[15] ที่ราบ คลอง ภูเขา

diary-0015-ที่ราบ-คลอง-ภูเขา

15. ที่ราบ คลอง ภูเขา

สมัยที่ยังเด็ก ๆ ผมเคยมีภาพฝันว่า อยากมีบ้าน ที่สามารถทำสวนทำไร่ได้ มีแหล่งน้ำตามธรรมชาติตัดผ่าน มีภูเขาล้อมรอบ อารมณ์แบบบ้านเล็กในป่าใหญ่

ฝันนั้นค่อย ๆ เลือนลางไปตามกาลเวลา แต่วิถีชีวิตผมยังเลือกเส้นทางที่จะเอื้อต่อฝันนั้นอยู่ เช่น เลือกเรียนในสาขาที่สามารถรับงานอิสระได้ คือศิลปกรรม

เพราะผมเป็นคนที่ใช้อินเตอร์เน็ตตั้งแต่ยุค 56 kbps ก็พอจะเดาได้ว่าในอนาคต การทำงานแล้วส่งผ่านอินเตอร์เน็ตต้องสะดวกแน่นอน ซึ่งก็เป็นจริงอย่างในทุกวันนี้

แต่สุดท้ายฝันนั้นก็เลือนหายไป ผมกลายเป็นคนเมืองทำงานออฟฟิศอยู่ช่วงหนึ่ง จนลาออกมาทำงานส่วนตัว และเรียนต่อ …ในใจตอนนั้นก็เรียกว่าลืมฝันไปหมดแล้ว เพราะเรียนต่อด้วยเหตุผลที่ว่าจะหางานในเมืองทำ

แต่สุดท้ายชีวิตก็พลิกผัน ได้ศึกษาและปฏิบัติธรรม มันก็มีปัญญาเกิดขึ้นว่า ทำงานแบบที่คิดไว้นั้นไม่ดี เราหาทางออกดีกว่า

ผมปักมั่นที่จะออกจากวังวนนั้นจนกระทั่ง พ่อได้มอบที่ดิน ที่ไม่เคยรู้ว่ามีอยู่มาก่อนให้พร้อมเงินจำนวนหนึ่งให้มาตั้งตัวที่นี่

ที่นี่มีความฝันของผมอยู่ครบ มีที่ราบมากพอจะปลูกพืชได้ มีภูเขาล้อมรอบ มีแหล่งน้ำธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ผมเพิ่งรู้ตัวว่าได้มาทั้งหมดโดยไม่ต้องแสวงหา

นี่คงจะเป็นกรรมเก่าที่ผมทำมาในชาติใดชาติหนึ่งแน่ ๆ เพราะมีทั้งเหตุคือความฝัน ความตั้งใจ และมีผลคือได้สิ่งเหล่านั้นมา(ให้ผ่านมือพ่อ) เพื่อสร้างเหตุใหม่ที่จะเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป

อนาคตเป็นอย่างไรผมไม่รู้หรอก ผมมีหน้าที่แค่ทำให้ที่นี้มันเจริญขึ้นเท่านั้นเอง ความฝันมันจบไปแล้ว เพราะที่มีอยู่นี่แหละคือความจริง

เหตุแห่งทุกข์ อยู่แห่งไหน ใครใคร่รู้

เป็นอีกบทความหนึ่งที่นอนๆอยู่แล้วนึกได้ จริงๆก็ตั้งหัวข้อไว้สักพักแล้ว แต่บ่ายนี้นอนคิดอะไรไปเพลินๆก็เผลอหลับไป สุดท้ายก็ได้หลายๆประเด็นที่จะมาพิมพ์บทความจากฝันนี่แหละ ประมาณว่าอ่านหนังสือจบแล้วเอาไปฟุ้งต่อในฝัน วิธีนี้ก็สะดวกดีเหมือนกัน

อันความว่าเหตุแห่งทุกข์หรือสมุทัยนั้น เป็นเรื่องที่ดูเหมือนว่าจะใกล้ เพราะเราเจอทุกข์กันอยู่ทุกวัน เหตุแห่งทุกข์มันก็อยู่แถวๆนั้นแหละ แต่ความจริงแล้วมันช่างไกลเหลือเกิน การจะค้นเจอเหตุแห่งทุกข์ได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย แม้จะเพียรพยายามก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถเจอได้ง่ายๆ เพราะเราไม่สามารถหักดิบปฏิบัติอธิศีลที่ยากๆได้ตั้งแต่แรก จึงต้องค่อยถือศีลไปเรื่อยๆจนสามารถเห็นเหตุแห่งทุกข์ที่ลึกลงไปเรื่อยๆได้

ธรรมะของพระพุทธเจ้ามีเบื้องต้น ท่ามกลาง บั้นปลาย งดงามไปตามลำดับ การปฏิบัติก็เช่นกัน เราไม่สามารถที่จะได้คำตอบสุดท้ายแต่แรกได้ จึงต้องเพียรพยายามทำไปตามโจทย์ ตามฐาน ตามบารมีที่มี ลองมาอ่านกันดูจากบทความที่จะมาช่วยกันค้นหาเหตุแห่งทุกข์นี้

อ่านต่อได้ที่บทความ : เหตุแห่งทุกข์ ยากแท้หยั่งถึงเพียรพิจารณาให้ลึกซึ้งจึงจะเข้าใจ
เหตุแห่งทุกข์ ยากแท้หยั่งถึงเพียรพิจารณาให้ลึกซึ้งจึงจะเข้าใจ

อ่านบทความอื่นๆ แนะนำ ติชม ทักทายกันได้ที่…

Facebook : ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์

Blog : Minimal life : Dinh Airawanwat

กิจกรรมยามว่าง คือเขียนบล็อก

แทบจะไม่เชื่อตัวเองเลยว่า ปัจจุบันกิจกรรมยามว่างของผมคือการนั่งพิมพ์บล็อก เพราะแต่ก่อนนี้ผมไม่ค่อยได้สนใจและ มองคนที่เขียนไดอารี่หรือบล็อกด้วยอคติด้วยซ้ำ

แต่ทุกวันนี้การเขียนบล็อกกลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมในชีวิตผมไปเสียแลัว อาจจะเป็นอย่างที่โบราณว่าไว้ “เกลียดอะไรก็จะได้อย่างนั้น” แต่ก็ผิดไปนิดหนึ่งก็คือมันเปลี่ยนจากมุมมองด้านลบๆ มาเป็นบวกตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เพราะถ้าผมไม่ชอบ ผมคงไม่สามารถนั่งพิมพ์บล็อกทุกวันได้อย่างนี้หรอก

แต่ก่อนนั้น…

เมื่อหลายปีก่อน ผมเห็นเพื่อนที่ร่วมเรียนด้วยกันเขียนบล็อก ผมเองมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระและเสียเวลามาก ทำไมผมต้องมานั่งเสียเวลาเล่าเรื่องตัวเองให้คนอื่นอ่านด้วย มันไม่จำเป็นเลย ซึ่งผ่านไป 4-5 ปีผมก็ยังมีมุมมองนี้อยู่ดี แต่ไม่นานนักเมื่อชีวิตผมเปลี่ยน

ตั้งแต่ชีวิตที่ได้เปลี่ยนไป…

ผมเคยเป็นพนักงานบริษัทเหมือนกับชาวบ้านที่เขาเป็นกัน ชีวิตนั้นก็สุขสบายดีอยู่แล้ว ขาดอย่างเดียวคือการสนองตอบความสามารถในตัวผม ผมเองคิดว่าผมทำอะไรได้มากกว่านั้น ความสามารถผมมากกว่านั้น จึงตัดสินใจลาออกมาทำกิจการเล็กๆที่ใช้ความสามารถตัวเองได้เต็มที่ และคิดได้เต็มที่ ฝันได้เต็มที่ เจ็บได้เต็มที่ มันน่าสนุกถ้าผมจะทำอะไรที่อยากทำในขณะที่ยังจะพอทำอะไรได้อยู่

และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของผม การประกอบกิจการส่วนตัวนั้นจำเป็นต้องลงแรงทุกอย่างที่มี ทักษะที่เคยสั่งสมมาแต่ไม่เคยคิดจะใช้ทำมาหากิน นั่นคือทักษะการทำเว็บไซต์ แต่ก่อนไม่เคยคิดจะทำเว็บไซต์เพราะยุ่งยาก แต่ทุกวันนี้ก็ต้องมานั่งทำเพราะความจำเป็นและก็กลับชอบขึ้นมาอีกด้วย และการเขียนบล็อกก็ก้าวเข้ามา ณ จุดนั้น ในจุดที่ผมจำเป็นต้องเขียนบทความเผื่อโปรโมตเกี่ยวกับกิจการของผมให้คนอื่นได้รับทราบ

และจากการพิมพ์บล็อก (เขียนบล็อก) เพื่อการโฆษณา ปัจจุบันมันกลายเป็นงานอดิเรกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ผมกลับสนุกที่ได้บันทึก ได้เรียบเรียง ได้ถ่ายทอดเรื่องราวที่ผมได้รับมา ผมรู้สึกดีเมื่อรู้ว่าตัวเองได้พัฒนาทักษะการพิมพ์ได้ดีขึ้น จากความเห็นบางส่วนของผู้ที่มาตอบ สำหรับตอนนี้ผมก็คงจะเล่าไปถึงแค่ทำไมมันถึงกลายมาเป็นกิจกรรมยามว่างของผมได้ และคิดว่าคงจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับประโยชน์ วิธีการ เกี่ยวกับบล็อกเพิ่มขึ้นด้วยครับ เผื่อว่าจะมีคนสนใจแบบผมบ้าง

สวัสดี

ฝันว่าจุ๊บกลับมาบ้าน

เป็นฝันของเมื่อคืน ซึ่งเป็นวันที่อ่อนเพลียมาก เนื่องจากเพิ่งกลับมาจากวันรับน้อง ที่มหาวิทยาลัย ผมซึ่งอยู่ในบทบาทของรุ่นพี่ มีภาระหน้าที่ก็ไม่มากเท่าไหร่แค่ถ่ายรูปให้เยอะๆ

ผมกลับมาถึง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตรฺ์ ประมาณ 4 โมงเย็น ด้วยสภาพอ่อนเพลียเต็มที และเมื่อกลับมาถึงบ้านก็อาบน้ำนอนตั้งแต่เย็นเลย ความฝันค่อยๆ เริ่มขึ้นอย่างช้าๆในค่ำคืนอันยาวนอนที่แสนจะเหนื่อยล้าของผม

มีฝันมากมายในคืนนี้ ฝันบ้าบอ ฝันไร้สาระ หาเหตุผลไม่ได้ก็มีเยอะแยะ แต่ในจำนวนฝันมากมายหลายหลากเหล่านั้น ที่ทำให้ผมต้องนึกถึงเมื่อตื่นขึ้นมา…

ผมฝันว่าจุ๊บกลับมาบ้าน…

ผมฝันว่าจุ๊บเดินกลับมาที่บ้าอย่างปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จุ๊บในฝันนั้นยังเหมือนเดิมทุกอย่าง ผมอุ้มมันและทักทายมันว่ากลับมาแล้วหรอ แน่นอนนี่คือฝันตอนสั้นๆ เนื้่อหาเท่าที่จำได้มีเท่านี้ แต่มันทำให้ผมที่ตื่นมามีความรู้สึกสับสนนิดหน่อย และทำให้ยังคาดหวังว่ามันจะกลับมา

ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นแค่ฝันในวันเหนื่อยๆเท่านั้นเองครับ อาจจะเพราะทริปที่ไปรับน้องไปเจอแมวเยอะก็ได้ ไปวัดก็เจอแมว ไปโรงแรมก็เจอแมว ร้านอาหารก็เจอแมว มีแมวเต็มไปหมดเลยเก็บเอามาฝันละนะ…

สวัสดี

จุ๊บนอนหลังบ้าน

ช่วงนี้จุ๊บมักจะมานอนที่หลังบ้าน ถ้าบอกว่าหลังบ้านก็คงจะไม่แปลกที่ไหร่ แต่นี่เป็นตำแหน่งของหลังประตู ถ้าเราเปิดประตูแบบกว้างสุดๆก็จะไปชนแมวที่นอนอยู่ แล้วทำไมมันยังนอนอยู่อีก?..

จุ๊บ-จุ๊บนอนขดหลังบ้าน

จากมุมขวาล่างจะเห็นขอบบานประตูที่ถ้าเปิดกว้างอีกนิดก็จะชนจุ๊บ จริงๆแล้วก็เปิดไปชนมันบ่อยๆเหมือนกัน แต่มันก็ไม่เคยเปลี่ยนที่ไปไหน ก็ยังนอนมุมนี้เหมือนเดิม

ดูจากรูปนี้แล้ว ดูๆไปก็เหมือนแมวท้่องยังไงก็ไม่รู้ เพราะหัวเล็กแต่พุงโต ถ้าใครไม่รู้ก็คงคิดว่าจุ๊บกำลังท้องอยู่ แต่ที่จริงเป็นเป็นแค่แมวตัวผู้แก่ๆที่ลงพุง…

วันก่อนผมฝันว่าแมวที่บ้านจับหนูได้สี่ตัว สองตัวเอามาวางไว้ให้ผม อีกตัวหนึ่งวางไว้หน้าบ้าน อีกตัวหนึ่งมันกินเอง รวมแล้วก็เป็นหนูสี่ตัวพอดี คงจะกินมากไปนอนมากไปเลยฝันประหลาดๆ อาจจะเพราะคิดว่าจุ๊บมันพุงโตเพราะไปกินหนูมาแน่ๆก็เป็นได้ เลยเก็บเอาไปฝันแบบนั้น

เวลาที่จุ๊บล่าหนูมาได้ก็จะเอามาวางไว้หน้าบ้านเป็นประจำ วิลลี่แม่งของมันก็มีนิสัยเช่นนั้น ชอบล่ามาให้แล้วเอามาให้ดู แต่วิลลี่โหดกว่านั้น ชอบเอามาแบบหนูไม่เป็นหนู เป็นซากเนื้อตัวอะไรก็ไม่รู้ ที่รู้ว่าเป็นหนูเพราะเห็นขาบ้าง หางบ้างแต่ส่วนอื่นกระจายอย่างสวยงาม และคนที่เก็บซากหนูชำแหละคือผมเอง…

ตอนนี้ก็มีหนูอยู่ในบ้าน แต่เอาจุ๊บเข้ามาในบ้านทีไรมันก็เอาแต่นอน ไม่รู้ว่ามันรู้รึเปล่าว่ามีหนูอยู่ในบ้าน ยังไงผมก็ยังคาดหวังว่ามันจะจับหนูทุกครั้งเมื่อมันอยู่ในบ้าน

สวัสดี