เรื่องเล่าจากเช้าที่ท่าพระจันทร์

เป็นเรื่องเล่าจากเช้าเมื่อวาน เป็นเช้าที่ไม่เหมือนเช้าอื่น เพราะเช้านี้ผมไม่ได้อยู่ที่บ้าน แต่อยู่ที่ท่าพระจันทร์…

เริ่มต้นจากหลายวันก่อนผมได้ลงสมัครสัมมนา กับรายการเถ้าแก่ ในตอนที่เกี่ยวกับการทำธุรกิจออนไลน์ งานจะจัดเมื่อเวลา 9.30 วันพฤหัส และเนื่องจากที่มันเป็นวันธรรมดาเวลาเช้า สำหรับผมแล้วซึ่งไม่ได้ออกไปไหนเวลานี้ทำให้ต้องมีการเตรียมตัวกันไม่น้อยทีเดียว

เริ่มจากการตื่นเช้าไปจอดรถที่หมอชิต ตื่นเช้าไปจอดของผมนี่ต้อง ตี 5 เลย เพราะอยากได้ที่จอดใกล้ๆ และที่จอดแบบไม่มีรถมาจอดขวาง เวลาจะออก สัมมนาวันนี้เลิก 5 โมงแต่ผมก็คงจะต้องเลิกก่อนเพื่อเดินทางกลับไปเรียน ดังนั้นที่จอดที่ออกง่ายและสะดวกน่าจะเหมาะสมที่สุดเพราะเวลา ที่ผมคิดว่าจะกลับมาุถึงหมอชิตน่าจะสี่โมงครึ่ง ที่จอดน่าจะยังเต็มอยู่ ก็เลยจอดใกล้ๆทางออกนั่นแหละ มาเช้าเลือกจอดที่ไหนก็ได้ มันง่ายดี

หลังจากจอดรถก็ขึ้นรถเมล์ไปธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ เพราะว่าเขาจัดสัมมนากันในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั่นเอง เมื่อมาถึงก็มาเช้าก่อนเวลาไปมากสักหน่อย แต่คิดเอาไว้แล้วก็เลยหอบงานมานั่งทำรอสัมมนาด้วย แต่ตอนนี้ก็เวลาเช้าเหลือเกิน เพิ่งจะ 7 โมง สัมมนาเริ่มตอน 9.30 เลยไปเดินหาอะไรกินก่อน

หลังจากเดินไปมาแถวท่าพระจันทร์ ดูว่ามีอะไรให้เลือกกินบ้าง ก็ตัดสินใจกินโจ๊กหน้าท่าพระัจันทร์เลย ซึ่งโจ๊กร้านนี้ มีแม่เป็นคนทำและลูกชายลูกสาวอยู่ช่วย ผมเดินไปสั่งโจ๊กใส่ทุกอย่าง+ไข่ด้วย เพื่อเป็นอาหารในเช้าวันนี้ ซึ่งหลังจากนั่งก็มีลูกสาวร้านโจ๊ก วัยดูๆแล้วก็น่าจะประมาณ 4-6 ขวบเดินมาถามว่ารับน้ำอะไร

เด็กน้่อยพูดด้วยเสียงใสๆ แววตาเหมือนบอกว่าให้สั่งน้ำเถอะๆ ผมก็เลยสั่งน้ำเปล่าไปขวดหนึ่ง ตอนแรกบอกเด็กว่าเอาแค่แก้วเปล่าไม่ใส่น้ำแข็ง แต่เด็กน้อยทำหน้างงเหมือนผิดบท ก็เลยให้ใส่น้ำแข็งเหมือนเคยๆไป ไม่นานนักโจ๊กก็มาเสริฟและเ็ด็กสาวก็เดินเอาแก้วใส่น้ำแข็ง และน้ำเปล่ามาให้หนึ่งขวดพร้อมส่งยิ้มบอกว่า “น้ำค่ะ”

เป็นบริการยามเช้าที่ดูสดใสจริงๆ เช้าๆตื่นมาทุกคนก็คงอยากเห็นอะไรดีๆแจ่มใส ไม่หม่นหมอง และสิ่งที่ผมเจอก็เป็นความรู้สึกที่สดใสทีเดียว

หลังจากกินเสร็จจ่ายเงินแล้วก็เดินไปหาอะไรกินต่อ จริงๆก็มองก่อนจะมากินโจ๊กแล้วนั่นคือน้ำเต้าหู้ ปัญหาคือน้ำเต้าหู้เนี่ยพอคิดไปแล้วซื้อมาจะกินยังไงละ ถือถุงเดินดูดกินหรอ หรือว่าต้องไปหาแก้วมากิน ที่นั่งก็ไม่มี มองๆไปก็เหลือบไปเห็น “ใส่แก้ว 8 บาท” ครับ ร้านที่ผมสนใจและเดินเข้าไปซื้อมีแก้วด้วย เป็นแก้วกระดาษใส่น้ำเต้าหู้ให้ลูกค้าที่ไม่ค่อยสะดวกแต่อยากกินได้กินน้ำเต้าหู้ นี่คือสิ่งที่ผมประทับใจว่าทำไมเรื่องง่ายๆเราต้องทำให้ยากด้วย อยากกินแต่ไม่สะดวกก็แค่มีแก้ว ปกติผมซื้อน้ำเต้าหู้สมัยก่อนๆก็จะมีแต่ใส่ถุง พอมาเจอใส่แก้วนี่รู้สึกดีอย่างประหลาด

เพราะวันนี้นอกจากดูรีบๆยุ่งๆแล้ว ยังจะไม่สะดวกอีกต่างหาก การซื้อน้ำเต้าหู้ใส่แก้วกินเลยดูเป็นเรื่องธรรมดาที่มาแก้ปัญหาในเรื่องธรรมดาของคนอยากกินน้ำเต้าหู้แต่ไม่มีปัญญานั่นเอง

หลังจากนั้นก็เดินเข้าธรรมศาสตร์ไปหามุมสงบๆ เย็นๆ หน่อย นั่งทำงานต่อรอจนถึงเวลาสัมมนารอบเช้าของวันนี้…

สวัสดี