มีลูก สุขแว๊บเดียว ทุกข์แสนนาน

ช่วงนี้ค่อนข้างจะเห็นข่าวว่าเพื่อน ๆ มีลูกกันเยอะ เวลาเขาประกาศก็จะมีคนไปยินดี ดีใจกับเขาด้วย ถ้ามองกลับไปสมัยก่อนเราก็คงจะเป็นแบบนั้นนั่นแหละ

แต่เดี๋ยวนี้มันทำใจตามเขาไม่ได้นะ มันไม่เห็นสุขในนั้นเลย เห็นทุกข์แท้ ๆ ทุกข์เน้น ๆ ทุกข์นาน ๆ จะให้ยินดีก็ยินดีไม่ออกหรอก เพราะมันสงสารเขา ที่เขาหลงในสุขลวง หลงในลาภลวง เข้าใจว่าสิ่งที่ได้เป็นคุณค่าที่ควรได้

ถ้ามีลูกคนหนึ่งนะ ทุกข์อย่างน้อย ๆ แบบกลม ๆ ก็ยี่สิบปี กว่าจะเลี้ยง กว่าจะโต ซึ่งจริง ๆ ก็ทุกข์ตลอดไปนั่นแหละ เขาอยู่ก็เป็นทุกข์ เขาตายก็ทุกข์ เขาตายไปแล้วก็ยังทำทุกข์ทับถมตนได้อีก

กิเลสมันลวงเก่งมากเลยนะ พอมันเป็นของฉัน ลูกของฉันนี่มันหลงเลย ถ้าอยากเลี้ยงเด็กจริง ๆ อยากสร้างคนดี ก็มีเด็กด้อยโอกาสในโลกอีกตั้งเยอะแยะให้เลี้ยง จะกี่คนก็เลี้ยงไป ทุกข์เหมือนกัน แต่น้อยกว่ามีของตัวเอง เพราะมีเองนี่มันจะใส่อัตตาไปผสมเสียเยอะ ลูกของฉัน เลือดเนื้อของฉัน ใส่ความเชื่อไปว่าเขาจะดีอย่างนั้นอย่างนั้น ตามที่ฉันมี ฉันเป็น ฉันสร้าง … คนเราก็เชื่อมั่น มั่นใจในตัวเองไปตามฤทธิ์ของกิเลสนั่นแหละ

จะร่ายทุกข์ เหตุแห่งทุกข์กันก็คงจะยาวหลายหน้า เอาตามประเด็นที่ยกมา คือได้สุขสมใจแว็บเดียว สุขก็สุขตอนที่ตนได้ตามที่ตนยึดมั่นถือมั่นไว้ มันก็ได้บ้าง แต่ทุกข์นี่นาน เรียกว่ายี่สิบปียังน้อย เพราะจริง ๆ มันหลายภพหลายชาติ พอเข้าไปยึดแล้วไม่คลายยาก ดีไม่ดีตาบอดยิ่งกว่าหลงสามีภรรยาอีก ลูกนี่ทั้งดื้อทั้งเกเร ก็ยังรักยังหลง นี่ถ้าเป็นเด็กคนอื่นทำก็คงด่าไปแล้ว แต่พอเป็นลูกตัวเองนี่มือไม้อ่อน กิเลสนี่มันมีอำนาจจริง ๆ

แล้วยิ่งถ้ามาศึกษาธรรมแล้วไปมีลูกนะ เกือบจะเรียกว่าจบกันได้เลย เพราะต้องเอาเวลาส่วนใหญ่ไปดูแลลูกและครอบครัว ลำพังดูแลคู่ครองก็ต้องเสียเวลามากอยู่แล้ว ยังต้องเอาเวลาไปดูแลลูกอีก ยิ่งห่างกลุ่มนานก็ยิ่งจมลงไปเรื่อย ๆ ครอบครัวส่วนมากเขาก็พากันเสพตามกิเลสว่านั่นแหละ เขาไม่พาลด ละ เลิกกันหรอก ชีวิตคู่ครอบครัว นี่มีแต่แสวงหาอบายมุข กาม โลกธรรม อัตตามาเสพกัน

คนนี่ติดสมมุติ แล้วก็ยึด เล่นพ่อแม่ลูกแล้วก็ยึดบทบาทไว้ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะคลาย เห็นมาเยอะเหมือนกันนักปฏิบัติธรรมที่เขามีคู่ครองมีลูก เราคบคุ้นกับเขาไปจะเห็นความขาด ๆ เกิน ๆ ของเขาที่มีต่อครอบครัว แล้วใช่ว่าเราจะไปทักเขาได้ง่าย เขาก็เห็นว่าเราเป็นคนโสด เขาก็ไม่ได้สนใจความเห็นของเรา

แต่ที่เราโสด ไม่มีเมีย ไม่มีลูกน่ะ เพราะเรารู้โทษชั่วของมันไง รู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้นี่แหละ ลากกันไป สอนก็ยาก จะไปทำดีก็ทำไม่ได้เต็มที่ ดีไม่ดีดึงเราไปลงนรกด้วยกันกับเขาอีก

ใครยังโสดอยู่ก็รักษาความโสดกันไปนะครับ ใครที่มีคู่ก็อย่าไปมีเลยลูกเนี่ย ประชากรโลกสมัยนี้ก็เยอะพออยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่ต้องเพิ่ม คงจะขาดแต่คนเสียสละนี่แหละ ที่น้อยเหลือเกิน เพราะเขาเอาเวลาไปบำเรอลูกเมียกันหมดรึเปล่านะ?

เสียสละก็เป็นเรื่อง ๆ ไป อย่างเรื่องคู่นี่เราเสียสละคู่เรา เราปล่อยเลย คืนให้โลกเขาไป ใครจะเอาก็เอาไป แต่เราสละสิทธิ์ในการมีคู่ ก็จะเหลือผู้หญิงโสดในโควต้าของเราอย่างน้อย 1 คน ให้คนอื่นได้นำไปพิจารณาต่อ

ส่วนสละลูกนี่ก็แบบว่า … ผมเห็นส่วนมากเขารักลูกมากกว่าคู่ครองกันอีกนะ ดังนั้นเอาไว้ก่อนแล้วกัน น่าจะยากไป

man desire challenge | single mom

การท้าทายของกิเลสชาย

หนึ่งในภารกิจท้าทายของชายผู้อุดมไปด้วยกิเลสก็คือ การเอาชนะใจผู้หญิงนี่แหละ ถ้าเขาไม่มักมากในกาม ไม่หลงตัวหลงตน เขาจะไม่มีวันเอาชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งมาผูกไว้หรอก

โดยหลักการก็ไม่ซับซ้อน คือการเอาชนะกายชนะใจ ทำให้ผู้หญิงยอมให้ตนแบบสุด ๆ โดยสรุปคือใช้ผู้หญิงเป็นสิ่งบำเรอกิเลสตน ส่วนกิเลสนั้นจะไปถึงขั้นไหนก็แล้วแต่เขา

จะยกตัวอย่างกันที่เห็นภาพได้ชัดคือ การเอาชนะโดยการทำให้ผู้หญิงยอมมีลูกให้ เหมือนเขาได้ไปปักธงชัยที่ยอดเขาที่หมายมั่นไว้ เมื่อปักแล้วก็หมดค่าที่จะขึ้นไปอีก ผู้ชายหลายคนก็เป็นเช่นนี้ เมื่อทำให้เธอยอมถึงขนาดมีลูกให้ ก็หมดความสนใจ เพราะเป้าหมายที่เคยท้าทาย เขาได้เอาชนะไปหมดแล้ว พอชนะไปหมด เขาก็ไปหาสิ่งท้าทายใหม่ ที่เขาเข้าใจว่าจะมาสร้างคุณค่าให้ตัวเขา (สนองอัตตา) เช่น ไปมีกิ๊ก มีชู้ มีเมียน้อย มีเมียใหม่ ฯลฯ

ผลที่ได้คือ ได้แม่เลี้ยงเดี่ยว ( single mom ) ที่ร่างกายและจิตใจบาดเจ็บมา ก็มีทางเลือกสองทางคือจะเดินออกมาอย่างแข็งแกร่งหรืออยู่ต่อไปเพื่อแลกผลประโยชน์

ในกรณีเดินออกมาเลี้ยงเดี่ยวก็ไม่มีอะไรมาก ก็ใช้ชีวิตกันไปตามประสาแม่ลูก

แต่ในกรณียังอยู่ในสภาพครอบครัวเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง ความท้าทายของชายจะยังคงดำเนินต่อไป คือ ฉันทำชั่วขนาดนี้ เธอก็ยังคงต้องยอมฉันอยู่ดีนั่นแหละ ขาดฉันไปเธอก็อยู่ไม่ได้หรอก ฯลฯ นี่คือการเสพอำนาจ แม้ทำชั่ว นอกใจนอกกาย ก็ยังมีอำนาจ มีความสามารถในการควบคุม บงการชีวิต ทุกข์ สุข ของผู้อื่นได้อยู่ ฯลฯ

…จะขอให้ความเห็นส่วนตัวในกรณีแม่เลี้ยงเดี่ยว ว่า การไม่มีสามีมาทำหน้าที่พ่อของลูกนั้น ไม่ได้มีผลเสียต่อสติปัญญา พัฒนาการ นิสัย หรือความดีของลูก …คนเรามีกรรมเป็นของของตน คนจะดี เกิดมาไม่มีพ่อมีแม่ก็ดีได้ ส่วนคนไม่ดี ถึงจะมีพ่อแม่ครบพร้อม สอนเช้าสอนเย็น ก็เลวได้

ความท้าทายของชายยังมีลีลาที่หลากหลายอีกมากมายตามมิติของกิเลสของเขาและความจัดจ้านในกามโลกีย์ในปัจจุบันสังเคราะห์กัน

หนึ่งในความท้าทายที่ชั่วเป็นอันดับต้น ๆ ก็คือการหลอกให้ผู้หญิงหลงในตัวเขา ให้พึ่งพาเขา ให้เชื่อมั่นในเขา ให้รักเขาตลอดไป หรือที่เรียกกันว่ารักแท้ รักนิรันดร์ นั่นแหละ ชั่วร้ายลึกจริง ๆ แม้ว่าเขาเปรียบกันว่า “ความรักทำให้คนตาบอด” ผมว่ามันยังไม่พอ เพราะความรักนี่มันทำให้ยิ่งกว่าตาบอด ตาบอดมองไม่เห็นมันก็ยังทำอะไรไม่ได้มาก แต่ความรักนี่มันทำให้ตาเข ตาเพี้ยน ทำให้หลงว่าตาตัวเองชัด ทั้งที่มันบิดเบี้ยวไปหมดแล้ว ดังประโยคที่ว่า “เห็นกงจักรเป็นดอกบัว”

ถ้าผมไม่ได้เป็นโสด

สมัยยังหลง ยังเฉโกอยู่ มันก็เคยหาเหตุจะไปมีคู่เหมือนกัน กิเลสผมมันก็ฉลาดใช่ย่อย แต่ดีที่เราคบบัณฑิต เราเลยรอดมาได้

ผมเคยคิดนะว่า ชีวิตเรามีคู่ไปก็ปฏิบัติธรรมได้ ช่วยเผยแพร่ธรรมได้ แต่ความจริงที่ได้มันจะไม่เป็นแบบนั้นหรอก

นี่ถ้าทุกวันนี้ผมไม่ได้อยู่เป็นโสดนะ ผมไม่มีเวลามานั่งพิมพ์แบบนี้หรอก ก็ต้องเอาเวลาไปบำรุงบำเรอคู่ เอาสมองไปคิดเรื่องคู่ ดีไม่ดีมีลูก ต้องคิดเรื่องครอบครัวอีก ไม่ใช่แค่คิดนะ ต้องทำด้วย เวลาที่เรามีอิสระในการทำประโยชน์อื่น ๆ มันจะเสียไปหมดเลย มันจะไปเทลงที่คนไม่กี่คนนั่นแหละ แทนที่จะทำประโยชน์ได้เยอะ ๆ มันก็ได้แค่นิดเดียว เพราะชีวิตมันจะลำเอียง เทไปด้านที่ตนหลงชอบ

แล้วผมก็จะเสื่อมไปเรื่อย ๆ ในเวลาเดียวกัน เนื่องจากผมฟังธรรมจากครูบาอาจารย์แล้ว ท่านก็บอกแล้วว่าอย่าไปมี ไม่มีประโยชน์กับความเจริญเลย ทีนี้ถ้าเราจะฝืนไปทิศตรงข้ามนี่มันนรกเลย มันเข้าใกล้ขีดอนันตริยกรรมได้เลย (อัญญสัตถารุทเทส) คือได้ฟังธรรมที่ถูกแล้ว ได้เจอหมู่คนดีที่ถูกแล้ว เรายังหลีกยังหนีออกไปมีคู่ ไปสู่อธรรม มันจะเสื่อมไปเรื่อย ๆ จะเริ่มตกต่ำ ห่างธรรม ธรรมที่เคยมีก็เสื่อมถอย เวียนกลับ ธรรมที่มีก็จะเริ่มบิดเบี้ยว ฯลฯ สุดท้ายก็ต้องทนทุกข์รับวิบากกรรมไป

เพราะมีคู่มีครอบครัว ก็ใช่ว่าเขาจะปล่อยมาทำดีง่าย ๆ อย่างน้อย ๆ ก็ต้องเสียเวลาดูแลเขา ต้องทำหน้าที่ ต้องรับผิดชอบ ถามว่าทำแล้วดีไหม มันก็ดี เป็นสิ่งดี เป็นมงคล แต่ถ้าไม่ต้องทำมันก็ดีกว่า มันมีดีอย่างอื่นที่ดีกว่าเอาเวลาไปดูแลลูกเมียอีกเยอะ

แล้วกิจกรรมกับหมู่กลุ่มคนดีนี่อย่าไปหวัง ต้องเก็บวันหยุดยาวไปเที่ยวกับครอบครัว ถ้าไม่พาไป เขาก็โกรธ ไม่พอใจอีก แถมค่าใช้จ่ายบานเบอะ เขาไม่ได้ทนลำบากกันได้สักเท่าไหร่หรอก รถนี่ต้องมี แถมบางทีก็ต้องขึ้นเครื่องบิน ยิ่งถ้าร้องจะไปเมืองนอกนี่ยิ่งซวยเข้าไปใหญ่

เอาแล้วไง จะมานั่งพิมพ์บทความได้ที่ไหนล่ะ มันต้องเอาเวลาไปหาเงิน เลี้ยงลูก เลี้ยงเมีย บำเรอให้เขาอิ่มกัน อิ่มวันนี้พรุ่งนี้หิวอีก ก็ต้องทำงานกันไป ทุกข์ก็ต้องทนทำ เบื่อก็ต้องทนทำ เวลาฟังธรรมหรออย่าหวังมาก แค่ต้องมาฟังปัญหาร้อยแปดภายในครอบครัวก็หมดเวลาแล้ว ไหนจะพ่อแม่พี่น้อง ไหนจะญาติมิตรเพื่อนสหาย ปัญหาเยอะไปหมด

ถ้าผมไปมีคู่นะ มีชีวิตอยู่ก็เหมือนตายไปแล้ว มันพลาดตั้งแต่เราเบือนหน้าหนีธรรมอาจารย์นั่นแหละ ท่านสอนทางพ้นทุกข์ เราไม่ทำตามมันก็ไปทางทุกข์เท่านั้นเอง แล้วจะหวังอะไรกับทางทุกข์ มันคนละทางกับทางพ้นทุกข์ มันยิ่งไปมันยิ่งทุกข์ มันไม่พ้นอยู่แล้ว นั่นหมายถึงผมก็มีโอกาสจะเสียชาตินี้ไปอีกชาติ ถึงจะเก่งก็เก่งขึ้นไม่ได้มากกว่าภาวะคนคู่ เพราะชาตินี้มันสอบตก มันล้างไม่ทัน จะไปเบื่อตอนแก่มันก็ไม่ทัน ผัสสะมันไม่เหมือนเดิม เหตุปัจจัยมันหมดแล้ว มันมีจังหวะเดียวให้ชีวิตผลิกก็แค่ตอนจะตัดสินใจมีหรือไม่มีนั่นแหละ

ส่วนจะหวังบรรลุหรือหลุดพ้นเพราะคบกันนี่ผมบอกเลยว่า ยากกกกกกกก… เพราะกว่าจะถึงเวลานั้น คุณร่วมกันทำบาป ทำตามกิเลสกันมาเท่าไหร่ ทุ่มเทบำเรอกาม บำรุงอัตตากันมาเท่าไหร่ มันมีผลนะ มันบันทึกเป็นกรรมไม่พอ มันยังฝังเป็นอุปาทานด้วย ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วเป็นไปไม่ได้ จะมีเฉพาะบางกรณีพิเศษเท่านั้น ซึ่งก็อย่าไปหวังเลยว่าเราจะเป็นกรณีพ้นได้แบบง่าย ๆ

ขอให้ยินดีในความโสดเถอะครับ อย่างน้อยมันก็ยังทำให้เราได้มีเวลาแบ่งปันศึกษาเรียนรู้ร่วมกัน