[3] ถางหญ้า ได้ออกกำลัง ได้หญ้าคลุมดิน

diary-0003-ถางหญ้าได้ออกกำลัง

3. ถางหญ้า ได้ออกกำลัง ได้หญ้าคลุมดิน

หลังจากที่มาได้ไม่กี่วัน งานแรกที่ทำก็คือถางหญ้า เพื่อที่จะปลูกผัก

ในวันวันหนึ่งผมถางหญ้าได้ค่อนข้างเยอะ แต่จะไปเสียเวลากับการเตรียมแปลงผักมากกว่า เพราะต้องทำให้ดี ปลูกทีหนึ่งใช้ไปเป็นเดือน ไม่ก็หลายเดือน

ถางหญ้านี่ใช้เคียว จะไวมาก แต่ต้องระวัง ต้องมีสติ ไม่รีบ ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ ทำไป เพราะถ้าโดนเคียวเกี่ยวทีก็คงจะเย็บกันหลายเข็มและหยุดงานไปอีกหลายวัน

หญ้าที่เกี่ยวมาได้ก็เอาไว้ยัดข้างแปลงผัก ทำเป็นร่องไว้ ตรงกลางเป็นดินพูน ๆ รอบ ๆ ก็เป็นร่องไว้ยัดหญ้า ฟาง ฯลฯ

จากที่ทดสอบมาก็ได้ผลดี คือเป็นอาณาเขตป้องกันหญ้าขึ้น ทั้งยังย่อยเป็นปุ๋ยให้ดินด้วย ที่สำคัญคือได้ใช้หญ้าให้เป็นประโยชน์ไม่มีอะไรเหลือทิ้งเลย

เกี่ยวหญ้านี่เป็นงานที่ทำได้ทั้งวัน ทำได้ไม่หยุด เพราะกินแรงไม่มาก แต่กินเรื่อย ๆ ต้องขยันดื่มน้ำหน่อย เพราะจะเสียน้ำไปโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะตอนทำงานกลางแดด

[2] พัดลมตัวแรก หลังจากผ่านมา 200 กว่าวัน

diary-0002-พัดลมตัวแรก

2. พัดลมตัวแรก หลังจากผ่านมา 200 กว่าวัน

พัดลมอันนี้เป็นพัดลม usb ซึ่งเหมาะกับที่บ้านนี้ใช้ไฟ 12v จากชุดโซล่าเซลล์ (เอามาแปลงเป็น usb ด้วยที่ชาร์จในรถ)

ตอนที่มาพัฒนาที่นี่แรก ๆ ผมเช่าบ้านเขาอยู่กว่าร้อยวัน ก็มีพัดลมให้ใช้ เพราะมีไฟฟ้าตามปกติ แต่พอบ้านที่สวนสร้างเสร็จ ก็ย้ายมาอยู่แบบไม่มีไฟฟ้า ต่อมามีโซล่าเซลล์ก็ยังไม่ได้ซื้อพัดลม

ก็อยู่แบบธรรมชาติมา 200 กว่าวัน ร้อนเย็นกันไปตามธรรมชาติ ก็มีลำบากนิดหน่อยตอนเย็นที่เลิกงานแล้วอาบน้ำเข้าห้อง คือมันมีความร้อนสะสมในร่างกาย อาบน้ำแล้วก็ยังเหงื่อออก พัดลมตัวนี้ก็เข้ามาช่วยตรงนี้ได้บ้าง

พัดลมตัวนี้ก็ไม่ได้ซื้อหรอก พอดีว่าแม่ซื้อมือถือใหม่ แล้วเขาแถมมาในชุดน่ะนะ เลยขอมาใช้

[1] ผ่านไปเกือบสามเดือน หญ้างามเหลือเกิน

diary-0001-ผ่านไปเกือบสามเดือน

1. ผ่านไปเกือบสามเดือน หญ้างามเหลือเกิน

ไม่ได้มาที่บ้านสวน(ที่ยังไม่เป็นสวนสักที) มาเกือบสามเดือน มาถึงก็พบว่า หญ้ารกมาก บางมุมก็สูงเกือบสองเมตร บังแปลงผักที่ทำไว้มิดเลย ก็ค่อยๆ ทำไป ถือว่าได้ปุ๋ยฟรี

เรื่องเก่า ๆ มีเวลาค่อยย้อนไปเขียนแล้วกันนะ เล่ากันตั้งแต่ปัจจุบันนี่แหละ เป็นไงมาไงก็ติดตามกันไป

หนึ่งปีผ่านไป ไวเหมือนโกหก

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหมือนกับว่าช่วงเวลานี้เมื่อปีที่แล้วพึ่งผ่านพ้นไปได้ไม่นาน ไม่เคยคิดเลยว่ากาลเวลาจะผ่านไปเร็วขนาดนี้

วันนี้ไปจ่ายภาษีรถ เป็นกิจกรรมที่ทำปีละครั้ง แต่รู้สึกเหมือนมันพึ่งผ่านมาไม่นาน ทั้งๆที่จริงแล้วมันผ่านมาตั้งหนึ่งปีแล้ว ทำให้เริ่มรู้สึกว่า แต่ละปี แต่ละปีนั้นผ่านไปไวกว่าที่คิด

เมื่อเห็นว่าเวลาผ่านไปไว ก็คิดว่าตัวเองน่าจะเร่งทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้มากขึ้น ลดกิจกรรมที่ไม่เป็นประโยชน์ลง เพราะอีกไม่นานก็คงจะเข้าวัยรุ่นตอนปลาย แล้วก็แก่ แล้วเฒ่า

หนึ่งปีไวขนาดนี้ สิบปีก็คงจะไวเหมือนกัน ไม่แน่ว่าร้อยปีก็อาจจะรู้สึกเช่นนี้ก็ได้ ถ้าอยู่ได้ถึงร้อยปีก็อาจจะเข้าใจก็ได้นะ แต่ตอนนี้เอาปัจจุบันให้เป็นประโยชน์ก่อนแล้วกัน

ย้ายบล็อก ย้ายโฮส

หลังจากใช้โฮสของ monkiezgrove.com เป็นฐานที่มั่นมานาน แต่วันนี้ก็ได้ปล่อยให้ที่เดิมนั้นหมดอายุไป ด้วยเหตุว่าต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย

ด้วยความที่ตอนนี้คิดว่าตนเองนั้นคงเลิกที่จะรับจ้างหรือขายงานออกแบบใดๆแล้ว ก็เลยไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีเว็บไซต์ monkiezgrove อีกต่อไปให้เปลืองค่าใช้จ่ายรายปี จึงได้ย้ายเฉพาะ Duck blog มาที่โดเมนใหม่แห่งนี้คือ duckblog.dinp.org

ซึ่งเนื้อหานั้นจะถูกตัดทอนและลบทิ้งไปมาก เพราะว่า database นั้นใหญ่เกินไปที่จะย้ายมาทั้งหมดได้ จึงได้ตัดสินใจลบเนื้อหาเกี่ยวกับกระบองเพชร บอนสี และเรื่องราวที่ไม่เป็นสาระต่างๆทิ้งไปเพื่อลดขนาดของก้อนข้อมูล เพื่อจะได้ทำการย้ายข้อมูลในส่วนที่สำคัญมาได้

ช่วงนี้ฝนตก

ฝนตกช่วงนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานไม่น้อย เพราะงานในปัจจุบันกลายเป็นงานพัฒนาที่ดิน(ของตัวเองไปซะแล้ว)

ผมไปอยู่ที่ไร่ได้สักพักหนึ่งเพื่อดำเนินงาน เริ่มต้นจากการขุด คนขุดก็หามาแล้ว แบบขุดก็มีแล้ว แต่โอกาสในการขุดยังไม่อำนวยเท่าไหร่ ก็เลยต้องปรับแผนนิดหน่อยหนีฝนต่างถิ่นเพื่อกลับมาเจอฝนที่ กรุงเทพฯ ที่คิดถึง ฝนตกรถติดปนกลิ่นควันรถ ไม่มีที่ไหนมีเอกลักษณ์เหมือนกรุงเทพบ้านเราอีกแล้ว

เมื่อออกไปต่างจังหวัด บรรยากาศเหล่านี้่แทบไม่มีเหลือ มีแต่ความมืด ความเย็น ตามธรรมชาติ เท่านั้นเอง ผมได้ลองอยู่กับธรรมชาติ ณ บ้านเช่า แห่งหนึ่ง อยู่กันเป็นอาทิตย์ นอนแต่ละวันไม่เคยเปิดพัดลมเลยเพราะอากาศหนาวมาก อาจจะเพราะฝนก็เป็นได้

สวัสดี

บะหมี่น้ำ! ลดเนื้อสัตว์ มากินผักกันเถอะ

ช่วงหลังๆมานี่ก็ได้เริ่มลดเนื้อสัตว์ กินผักมากขึ้น เพราะได้รับรู้ประโยชน์หลายอย่างในการเน้นผักเป็นหลักของอาหารในชีวิต

ผมไม่ค่อยอยากใช้คำว่า มังสวิรัติ เท่าไหร่ เพราะมันจะกลายเป็นตัวมัดให้เราไปยึดกับรูปแบบบางอย่างเข้า ขอเรียกว่าการลดเนื้อสัตว์ กินผักแทนแล้วกัน ส่วนใครจะลดได้ในอัตราเท่าไหร่ แบบไหนก็ตามสะดวกเลย ส่วนผมก็ลดเรื่อยๆเท่าที่จะทำได้

กินผักลดเนื้อ-บะหมี่น้ำ

ทีนี้ความยากในการเลิกกินเนื้อสัตว์ แล้วหันมากินผักแทน อาจจะไม่ได้ยากตรงการกิน สำหรับคนในเมืองกรุง มันจะยากตรงการหากินนี่แหละ (ส่วนต่างจังหวัดมีที่ก็ปลูกผักสวนครัวไปนะ)

คนกรุง…

คนกรุง อยู่คู่กับความรีบเร่ง และความวุ่นวายมานาน ไม่ค่อยมีใครให้ความสำคัญกับอาหารเท่าเรากินเข้าไปเท่าตัวเลข หรือรายได้ที่เราจะได้ต่อเดือนต่อปี ซึ่งเขาเหล่านั้นอาจจะไม่เคยคิดเลยว่าผลเสียจากอาหารที่เรากินนั่นแหละจะเป็นตัวทำให้ชีวิตเราติดลบ ขาดโอกาสต่างๆ จากการป่วยและตายนั่นเอง ( การลงทุนในชีวิตจะมองข้ามสุขภาพไม่ได้เพราะเป็นหนึ่งในความเสี่ยง (ที่จะไม่ได้ใช้เงินที่หามา) )

กลับมาที่การหากินอาหารที่ลดเนื้อ เพิ่มผัก ในชีวิตประจำวัน ร้านอาหารต่างๆ ก็มักจะมีเนื้อสัตว์เป็นเมนูหลักเสมอ ส่วนผักมักจะเป็นตัวเสริม เป็นพระรองเสมอ แต่ในเมื่อเราจะดันผักขึ้นมาเป็นพระเอก เราก็ต้องหาทางปั้นหนทางสู่การกินผักกันหน่อย

เริ่มแรกเราอาจจะไม่ชินในการปรับเปลี่ยนเมนู อาจจะเจอภาวะติดใจกับอาหารโปรดเก่าๆ อาจจะคิดไม่ออก แต่ถ้าได้ลองค้นหาข้อมูลดูจะมีวิธีการเลือกกินผักลดเนื้ออย่างมากมาย เรียกได้ว่าใช้ในชีวิตประจำวันได้ถ้าคิดจะเปลี่ยนจริงๆ เพราะคนดังๆมากมายในโลกเขาก็กินผักเป็นหลักกันนะ…

บะหมี่น้ำ…

ตัวอย่างเช่น การเข้าร้านสั่งบะหมี่น้ำของผม แน่นอนว่าแต่ก่อนก็ไม่เคยรู้สึกลำบากขนาดนี้หรอก ต้องมาสั่งอะไรที่มันไม่เคยก็เขินๆอยู่เหมือนกัน พอเดินเข้าร้านบะหมี่ปูก็เข้าไปสั่ง บะหมี่น้ำพิเศษ ไม่ใส่หมู/เนื้อสัตว์ เอาแต่บะหมี่กับผัก แม่ค้าแกก็ดูทำให้อย่างคุ้นเคย สงสัยจะมีคนกินแบบนี้เยอะ

เมื่อเขามาเสริฟ เราก็จะได้บะหมี่ และผักมากมาย (รึเปล่า?) แต่จะใส่อะไร จะคิดเงินเท่าไหร่ก็เป็นเรื่องของแม่ค้าละนะ เราแค่กินแล้วก็จ่ายเงินก็พอ ส่วนจะถูกใจถูกคอกับร้านไหนก็แล้วแต่เลย แต่ถ้าได้ร้านที่คุยกันรู้เรื่องก็จะสามารถกินผัก ลดเนื้อได้อย่างสะดวกทุกวันเชียวละ

การกินผักลดเนื้อนั้น เกิดประโยชน์ต่อเราทั้งร่างกายและจิตใจ เกิดประโยชน์ต่อสัตว์ที่เราละเว้นไว้ เกิดประโยชน์ต่อโลกมากมาย ถ้ามีโอกาสก็ ลด ละ เลิกกันไปแล้วกันนะ

สวัสดี

ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับการลดเนื้อสัตว์ มากินผักได้ที่ Veggie kitchen , facebook (Veggie Kitchen)

เดินทางและเรียนรู้

ช่วงหลังๆ มานี้ ไม่ค่อยอยู่บ้านครบเดือนสักที มีภาระกิจ ต้องเดินทางตลอด ไปครึ่งเดือนบ้าง สัปดาห์บ้าง ไปพบเจอเรื่องราวมากมายที่มากกว่าชีวิตประจำวัน

ชีวิตรับงานอิสระแบบผมนี่จะมาจะไปไหนมันก็สะดวก ไม่ต้องมีห่วงอะไรมากมายนัก เพียงแค่จัดการงานที่รับมาให้จบตามเวลาแล้วก็ออกเดินทางไปเรียนรู้ได้ก็เป็นกำไรของชีวิตแล้ว เพราะไม่รู้วันไหนเมื่อไหร่ที่จะต้องจากโลกนี้ไปจึงไม่อยากมีชีวิตอยู่เพื่อเงิน ตามหาเงิน ใช้เงิน อยู่กับเงินๆๆๆ ให้เงินพลักดันชีวิต ดังนั้นจึงพยายามหาเงินให้พอดี และใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเรียนรู้

Continue reading เดินทางและเรียนรู้

Welcome to DUCK BLOG

เปลี่ยนแปลงกันอีกครั้ง ของบล็อกแห่งนี้ เมื่อหลายปีก่อนก็มีหลายชื่อแต่ในปัจจุบันก็ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น DUCK BLOG บล็อกเป็ด อะไร อย่างไร ทำไม เดี๋ยวเล่ากันต่อเลย

ความเปลี่ยนแปลง

เดิมทีบล็อกแห่งนี้เคยเป็นช่องทางการเผยแพร่ข่าวสารของ MonkiezGrove ในเวลาต่อมาก็ได้ปรับเปลี่ยนมาเป็น Dinh Blog ซึ่งจะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน ประสบการณ์ต่างๆของ Dinh เมื่อเวลาผ่านไปมีเรื่องราวมากมายค่อยๆถูกแยกออกไปเป็นบล็อกอื่นเรื่อยๆ เช่น cactus , caladium ฯลฯ และในครั้งนี้ก็เช่นกันเป็นความเปลี่ยนแปลงของเนื้อหาในบล็อกแห่งนี้อีกครั้ง

ในครั้งนี้เป็นการแยกเนื้อหาที่มีความจริงจังเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตของ Dinh ออกไปอีกบล็อกหนึ่ง ซึ่งจะเน้นไปทางการดำเนินชีวิต การแบ่งปันประสบการณ์ชีวิต และนั่นหมายถึงการหั่นความหมายของ Dinh Blog ออกไปจนเหลือเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น ดังนั้นจึงกลายมาเป็น DUCK BLOG อย่างที่เห็นกันอยู่นี่ บล็อกเป็ดๆ อะไรแบบเป็ดๆ หลายอย่างไม่จริงจัง ขำๆกันไป

สิ่งที่เหลืออยู่

ในปัจจุบันบล็อกแห่งนี้ก็ถูกแบ่งภาคออกไปจนความสำคัญ หรือสาระเริ่มจะไม่มีแล้ว คล้ายๆว่าเหลือแต่บ่นๆ ดินฟ้าอากาศ เล่านู่น กล่าวนี่ อะไรแค่ประมาณนี้ สิ่งที่เหลืออยู่ในตอนนี้อาจจะจับประเด็นไม่ได้นักว่าเหลืออะไร แต่บล็อกเป็ดก็จะดำเนินต่อไปแบบเป็ดๆ เมื่อมีอะไรสำคัญๆก็อาจจะแยกร่างออกไปอีกก็เป็นได้ ดังนั้นสิ่งที่เหลืออยู่ก็คือความเป็นเป็ดนั่นแหละ

ทำไมต้อง DUCK BLOG

ผมชอบเป็ดนะ เป็ดทำอะไรได้หลายอย่าง แน่นอนว่าดูเหมือนจะไม่เก่งสักอย่าง แต่นั่นมันมองจากสายตาของคน คำตัดสินของคนเป็นอย่างไรก็รู้กันอย่างนั้น แต่ถ้ามองในมุมเป็ด มันคงจะมีความสุขมากๆที่ทำอะไรได้หลายๆอย่าง เพราะความหลากหลายนี่เองจะทำให้เกิดการเรียนรู้ในภาพกว้าง

ผมเองเป็นคนไม่ชอบลงรายละเอียดในสิ่งไหนลึกๆ พอเข้าไปพบ ไปสัมผัส ก็มักจะถอนตัวออกมาในเวลาไม่นานนัก จะไม่จมอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งนาน ชอบเรียนรู้ไปเรื่อยๆมากกว่า เอาแค่พอรู้แล้วก็ถอยมาดูอีกที เพราะศาสตร์ต่างๆในโลกนี้ดูเหมือนจะไม่มีแก่นสารใดๆ ดังนั้นผมเองยังค้นหาต่อไปว่าสิ่งไหนหรือสิ่งใดที่ควรจะให้เวลากับมันจริงๆ หรือควรจะจริงจังกับสิ่งนั้นจริงๆสักที

ชีวิตที่ผ่านเลยมาถึงต้นปี 2556

และแล้วก็ผ่านต้นปีมาจนถึงช่วงกลางเดือนมกราคม ผ่านวันเด็ก ผ่านวันอะไรๆที่ดูจะสำคัญในช่วงปีใหม่มาแล้ว คงจะเป็นช่วงที่ผ่อนคลายและสงบนิ่งมากขึ้น

ก่อนปีใหม่ก็ไม่มีเวลาได้ทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาในปี 2555 และวางแผนในปี 2556 เลย มันดูเหมือนจะว่าง แต่พอนึกไปมันก็ไม่ว่าง มีอะไรยุ่งๆ นิดๆ หน่อยๆ เต็มไปหมด มีอะไรให้ทำตลอดเวลาจนลืมนึกไปว่าในปีนี้ยังไม่มีแผนเป็นชิ้นเป็นอันสักเท่าไรนัก มีแต่แผนรวมๆระยะยาวเท่านั้นเอง

MonkiezGrove , Cartoon Postcard Animation

ในปีนี้ เท่าที่คิดได้ก็จะกลับมาพัฒนามังกีซ์โกรฟ (www.monkiezgrove.com) อีกครั้ง หลังจากปล่อยให้ร้างไปเกือบสองปี ซึ่งการปัดฝุ่นครั้งนี้ได้ใช้ประสบการณ์และความรู้ที่เก็บเกี่ยวมาในช่วงที่เรียนโทมาใช้ด้วย ทำให้เป็นการวางแผนการสร้างในทุกระยะเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งแน่นอนว่าจะต่อเนื่อง มั่นคง และยั่งยืนกว่าเคย อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในบทบาทบ้าง ตามความเหมาะสม แต่สุดท้ายสิ่งที่ยังเป็นงานหลักของมังกีซ์โกรฟ คือ การ์ตูนน่ารัก คำนี้จะฝังลงไปในทุกๆกิจกรรมของมังกีซ์โกรฟ

ดอกทานตะวัน

อีกอย่างก็คงจะเป็นการทำอัลบั้มภาพออนไลน์ที่ DINPhoto ( photo.dinp.org ) ภาพที่ถ่ายเก็บไว้เยอะมากๆ ภาพที่ไปเที่ยวถ่ายวิว ถ่ายนู่นถ่ายนี่ ตามประสาคนบ้าถือกล้่องไปที่ไหนก็ถ่ายที่นั่น จะได้นำมาลงแบ่งปันกันให้ชมเสียที เดี๋ยวเขาจะหาว่าเราอยู่แต่บ้านไม่ได้ออกไปดูโลกบ้าง ก็ค่อยๆติดตามกันเป็นระยะๆ นะครับ จะทยอยๆ ลงไปเรื่อยๆ

ส่วนงานอื่นๆ ก็คงกลับมารับทำเหมือนเดิมหลังจากงดรับงานมาเกือบสองปี เพื่อมุ่งเน้นไปในการเรียนรู้ให้คุ้มค่าที่สุด ณ ตอนนี้เหมือนจุดที่ทุกอย่างคลี่คลาย ค่อยๆกลับมาเป็นเหมือนปกติอย่างช้าๆ สำหรับปีนี้คงได้แค่ทำตามแผนที่วางไว้ สำหรับแผนใหม่คงยังไม่คิด เอาไว้คิดปีหน้าดีกว่า ตอนนี้สะสมทุนอีกครั้งก่อนจะเปลี่ยนแปลงอีกครั้งในโอกาสหน้า

สำหรับใครที่ยังไม่ได้วางแผนชีวิต ก็ลองใช้เวลานั่งคิด นั่งทบทวน นั่งคุยกับตัวเองดูก็ได้ ว่าชีวิตต้องการอะไร อะไรคือเป้าหมาย ได้มาแล้วยังไงต่อ คิดล่วงหน้าไว้ก่อน สุดท้ายค่อยสกัดด้วยคำว่า “อะไรที่จำเป็น

สวัสดี