินทั้งตัวทั้งหัว ขนาดหางยังไม่เหลือเลย เอาเป็นว่ามันเก็บเรียบไม่ต้องให้เจ้าของมาเก็บซากส่วนตัวใหญ่นี่จะเหลือหัวกับหางไว้ให้

เรื่องมากอีกเรื่องก็คือความสดของปลา แน่นอนว่าจมูกของแมวนั้นดีกว่าของคนมากนัก บางทีเพิ่งไปซื้อปลามาจากตลาดมันก็ทำเมินว่าไม่สด ทำเดินหนีอะไรประมาณนั้น ขนาดว่าอุ่นไมโครเวฟให้กลิ่นปลาฉุยๆและเป่าพัดลมให้เย็นแล้วยังหยิ่งไม่ยอมกินทันทีอีก วิธีที่จะทำให้มันกินคือปิดประตูบ้านทำเหมือนไม่สนใจ พอเปิดมาก็จะเห็นมันกินหรือไม่ก็เจอเศษปลานั่นเอง

ุ่แมวนายแบบกับลิ้นมังกรด่าง
ุ่แมวนายแบบกับลิ้นมังกรด่าง

มีเรื่องความขี้อ้อนของแมวแก่อีกนิดก็คือวันหนึ่งที่ผมซื้อต้นไม้มาและกำลังจะถ่ายรูปต้นไม้เก็บไว้ ในระหว่างถ่ายก็มีตัวใหญ่มาเข้ากล้องตลอด แถมมองกล้องด้วย เคล้าเคลียทั้งกระถางต้นไม้ ทั้งคนถ่ายประมาณว่าอ้อนจะกินข้าว แต่เปลี่ยนวิธีใหม่นิดหน่อย ตัวใหญ่นี่เวลาหิวข้าวจะน่ารักที่สุดในสามมหาแมว หรือจะทะลุเข้าไปในฝั่งของความน่ารำคาญก็ได้เหมือนกัน คือหิวแล้วเดินตาม เคล้าเคลีย เรียกเจ้าของให้ไปทำข้าวทำปลาให้ มีครั้งหนึ่งที่ผมทำสวนอยู่หลังบ้านแล้วมันก็เดินมาจากหน้าบ้านมาร้องเรียก และเดินไปรอหน้าจานข้าวแมว…

รอเจ้าของกลับบ้าน
รอเจ้าของกลับบ้าน

หรือแม้กระทั่งว่าแมวที่กำลังหิวก็จะรอเจ้าของอยู่หน้าประตูบ้าน รอว่าเมื่อไหร่เจ้าของจะกลับมาสักที แน่นอนว่าเป็นผมที่เห็นมันรออยู่และเมื่อลงไปเปิดประตูก็ได้่รู้สึกถึงอารมณ์ประมาณว่าแมวบ่น ร้องเบาๆอุบอิบๆ…ตามประสาแมวแก่ๆ

อีกเรื่องที่สนใจก็คือตัวใหญ่และจุ๊บ ต่างก็ต้องยอมสยบแก่แมวเจ้าถิ่นตัวนี้ เป็นแมวขาวดำเหมือนตัวใหญ่ แต่ดูหน้าตาแล้วโหดกว่าเยอะ ทั้งร่างกายที่ดูแข็งแรงบึกบึน รวมถึงแววตาของมัน ทำให้หลายครั้งตัวใหญ่ต้องหนีและแพ้พ่ายเพราะนอกจากแก่แล้วยังสู้เขาไม่ได้อีก ดูๆไปอาจจะอายุใกล้ๆกันแต่ความเก๋าต่างกันมาก เดิมทีตัวใหญ่ก็หน้าตาไม่ได้ดูเกเรอยู่แล้ว ออกจะเป็นแมวเอ๋อๆด้วยซ้ำ ดังนั้นถึงมันจะทำหน้าดุสายตากวนและหยิ่งขนาดไหน มันก็ดูไม่ดุอยู่ดี(จากสายตาคน)

แมวเจ้าถิ่น แข็งแรงบึกบึน
แมวเจ้าถิ่น แข็งแรงบึกบึน

คงจะไปสู้กับแมวหง่าว และสารพัดแมวรุ่นใหม่ที่เพิ่งเติบโตแข็งแรงมาไม่ได้มากนัก การตัดสินใจกลับมาตายรังที่บ้านก็น่าจะเป็นการตัดสินใจที่ดี ที่เหมาะกับช่วงชีวิตสงบๆในบั้นปลายของแมวแก่ๆตัวนึง

ช่วงท้ายของชีวิต

ในช่วงเดือนพฤษจิกายนที่ผ่านมานั้นตัวใหญ่ก็ไม่ได้มีอาการผิดปกติแต่อย่างใด แต่มาวันหนึ่งมันก็ไม่ได้มากินข้าวกินปลาเหมือนเคย แม้ว่าจะนั่งอยู่หน้าบ้าน อยู่บ้านตรงข้าม มันก็ไม่ได้เข้ามากินข้าวเหมือนอย่างที่เคย จนผิดสังเกตุ แต่ด้วยความที่เคยชินว่ามันชอบออกไปข้างนอก และเคยไปใช้ชีวิตอยู่บ้านอื่นก็ทำให้นึกได้ว่ามันไปกินข้าวบ้านอื่นนั่นเอง

ไม่ยอมมากินข้าว จะจับก็วิ่งหนี
ไม่ยอมมากินข้าว จะจับก็วิ่งหนี

วันสุดท้าย 7 ธันวาคม 2555

วันนี้เป็นวันที่อากาศเช้าเย็นๆ ผมเดินออกไปเพื่อรดน้ำต้นไม้ตอนเช้า และพบตัวใหญ่นอนอยู่ทางในสวนที่บ้าน พบว่ามันผอมมาก หายใจลำบาก น้ำตาไหลซึม ร้องเสียงอ่อยๆตามประสาแมวป่วย ผมรับรู้ด้วยสัญชาติญาณทันทีว่าวันนี้คงเป็นวันสุดท้ายของมันแล้ว ตามธรรมชาติของแมวนั้นก็จะมีบางตัวที่กลับมาลา แล้วก็ตาย หรือไม่ก็หายไปตายไกลๆอย่างสงบ กรณีตัวอย่างเป็นแมวที่มาลาตาย ผมและแม่มาลูบมัน ดูมัน ให้อาหารมันเป็นวันสุดท้าย ผมเองคงไม่ไปฝืนกฏธรรมชาติ และเชื่อว่าเกิดอย่างแมวก็ต้องตายอย่างแมว และไม่ใช้ความคิดของมนุษย์เข้าไปตัดสินการเป็นอยู่หรือตายของมัน

แต่ที่ดูจากอาการก็บอกกันอีกทีเลย จากประสบการณ์เลี้ยงแมวมาหลายตัว ฝังแมวมาก็น่าจะเกิน 10 แบบไม่รวมลูกแมว อาการแบบนี้ไม่รอดแน่นอน แต่ที่ดีใจคือมันเองได้พยายามกลับมาที่บ้าน กลับมาเพื่อสื่อสาร มารออะไรสักอย่าง แมวไม่ต้องการคุณหมอ เพราะมันไม่รู้จักหมอ ตามธรรมชาติแล้วสัตว์จะฟื้นฟูตัวเองได้ดีกว่ามนุษย์รวมถึงการหายาหรือสมุนไพรด้วย การจากไปของมันถือเป็นกฏของธรรมชาติ

การดำเนินชีวิตของผมเป็นไปอย่างปกติ แต่ก็ใช้เวลาลงไปดูมัน ไปลูบหัวมันเป็นระยะๆ จนกระทั่งตอนกลางคืนประมาณ 3 ทุ่มมันก็หายไปจากจุดที่เคยอยู่ตอนกลางวัน

แมวแก่ใกล้ตาย
แมวแก่ใกล้ตาย

8 ธันวาคม 2555

เช้านี้ผมรู้ดีว่าต้องออกไปตามหาศพแมวของตัวเองแน่นอน วันนี้อากาศไม่ร้อนไม่เย็นนัก เป็นเช้าที่เหงาๆตามประสาต้นหนาว ผมได้ยินแม่คุยกับเพื่อนบ้านและแม่ก็มาบอกว่า แมวเราไปตายหน้าบ้านของเพื่อนบ้าน ซึ่งมันก็นอนตายกลางถนน ซึ่งตำแหน่งนั้นในตอนกลางคืนก็จะมีรถไปจอดอยู่ คงจะไปในตายใต้รถละนะ แต่ก็ไม่ได้รับผลอะไรจากรถนะครับ นอนตายบนถนนเฉยๆ ตามสภาพแมวแก่ป่วยตายหรืออะไรก็ตาม สุดท้ายก็ไปจับมันใส่กล่องเพื่อเอาไปขุดฝังต่อไป

ซากแมวตัวใหญ่ ที่ตัวเล็กบนโลก นอนนิ่งบนถนน
ซากแมวตัวใหญ่ ที่ตัวเล็กบนโลก นอนนิ่งบนถนน

ตัวใหญ่เป็นหนึ่งในสามของแมวที่มีบทบาทในชีวิตของผมมากๆ และเป็นแมวตัวสุดท้ายที่อยู่ด้วยกัน จากนี้คงจะไม่หาเลี้ยงสัตว์ใดๆจนกว่าจะมีความพร้อมที่จะสร้างธรรมชาติที่เหมาะแก่การดำรงชีวิตของสัตว์นั้นๆก่อนจะเลี้ยงมัน เพื่อให้มันใช้ชีวิตในแบบของมันให้สมบูรณ์ที่สุด

สวัสดี

การเรียนรู้ กับการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ

ธรรมชาตินั้นคือสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การเรียนรู้กับธรรมชาติคือการเรียนรู้และรู้จักกับการเปลี่ยนแปลงแห่งความจริง ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย

ผมเองเป็นคนที่ชอบปลูกต้นไม้มาตั้งแต่เด็ก จริงๆจะบอกว่าชอบปลูกต้นไม้มันก็ไม่ตรงเสียทีเดียว ต้องบอกว่าผมชอบมองอะไรที่มันเติบโตมากกว่า นอกจากต้นไม้แล้ว ยังจะมีอะไรที่เติบโตอย่างที่เราสามารถดูได้ทุกวันได้อีก หลายคนอาจจะบอกว่ามีสัตว์เลี้ยงเช่น หมา แมวนั่นไง แต่ผมก็ต้องตอบว่าบทมันก็ต่างไปจากปลูกต้นไม้ เพราะการดูแลสัตว์เลี้ยงกับการดูแลต้นไม้นั้น มีความแตกต่างกันอย่างมาก และสุดท้ายผมก็เลือกมองการเติบโตของต้นไม้มากกว่า

การเรียนรู้ กับการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ

ต้นไม้นี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของธรรมชาติ สัตว์ก็กินพืช คนก็กินพืช แล้วพืชกินอะไร? แสง น้ำ ความชื้น อากาศ ธรรมชาติของพืชเติบโตและเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป พืชในธรรมชาติอย่างป่า ภูเขานั้น มีการเติบโตเปลี่ยนแปลงที่เป็นวัฏจักรและเกื้อหนุนกันระหว่างสิ่งมีชีิวิตและสิ่งไม่มีชีวิต

การกำเนิดกับการเปลี่ยนแปลง

ผมเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างจากพืช หรือต้นไม้ ภาพที่ติดตาอยู่ตั้งแต่สมัยเด็กคือเมล็ดข้าวโพดที่ซื้อมาจากห้างแห่งหนึ่ง อยู่ในซองผักทั่วไป ผมเพาะลงที่หน้าบ้านเล็กๆ หยอดเป็นหลุม ไม่กี่วันต่อมา ต้นข้าวโพดน้อยๆทำให้ผมประหลาดใจกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น กับขนาดของมัน ต้นข้าวโพดโตเร็วมากๆ แต่สุดท้ายความทรงจำก็จบลงแค่นั้น และมันคงไม่ได้โตต่อด้วยสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง

การเปลี่ยนแปลงในระหว่างการเติบโต

ในระหว่างที่มีการเติบโต ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างเกิดขึ้น ผมเรียนรู้ได้จากไม้ประดับเช่น กระบองเพชร หรือบอนสีที่ผมเลี้ยง ทุกๆขั้นตอนของการเติบโต มีจังหวะ มีปัจจัย มีฤดู และมีสิ่งอื่นๆอีกมากมายที่ส่งผลต่อการเติบโตของต้นไม้ต้นหนึ่ง ลองนึกดูว่าไม้ประดับเช่นกล้วยไม้ กว่าจะได้ดอกงามๆ ต้องให้สารเคมีกี่ชนิดกัน การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้สามารถเกิดจากมือของเราก็ได้ หรือจากธรรมชาติก็ได้เหมือนกัน

ผมสังเกตุว่าต้นไม้เองก็มีวัย เหมือนกับวัยของคนเรานี่แหละ วัยต้นกล้า วัยรุ่นของต้นไม้ วัยสืบพันธุ์ หรือต้นไม้ยืนต้นก็จะดำรงชีวิตไปเรื่อยๆจนกว่าจะอ่อนแอและตายไป

การเปลี่ยนแปลงไปสู่ซากบนพื้นดิน

หลายครั้งที่ผมได้เห็นการตาย หรือการหยุดการเจริญเติบโตอย่างถาวรของต้นไม้ ผมเองเคยคิดว่าผมชอบการเติบโต แต่พอมามองการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความตายของต้นไม้แล้ว ผมกลับค้นพบเรื่องใหม่ที่ตัวเองไม่รู้ ซึ่งซ่อนอยู่ในใจของผมเอง ผมสนใจการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความตายนี้ด้วย

สรุปแล้วจริงๆ ผมเองคงจะชอบการเปลี่ยนแปลง ถ้าเรียกว่าชอบคงไม่ถูกตรงประเด็นนัก อาจจะเรียกได้ว่า ผมมักจะได้เรียนรู้จากการสังเกตุการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติไม่ว่าจะร้ายหรือดี หรือจริงๆแล้ว คำว่าร้ายและดีนั้น คนเราคงตัดสินเอาเองตามผลประโยชน์ของตนมากกว่า บางทีการจากไปของบางสิ่งก็อาจจะดีก็ได้ บางทีการเกิดของอีกสิ่งก็อาจจะไม่ดีก็ได้ใครจะรู้ เพราะมันขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ของแต่ละคนจริงๆ

เมื่อการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น คนทีไ่ด้ประโยชน์ก็จะสนับสนุน คนที่เสียประโยชน์ก็จะต่อต้าน ซึ่งก็จะมีผลที่ตามมาอย่างแน่นอน ถ้าการเปลี่ยนแปลงนั้นทำให้ธรรมชาติเสียประโยชน์ล่ะ ผลที่ตามมาคืออะไร?

สวัสดี