ถ้าผมไม่ได้เป็นโสด

สมัยยังหลง ยังเฉโกอยู่ มันก็เคยหาเหตุจะไปมีคู่เหมือนกัน กิเลสผมมันก็ฉลาดใช่ย่อย แต่ดีที่เราคบบัณฑิต เราเลยรอดมาได้

ผมเคยคิดนะว่า ชีวิตเรามีคู่ไปก็ปฏิบัติธรรมได้ ช่วยเผยแพร่ธรรมได้ แต่ความจริงที่ได้มันจะไม่เป็นแบบนั้นหรอก

นี่ถ้าทุกวันนี้ผมไม่ได้อยู่เป็นโสดนะ ผมไม่มีเวลามานั่งพิมพ์แบบนี้หรอก ก็ต้องเอาเวลาไปบำรุงบำเรอคู่ เอาสมองไปคิดเรื่องคู่ ดีไม่ดีมีลูก ต้องคิดเรื่องครอบครัวอีก ไม่ใช่แค่คิดนะ ต้องทำด้วย เวลาที่เรามีอิสระในการทำประโยชน์อื่น ๆ มันจะเสียไปหมดเลย มันจะไปเทลงที่คนไม่กี่คนนั่นแหละ แทนที่จะทำประโยชน์ได้เยอะ ๆ มันก็ได้แค่นิดเดียว เพราะชีวิตมันจะลำเอียง เทไปด้านที่ตนหลงชอบ

แล้วผมก็จะเสื่อมไปเรื่อย ๆ ในเวลาเดียวกัน เนื่องจากผมฟังธรรมจากครูบาอาจารย์แล้ว ท่านก็บอกแล้วว่าอย่าไปมี ไม่มีประโยชน์กับความเจริญเลย ทีนี้ถ้าเราจะฝืนไปทิศตรงข้ามนี่มันนรกเลย มันเข้าใกล้ขีดอนันตริยกรรมได้เลย (อัญญสัตถารุทเทส) คือได้ฟังธรรมที่ถูกแล้ว ได้เจอหมู่คนดีที่ถูกแล้ว เรายังหลีกยังหนีออกไปมีคู่ ไปสู่อธรรม มันจะเสื่อมไปเรื่อย ๆ จะเริ่มตกต่ำ ห่างธรรม ธรรมที่เคยมีก็เสื่อมถอย เวียนกลับ ธรรมที่มีก็จะเริ่มบิดเบี้ยว ฯลฯ สุดท้ายก็ต้องทนทุกข์รับวิบากกรรมไป

เพราะมีคู่มีครอบครัว ก็ใช่ว่าเขาจะปล่อยมาทำดีง่าย ๆ อย่างน้อย ๆ ก็ต้องเสียเวลาดูแลเขา ต้องทำหน้าที่ ต้องรับผิดชอบ ถามว่าทำแล้วดีไหม มันก็ดี เป็นสิ่งดี เป็นมงคล แต่ถ้าไม่ต้องทำมันก็ดีกว่า มันมีดีอย่างอื่นที่ดีกว่าเอาเวลาไปดูแลลูกเมียอีกเยอะ

แล้วกิจกรรมกับหมู่กลุ่มคนดีนี่อย่าไปหวัง ต้องเก็บวันหยุดยาวไปเที่ยวกับครอบครัว ถ้าไม่พาไป เขาก็โกรธ ไม่พอใจอีก แถมค่าใช้จ่ายบานเบอะ เขาไม่ได้ทนลำบากกันได้สักเท่าไหร่หรอก รถนี่ต้องมี แถมบางทีก็ต้องขึ้นเครื่องบิน ยิ่งถ้าร้องจะไปเมืองนอกนี่ยิ่งซวยเข้าไปใหญ่

เอาแล้วไง จะมานั่งพิมพ์บทความได้ที่ไหนล่ะ มันต้องเอาเวลาไปหาเงิน เลี้ยงลูก เลี้ยงเมีย บำเรอให้เขาอิ่มกัน อิ่มวันนี้พรุ่งนี้หิวอีก ก็ต้องทำงานกันไป ทุกข์ก็ต้องทนทำ เบื่อก็ต้องทนทำ เวลาฟังธรรมหรออย่าหวังมาก แค่ต้องมาฟังปัญหาร้อยแปดภายในครอบครัวก็หมดเวลาแล้ว ไหนจะพ่อแม่พี่น้อง ไหนจะญาติมิตรเพื่อนสหาย ปัญหาเยอะไปหมด

ถ้าผมไปมีคู่นะ มีชีวิตอยู่ก็เหมือนตายไปแล้ว มันพลาดตั้งแต่เราเบือนหน้าหนีธรรมอาจารย์นั่นแหละ ท่านสอนทางพ้นทุกข์ เราไม่ทำตามมันก็ไปทางทุกข์เท่านั้นเอง แล้วจะหวังอะไรกับทางทุกข์ มันคนละทางกับทางพ้นทุกข์ มันยิ่งไปมันยิ่งทุกข์ มันไม่พ้นอยู่แล้ว นั่นหมายถึงผมก็มีโอกาสจะเสียชาตินี้ไปอีกชาติ ถึงจะเก่งก็เก่งขึ้นไม่ได้มากกว่าภาวะคนคู่ เพราะชาตินี้มันสอบตก มันล้างไม่ทัน จะไปเบื่อตอนแก่มันก็ไม่ทัน ผัสสะมันไม่เหมือนเดิม เหตุปัจจัยมันหมดแล้ว มันมีจังหวะเดียวให้ชีวิตผลิกก็แค่ตอนจะตัดสินใจมีหรือไม่มีนั่นแหละ

ส่วนจะหวังบรรลุหรือหลุดพ้นเพราะคบกันนี่ผมบอกเลยว่า ยากกกกกกกก… เพราะกว่าจะถึงเวลานั้น คุณร่วมกันทำบาป ทำตามกิเลสกันมาเท่าไหร่ ทุ่มเทบำเรอกาม บำรุงอัตตากันมาเท่าไหร่ มันมีผลนะ มันบันทึกเป็นกรรมไม่พอ มันยังฝังเป็นอุปาทานด้วย ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วเป็นไปไม่ได้ จะมีเฉพาะบางกรณีพิเศษเท่านั้น ซึ่งก็อย่าไปหวังเลยว่าเราจะเป็นกรณีพ้นได้แบบง่าย ๆ

ขอให้ยินดีในความโสดเถอะครับ อย่างน้อยมันก็ยังทำให้เราได้มีเวลาแบ่งปันศึกษาเรียนรู้ร่วมกัน

ความรัก ความหลง แต่งงาน ชีวิตคู่

ความรัก ความหลง แต่งงาน ชีวิตคู่

ตอนแรกก็ว่าจะหยุดเขียนเรื่อง “ความรัก” ไว้ที่บทความ “โสดอย่างเป็นสุข” แล้วว่าจะพักเรื่องรักๆสักพักหนึ่ง

ไปๆมาๆไม่นานเหมือนมีอะไรมาดลใจให้เขียนอีก คงเพราะนึกถึงมุมของคนที่หนีไม่ได้ โดนเต็มๆ หรือกระทั่งหลงไปแต่งงาน

หนี “ความรัก” เนี่ย จริงๆก็คงไม่มีใครหนีกันหรอกนะ มีแต่คนต้อนรับหรือไม่ก็แสวงหา กระทั่งมีชีวิตอยู่เพื่อบูชาความรักก็มีให้เห็นกันมาก(ในละคร) แต่ปัญหาคือมันแยกรักกับหลงไม่ออกนี่แหละ เราก็หลงเขาก็หลงเลยไปกันใหญ่ เมารักกันอยู่นั่นเอง

แต่ก็ไม่เป็นไร เข้าใจจริงๆว่ามันยาก แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าควรจะเขียนเรื่องเหล่านี้สักหน่อย อารมณ์ประมาณว่าพลาดหลงรักไปแล้ว มันรักไปแล้ว หลวมตัวไปแล้ว

จริงๆคนที่หลงรักไปแล้วเขาไม่มาอ่านหรอก เขาเอาเวลาไปเสพสุขดีกว่า เอาเวลาไปคุยกับคนรักดีกว่า อ่านไปก็ขัดใจไป เหมือนคนที่อยากดูหนังแล้วไม่อยากให้ใครมาบอกตอนจบ อยากดูเอง ….ความรักก็เหมือนกัน อยากจะลองเล่นดูเองบ้าง ต้องเล่นเอง รู้เอง เจ็บเองจึงจะซึ้ง แต่ก็เอานะ ใครเบื่อๆหรือไม่อยากเล่นตามบทละครเดิมๆก็…ลองอ่านดู เพราะถึงจะรู้จากคนอื่นหรือลองด้วยตัวเอง ตอนจบมันก็เหมือนๆกันนั่นแหละ

…บทความยาวหน่อย…แต่ก็…ลองตามอ่านกันดูนะ