บอกเล่าข่าวหนีน้ำท่วม

ตอนนี้เนื่องจากเกิดอุทกภัยโดยทั่วไปในประเทศโดยเฉพาะภาคกลางและกำลังหนักหน่วงอยู่ที่กรุงเทพ ทำให้ผมได้หนีน้ำออกจากบ้านมาพักใหญ่ๆแล้วครับ

ที่หนีออกมาก่อนน้ำมานั้นเพราะได้ประสบการณ์จากคนรอบข้างและครอบครัวที่เผชิญกับน้ำท่วมโดยตรงครับ บ้างก็อยู่ดอนเมือง บ้างก็ลำลูกกา หนีน้ำกันมาตั้งแต่ระยะแค่ข้อเท้า จนกระทั่งน้ำมิดหัวก็มีกันมาให้เห็น ที่บอกนี่ญาติสนิทเลยนะครับ นี่แหละที่ทำให้ผมและครอบครัวออกมากันก่อนที่น้ำจะมา ไม่งั้นคงจะโกลาหลและลำบากอย่างแน่นอน

สุดท้ายก็ออกมาท่องเที่ยวไปในตัวระหกระเหินไปในที่ต่างๆหลายที่ ผมเองแยกกับครอบครัวไปเก็บเรื่องราวและถ่ายรูปตามที่ต่างๆมากมาย จนตอนนี้ก็กลับมารวมกับครอบครัวอีกครั้ง น้ำก็ยังมาไม่ถึงบ้านสักที

สำหรับตอนนี้คงจะไม่สะดวกนะที่ต้องพิมพ์เรื่องราวมากมายที่อยู่ในหัวออกมาเพราะอยู่ในระหว่างหนีน้ำท่องเที่ยว (อีกแล้ว) เอาเป็นว่าหลังน้ำลดคงมีเรื่องให้พิมพ์กันเยอะแน่นอน ขอให้ทุกคนดูแลตนเองและครอบครัวของท่านด้วยนะครับ และถ้าอยากดูแลคนอื่นด้วยตอนนี้ก็สามารถเป็นจิตอาสาไปช่วยตามที่ถนัดได้เลยครับ

ขอให้โชคดี

สวัสดี

ความเข้ากันดีในสาขาอาชีพ และกิจกรรมประจำวัน

วันนี้ระหว่างกำลังจัดต้นไม้หน้าบ้าน ให้มันเป็นระเบียบมากขึ้นโดยการย้ายกระถาง ใส่รวมกันในกระถางใหญ่กระถางเดียวนั้น ก็มีผู้ใหญ่ในหมู่บ้านมาทักทาย

คำถามที่น่าสนใจคือผมจบเกษตร มาหรือปล่าว? นั่นหมายถึงจบเกษตรกรรมนะครับ เพราะผมอาจจะดูจริงจังกับต้นไม้มากก็ได้ ภาพที่เห็นเลยเป็นอย่างนั้น ก็ตอบลุงแกไปว่าเรียนบริหารครับ แกก็บอกว่าดูไม่ค่อยเข้ากันอะไรประมาณนี้ครับ

ความไม่เข้ากัน…

ก็จริงอยู่นะ ชีวิตผมทำอะไรหลายๆอย่างที่ไม่ค่อยเข้ากัน ในสายตาคนอื่น ซึ่งปัจจุบัน ทักษะของผมนั้นหลากหลายจนเกินจะบอกว่าแท้จริงแล้ว ผมเก่งอะไรกันแน่ ผมวิจัยต้นไม้เป็นส่วนตัว ผมเรียนศิลปะ ผมทำอนิเมชั่น ผมทำเว็บไซต์ ผมพิมพ์บทความมากมาย นั่นคือสิ่งที่ผมทำได้ และแน่นอนว่าวิชาบริหารที่ผมเรียนนั้นก็จะมาช่วยให้ทุกอย่างเข้ากันดีมากขึ้น

ทุกอย่างเหมือนส่วนผสมที่ไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ แต่ก็จะพยายามนำมาปรุงให้ได้ แน่นอนว่าถ้าเมนูนี้ออกมามันต้องเป็นเมนูใหม่ของโลกอย่างแน่นอน ดังนั้นผมคิดว่าผมควรจะทำมันต่อไป

การสร้างความถนัดเฉพาะด้าน?

คงจะดีถ้าผมเก่งอะไรจริงจังสักอย่างหนึ่ง ก็คงจะพูดให้ใครๆเขาเข้าใจได้ง่ายว่าผมนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ตัวผมเองไม่ได้ต้องการ ความถนัดเฉพาะด้านคือสิ่งที่สังคมต้องการ เขาต้องการให้เราเป็นแรงงานในส่วนใดส่วนหนึ่งและผลักดันสังคมไป …แต่ปัญหาคือไปในทิศทางไหน?

ผมเองคิดว่าตนเองนั้นไม่ได้เกิดมาเพื่อทำงานให้กับใครคนใดคนหนึ่ง ผมไม่อยากเป็นคนที่ทำงานให้ครอบครัวๆหนึ่งรวย แล้วใช้ชีวิตไปแบบที่สังคมเป็น นั่นคือผมไม่ได้คิดว่าตนเองนั้นเป็นฟันเฟืองในสังคมที่กำลังขับเคลื่อนอยู่แม้แต่น้อย ผมเกิดมาทำไม เพื่ออะไร ผมจำเป็นต้องหาคำตอบนี้ด้วยตนเอง แต่ที่ผมรู้แน่ๆแล้วนั่นคือ ผมไม่ได้เกิดมาแล้วตายไปแบบหนุ่มออฟฟิศแน่นอน ที่บอกนี่ไม่ได้หมายความว่าผมมองมันไม่ดี แต่ผมแค่มองว่ามันดูไม่เข้ากับตัวเองเท่านั้นเอง

และเมื่อเกิดความคิดแบบนั้น ผมจึงเลือกเดินหนทาง อาชีพอิสระหรือฟรีแลนซ์ ( Freelance ) นั่นก็เพื่อตามหาความไม่เข้ากันที่เหมาะสมกับผมนั่นเอง

ความหลากหลายที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ เป็นเพราะผมเลือกที่จะรู้กว้าง แต่ไม่รู้ลึก มันเป็นนิสัยของผมมานานแล้ว ผมชอบศึกษาอะไรไปเรื่อยๆ ทำให้มีทักษะติดตัวค่อนข้างหลากหลาย และมันจะเป็นอย่างนี้ต่อไป จนกว่าผมจะค้นพบคำตอบที่ำำพอจะทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง

สวัสดี

กิจกรรมยามว่าง คือเขียนบล็อก

แทบจะไม่เชื่อตัวเองเลยว่า ปัจจุบันกิจกรรมยามว่างของผมคือการนั่งพิมพ์บล็อก เพราะแต่ก่อนนี้ผมไม่ค่อยได้สนใจและ มองคนที่เขียนไดอารี่หรือบล็อกด้วยอคติด้วยซ้ำ

แต่ทุกวันนี้การเขียนบล็อกกลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมในชีวิตผมไปเสียแลัว อาจจะเป็นอย่างที่โบราณว่าไว้ “เกลียดอะไรก็จะได้อย่างนั้น” แต่ก็ผิดไปนิดหนึ่งก็คือมันเปลี่ยนจากมุมมองด้านลบๆ มาเป็นบวกตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เพราะถ้าผมไม่ชอบ ผมคงไม่สามารถนั่งพิมพ์บล็อกทุกวันได้อย่างนี้หรอก

แต่ก่อนนั้น…

เมื่อหลายปีก่อน ผมเห็นเพื่อนที่ร่วมเรียนด้วยกันเขียนบล็อก ผมเองมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระและเสียเวลามาก ทำไมผมต้องมานั่งเสียเวลาเล่าเรื่องตัวเองให้คนอื่นอ่านด้วย มันไม่จำเป็นเลย ซึ่งผ่านไป 4-5 ปีผมก็ยังมีมุมมองนี้อยู่ดี แต่ไม่นานนักเมื่อชีวิตผมเปลี่ยน

ตั้งแต่ชีวิตที่ได้เปลี่ยนไป…

ผมเคยเป็นพนักงานบริษัทเหมือนกับชาวบ้านที่เขาเป็นกัน ชีวิตนั้นก็สุขสบายดีอยู่แล้ว ขาดอย่างเดียวคือการสนองตอบความสามารถในตัวผม ผมเองคิดว่าผมทำอะไรได้มากกว่านั้น ความสามารถผมมากกว่านั้น จึงตัดสินใจลาออกมาทำกิจการเล็กๆที่ใช้ความสามารถตัวเองได้เต็มที่ และคิดได้เต็มที่ ฝันได้เต็มที่ เจ็บได้เต็มที่ มันน่าสนุกถ้าผมจะทำอะไรที่อยากทำในขณะที่ยังจะพอทำอะไรได้อยู่

และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของผม การประกอบกิจการส่วนตัวนั้นจำเป็นต้องลงแรงทุกอย่างที่มี ทักษะที่เคยสั่งสมมาแต่ไม่เคยคิดจะใช้ทำมาหากิน นั่นคือทักษะการทำเว็บไซต์ แต่ก่อนไม่เคยคิดจะทำเว็บไซต์เพราะยุ่งยาก แต่ทุกวันนี้ก็ต้องมานั่งทำเพราะความจำเป็นและก็กลับชอบขึ้นมาอีกด้วย และการเขียนบล็อกก็ก้าวเข้ามา ณ จุดนั้น ในจุดที่ผมจำเป็นต้องเขียนบทความเผื่อโปรโมตเกี่ยวกับกิจการของผมให้คนอื่นได้รับทราบ

และจากการพิมพ์บล็อก (เขียนบล็อก) เพื่อการโฆษณา ปัจจุบันมันกลายเป็นงานอดิเรกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ผมกลับสนุกที่ได้บันทึก ได้เรียบเรียง ได้ถ่ายทอดเรื่องราวที่ผมได้รับมา ผมรู้สึกดีเมื่อรู้ว่าตัวเองได้พัฒนาทักษะการพิมพ์ได้ดีขึ้น จากความเห็นบางส่วนของผู้ที่มาตอบ สำหรับตอนนี้ผมก็คงจะเล่าไปถึงแค่ทำไมมันถึงกลายมาเป็นกิจกรรมยามว่างของผมได้ และคิดว่าคงจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับประโยชน์ วิธีการ เกี่ยวกับบล็อกเพิ่มขึ้นด้วยครับ เผื่อว่าจะมีคนสนใจแบบผมบ้าง

สวัสดี

ตบยุง จะดีไหม?

ช่วงหลังๆนี้ผมเริ่มมีปัญหากับยุงเยอะขึ้น เพราะนอกจากฝนจะตกบ่อยแล้ว ยังมีสารพัดไม้น้ำ และกระถางที่แม่ตั้งไว้เลี้ยงลูกน้ำเล่นๆอีกมากมาย

ยุงกับน้ำขังนี่เป็นของคู่กันจริงๆครับ ซึ่งปกติก็จะโรยทรายกันยุงครับ แต่ว่่าพอให้โรยทุกสามเดือน บางทีมันก็ลืมเหมือนกันครับ วิธีกำจัดยุงที่ดีที่สุดน่าจะเป็นการกำจัดมันจากแหล่งกำเนิดเลย นั่นคือไม่มีที่ให้มันเกิดก็จะไม่มียุงแล้วครับ หรือถ้ามีก็คงมีน้อย เพราะอย่างน้อยมันก็ต้องบินมาไกลกว่าจะได้กัดเรา มันคงอ่อนแรงพอควรเลย

ตบยุงจะดีไหม
ตบยุงจะดีไหม

เป็นรูปของวันก่อนที่ตบยุงระหว่างทำงานได้หนึ่งตัว สภาพของมันเละคามือเลยครับ ผมเคยคิดว่าตบยุงนั้นบาปหรือไม่ เป็นการฆ่าสัตว์หรือไม่ จริงๆมันก็เป็นอย่างนั้นครับ เพราะก่อนจะตบ จิตใจของเรามีความพยายามในการฆ่าอยู่ครับ ดังนั้นควรจะฝึกอดทนให้ชินครับ ซึ่งผมเองชินกับการตบยุงมากกว่าการอดทนไม่ตบครับ บางทีก็ทำไปแบบอัตโนมัติเลยครับ เพราะความเคยชินมานั่งคิดๆดูมันก็ไม่ดีละนะ

ดีนะที่ยังเป็นยุงตัวเล็กๆ ลองคิดดูว่าคนที่ฆ่าสัตว์จนเคยชิน จะเป็นอย่างไร ก็ลองขยายภาพจินตนาการตอนตบยุงดูนะครับ

สวัสดี

วันฟ้าใสที่ใครหลายคนรอคอย

วันนี้เป็นอีกวันที่ฟ้าใสมากๆ หลังจากที่ช่วงอาทิตย์ก่อนหรือเดือนก่อนที่ผ่านมานั้น ฝนกระหน่ำตกทุกวัน เช้า เย็น ค่ำ ไม่เคยปล่อยให้ฟ้าใสเหมือนวันนี้

วันนี้เป็นอีกวันที่ฟ้าใส ซึ่งเมื่อผมเห็นฟ้าใสๆแบบนี้ก็คิดอย่างเดียวเลยว่าต้องตากผ้า ผ้าที่แห้งภายใต้ไอแดดนี้ จะมีกลิ่นหอมอ่อนๆของผงซักฟอก และความอบอุ่นของแสงอาทิตย์อยู่ ซึ่งผมชอบมากๆเลยทีเดียว และเชื่อว่าใครๆก็ชอบตากผ้าภายใต้ฟ้าที่ไร้เมฆแบบนี้

วันฟ้าใสที่ใครหลายคนรอคอย
วันฟ้าใสที่ใครหลายคนรอคอย

เป็นมุมมองที่ผมถ่ายรูปไว้ให้เห็นว่า ไม่มีเมฆบนฟ้าเลยแม้แต่ก้อนเดียว แน่นอนว่านี่คือมุมมองเดียวที่เห็น และแม้ว่าจะมองไปรอบๆก็เห็นเมฆบางตา และเมฆไกลๆที่รู้ว่ายังไงก็ไม่ใช่เมฆฝนอย่างแน่นอน ผมหวังว่าฟ้าแบบนี้จะเป็นแบบนี้ต่อไปจนกว่าผ้าของผมจะแห้ง…

สวัสดี

ใช้เวลากับห้องสมุด

ตอนนี้เหมือนผมจะไปห้องสมุดบ่อยกว่าที่เคยครับ เพราะต้องไปค้นคว้าหาข้อมูลมาทำงานวิจัยอิสระครับ งานนี้เกี่ยวกับที่เรียนนะครับ ไม่ได้เกี่ยวกับต้นไม้หรืออื่นๆแต่อย่างใด

แต่การไปห้องสมุดครั้งนึงเนี่ย มันใช้เวลาเยอะมาก ผมเองไม่เคยรู้สึกว่าห้องสมุดมีคุณค่ามาก่อน จนกระทั้งหัดอ่านหนังสือครับ เขาว่าคนไทยอ่านหนังสือเฉลี่ยปีละ 7-8 บรรทัดเท่านั้นครับ ซึ่งน้อยมากๆ แต่อาจจะเป็นแบบผมแต่ก่อนก็ได้ จริงๆก็อ่าน แต่อ่านอย่างอื่นน่ะนะ แต่ไม่ได้อ่านหนังสือวิชาการหรือหนังสือทั่วไปแต่อย่างใด เอาเป็นว่าแต่ก่อนนั้นเป็นการอ่านแบบอ่านเพื่อบันเทิงหรือไม่ก็เพื่อแก้ปัญหาเท่านั้นเอง

แต่วันนี้พฤติกรรมการอ่านของผมเปลี่ยนไปมาก เพราะส่วนใหญ่มักจะเป็นการอ่านเพื่อเรียนรู้ เพราะอยากรู้ เพราะอยากเข้าใจ เพราะว่าจำเป็นต้องรู้ จนกระทั่งอ่านไม่ค่อยจะทัน เพราะเรื่องที่อยากรู้มันเต็มไปหมด ซื้อหนังสือมาก็เยอะ ยืมหนังสือมาก็บ่อย อ่านๆไปเรื่อยๆก็เพลินดีครับ

มาถึงเรื่องการใช้เวลากับห้องสมุดของผมในวันนี้…

ผมใช้เวลากับห้องสมุดวันนี้เพื่อค้นคว้าอยู่ 5-6 ชั่วโมงก่อนที่ห้องสมุดจะปิด เพราะว่าติดธุระเลยมีเวลาจำกัด จึงเข้าไปหาข้อมูลเท่าที่ได้ แต่ครึ่งนึงของเวลาที่มีผมกลับไปหาหนังสืออื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับงานวิจัยอิสระมาอ่านครับ พอมีนิสัยรักการอ่านแล้วกลายเป็นพวกอยากรู้แบบสุดขีด ถ้าไม่รู้ไม่เลิก

จริงๆแล้วผมเป็นคนค่อนข้างจะจริงจังกับเรื่องที่ทำอยู่พอสมควร อะไรที่ยังสงสัย ยังคาใจ หรือหาข้อสรุปไม่ได้ก็จะพยายามค้นหาหรือทำจนเสร็จให้ได้ เป็นข้อดี ที่มีข้อเสียมหาศาล นั่นคือมันทำให้ผมแบ่งเวลายากมาก เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่ชีวิตในวันหนึ่งๆเราจะมุ่งสมาธิไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ถ้าทำได้คงต้องอยู่ในถ้ำที่มีแต่ข้อจำกัดให้เหลือแต่สิ่งที่สนใจเท่านั้นเอง

สุดท้ายผมก็คงจะต้องแวะเวียนไปห้องสมุดให้บ่อยและนานกว่าเดิม เพื่อที่จะได้ใช้โอกาสของเวลา สร้างผลประโยชน์ให้ชีิวิตและงานให้มากที่สุด

สวัสดี

To do list กับการควบคุมชีวิต

เหมือนว่าตอนนี้วิถีชีิวิตของผมจะหลุดไปจากที่เคยพอสมควร ช่วงสามเดือนมานี่ไม่ได้เขียน To do list หรือรายการสิ่งที่จะทำในแต่ละวันเหมือนก่อน ทำให้บางวันนั้นดูว่างเปล่าเกินจะจินตนาการ

ผมเป็นคนที่ชอบวางแผนในแต่ละวัน ซึ่งก็มักจะทำตามแผนที่วางไว้อย่างหลวมๆ คือมีแนวทางในแต่ละวันนะ แต่จะเสร็จไม่เสร็จนั้นก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆมากมาย เพราะบางทีก็ไม่ได้ว่างทั้งวัน หรือมีเหตุการณ์อะไรเข้ามาเสมอๆ ทำให้ทำตาม To do list ไม่ได้ ซึ่งช่วงหลังๆก็เลยไม่ได้เขียนเหมือนเคย

ปัจจุบันได้ค้นพบแล้วว่าถ้าผมไม่เขียน To do list ไว้บ้าง ชีวิตในแต่ละวันก็มีโอกาสล่องลอยไปตามลมฟ้าอากาศได้มากพอสมควรเลย ความขยันที่เคยมีเมื่อก่อนถูกพัดพาให้ไกลออกไปด้วยลมเย็นๆ ตอนบ่ายแก่ๆ ซึ่งตอนนี้ผมพยายามตั้งสติและกลับมาเป็นตัวเองอย่างที่เคยเป็นอีกครั้ง เพราะนอกจากงานที่กองสุมมากมายแล้วยังมีเรื่องเรียนซึ่งเป็นเรื่องที่รอไม่ได้อยู่อีกด้วย

ใครมีอาการแบบผมแนะนำให้วางแผนชีวิตโดยเขียน To do list ไว้บ้างนะครับ แม้ว่าจะเป็นระยะสั้นแต่ก็ดีกว่าเราไม่ได้วางแผนอะไรเลย

สวัสดี

ฟ้าฝนที่ไม่น่าไว้วางใจ

เมื่อคืนฝนตกลงมาอย่างหนัก และตกต่อเนื่องจนถึงตอนเช้า ผมตื่นมาพร้อมบรรยากาศชื้นๆ ไม่นานนัก แสงอาทิตย์เริ่มแรงขึ้นจนเป็นสัญญาณบอกให้…

ซักผ้า!

ครับเรื่องฟ้าฝนกับแดดแรงๆนี่คงจะไม่มีอะไรมากกว่าการซักผ้า เพราะผมตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะใช้ช่วงแดดดีๆนี่แหละซักพวกผ้าห่มและผ้าคลุมเตียง ซึ่งจะพยายามซักบ่อยๆเท่าที่มีโอกาส บางทีฝนตกติดต่อกันหลายวันก็ทำให้ลำบากเหมือนกันนะ

วันนี้แดดดีช่วงเช้าๆแต่พอเผลอเข้าฝนก็ตกหนักทันที แทบจะเก็บผ้าที่ตากไว้ไม่ทัน หลังจากฝนตกลงมาห่าใหญ่ก็เริ่มมีแดดอีกครั้ง ทำให้รู้ว่าแม้จะมีแดดก็ไม่น่าไว้วางใจ เพราะฝนตกตอนแดดออกได้เสมอ บางทีมองออกไปเห็นแต่ฟ้าไกลๆไม่ได้ดูฟ้าใกล้ๆว่ามีเมฆฝนลอยผ่านมาละนะ

ล่าสุดหลังจากชิงจังหวะแดดออกนำผ้าห่มไปตากได้หนึ่งแดดก็แห้่งแล้วครับ ส่วนผ้าอื่นๆยังต้องรอคิวต่อไปเพราะไม่แน่ใจว่าฝนจะตกลงมาอีกรึเปล่า เอาไว้วันไหนแดดดีๆฟ้าโปร่งๆค่อยซักแล้วกันนะ

สวัสดี

ช่วงนี้ ช่วงเรียน ช่วงศึกษา

การเรียนของผมก็ดำเนินมาได้เกินครึ่งแล้วนะครับ ซึ่งตอนนี้ก็เป็นเทอม 5 ครับ เป็นช่วงที่ต้องทำการค้นคว้าอิสระ ที่ต้องใช้ความสามารถส่วนตัวกันเยอะเพราะเป็นงานเดี่ยวชิ้นใหญ่นั่นเอง

การศึกษาค้นคว้าอิสระ หรือที่เขาเรียกย่อๆว่า ” IS (Independent Study) นั้นเป็นหนึ่งในหลักสูตรการเรียน ปริญญาโท ของ YMBA KU ครับ ซึ่งรุ่นของผมนั้นก็ทำ IS กันทั้งหมดคือ 100% เลย แต่ว่าตั้งแต่รุ่น 21 เขาก็เปลี่ยนให้มีวิทยานิพนธ์ (Thesis) เข้ามาเพิ่มด้วยครับ อัตราส่วนนั้นไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นเท่าไหร่ ถ้าใครจะสมัคร YMBA KU รุ่นต่อๆไปอาจจะต้องวางแผนเพิ่มกันนิดหนึ่งนะครับ
สำหรับ IS นี่ผมเองยังไม่เคยทำเหมือนกันครับ แต่เคยทำคล้ายๆกันนั่นคือ ศิลปนิพนธ์ เขาก็เรียกว่า Thesis ( Art Thesis) เหมือนกันครับ ทำให้มีความคุ้นเคยในรูปแบบอยู่บ้าง แต่วิธีการทำนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิงครับ

คราวนี้ก็จะเป็นบททดสอบใหม่ที่จะเข้ามา ทำให้ช่วงนี้อาจจะห่างหายจากการมาพิมพ์บล็อกไปสักพัก หรือเข้ามาเยี่ยมบล็อกตัวเองน้อยลงอะไรประมาณนั้น

สวัสดี

วันแดดดีอย่างนี้ต้องตากผ้า~

วันนี้เป็นวันที่แดดดี อากาศดี ผิดกับหลายๆวันที่ผ่านมา ที่มีแต่ฝนตกฟ้าครึ้ม และบรรยากาศที่หมองหม่น…

วันสดใสแบบนี้ ภารกิจที่สำคัญของผมจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกเสียจากว่าซักผ้าและตากผ้าให้ไวๆครับ เพราะแดดแรงๆแบบนี้ทำให้ผ้าแห้งไวปราศจากกลิ่นอับ ใส่แล้วรู้่สึกว่าสะอาดปลอดภัยจริงๆครับ และถ้าไม่ซักตากกันวันนี้ เดี๋ยวต่อไปจะไม่มีฟ้าสดใสมาให้ตากผ้ากันสักพักครับ เพราะดูพยากรณ์อากาศเมื่อวาน เขาบอกว่าลมฝน และฟ้าหม่นอาจจะกลับมาอีกครั้งเร็วๆนี้

ดังนั้น มีเวลาผ่านที่พอจะเก็บเกี่ยวช่วงเวลาแดดดีๆก็รีบตากผ้ากันไว้นะครับ

สวัสดี