รักกันจนตาย…เกือบทุกวัน

ทุกวันนี้แม้จะมีข่าวฆ่ากันตายด้วยเหตุแห่งรัก? มากมายแค่ไหน แต่ผู้คนก็ยังดิ้นรนแสวงหามัน เสพสุขจากมัน ไม่ยอมพรากจากมัน

ไอ้รักแบบนี้นี่มัน… จะเรียกว่าขยะ ขยะมันก็ยังเอามาปรับปรุงใช้ประโยชน์ได้ แต่ความรักที่เต็มไปด้วยความโลภ โกรธ หลง นี่มันไม่มีค่าอะไรเลย คือไม่มีน่ะดี มีขึ้นมาก็ไม่เป็นประโยชน์กับใครทั้งตนเองและผู้อื่น สรุปมันต่ำกว่าขยะอีก

คนเขาก็หลงดม หลงเก็บ หลงกอดกันไว้ เพิ่มเจ้ากรรมนายเวรกันไป ในวิถีของโลกีย์ มันจะวนดิ่งลงไปสู่ความต่ำเรื่อย ๆ ความน่ากลัวของมันคือชั่วช้านาน คือมันจะเป็นบาปที่กัดกินใจอย่างช้า ๆ ไปเรื่อย ๆ ไม่เห็นโทษชัดเจนในเบื้องต้น ทุกข์หนักนานแสนสาหัสในเบื้องปลาย ซึ่งก็ตามที่เห็นตาย ๆ กันมาเยอะแยะ

ความยินดีในการมีคู่ จึงเป็นสภาพที่น่าสงสาร ไม่ต่างกับเป็นโรค เป็นเหตุที่ทำให้บาดเจ็บได้ ทำให้ตายได้

หลายคนประมาท ก็หลงเข้าใจว่าเขาควบคุมมันได้ จริง ๆ เรื่องพวกนี้มันคุมไม่ได้ ทุกอย่างมันจะเปลี่ยนแปลงไป คนยึดมั่นถือมั่นก็พยายามจะกอดมันไว้ ดึงมันไว้ ไม่ยอมปล่อย ไม่ตัวเองตัวขาดตาย ก็ไปดึงคนอื่นให้ตัวขาดตาย หรือไม่ก็พากันตายไปตาม ๆ กัน

ถ้าเก่งเหนือรักโลกีย์ ก็แค่ไม่ต้องไปแตะไปเสพมัน ปล่อยมันไว้แบบนั้นแหละ เขาไม่ใช่ของของเรา ปล่อย ๆ ไปเดี๋ยวเขาก็ไปมีชีวิตของเขา ไม่จำเป็นต้องเอาใครมาผูกไว้ ให้คอยจองเวรจองกรรมกันไปอีกหลายชาติ

เลือกรักใครก็เลือกจองเวรจองกรรมคนนั้นนั่นแหละ แล้วก็เลือกให้เขามาจองเวรจองกรรมกับเราเช่นกัน สนุกตรงไหนล่ะนี่?

วิธีดูว่ามิตรที่มีนั้นกำลังพาเราไปไหน

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า “คนที่ประมาทก็เหมือนคนที่ตายไปแล้ว” เช่นกัน หากเราใช้ชีวิตประมาท ไม่รู้ว่าชีวิตกำลังดำเนินไปทางไหน มันก็กำหนดทางตายของเราไปแล้วนั่นเอง

การมีสติในชีวิตประจำวันนั้นไม่เพียงพอที่จะกันนรกอยู่ เพราะหากไม่มีศีลเป็นตัวกำหนดขอบเขตดีชั่วแล้ว สติที่มีนั้น ก็เอาไปทำชั่วได้อย่างแนบเนียนเลยทีเดียว

ยกตัวอย่างเช่น เมื่อมีคนประกาศจะแต่งงาน ก็จะมีคนมากมายเข้าไปยินดี อวยพร ฯลฯ เขามีสติตอนอวยพรไหม? ถ้าถามเขา เขาก็คงว่ามีกัน แต่ทำไมถึงพูดให้คนยินดีในทางผิด การมีคู่นี่คือไปนรกชัด ๆ อยู่แล้ว คนเขายังไปยินดีอวยพรกัน

แต่คนมีศีลเขาจะไม่ไปยินดีด้วย เพราะรู้แน่ชัดว่าคนมีคู่กำลังจับมือกันไปนรก มันจะทำใจยินดีได้อย่างไร มันมีอะไรดี? มันไม่เห็นมีอะไรดีให้ไปสรรเสริญเลย มีแต่ความเสื่อมความต่ำ มีแต่ความทุกข์

มิตรที่ยินดีเมื่อเราทำไม่ดี นั่นแหละคือมิตรที่จะผลักดันเราไปนรก ส่วนมิตรที่ไม่ยินดีเมื่อเราทำไม่ดี นั่นแหละคือมิตรที่จะช่วยให้เราพ้นนรก

ถ้าคนที่กำลังจะไปทำชั่ว เช่นไปแต่งงาน มีมิตรชั่วมาก ๆ เขาก็จะเสริมพลังให้กับกิเลส ให้กับความหลง ให้ยินดีในการครองคู่ ให้ยินดีในการสร้างครอบครัว แม้จะมีมิตรดีอยู่ ก็อาจจะสู้พลังของกิเลสไม่ได้ เพราะเจ้าตัวก็อยากได้อยากเสพ แถมมีคนยุยงให้ได้เสพสมใจกัน มันก็ไปกันใหญ่

เรื่องคู่นั้น ผมถือเป็น check point หนึ่งของความเจริญในทางพุทธศาสนา ถ้าใครผ่านได้จะสบายไปหลายขุม(นรก) เพราะไม่ต้องเสียเวลาไปกับการท่องเที่ยวในนรก ตัดเรื่องคู่ได้ จะมีพลังทำความดีอีกมหาศาล

เวลาผมประเมินคนที่เขาสอนศาสนาทั่วไป ผมก็ใช้ตรงนี้นี่แหละเป็นตัววัด ว่าความเห็นของเขายังยินดีในการมีคู่หรือไม่ยินดี ถ้ายังไม่ผ่านมันจะมีช่องไว้ให้ตัวเองแอบเสพอยู่ มันจะเห็นได้ คนไปศึกษาก็ยังรับรู้ได้ว่าเขายังเห็นว่าการมีคู่นั้นมีข้อดีอยู่ นั่นแสดงว่าเขายังไม่ผ่าน เราก็รู้ว่า อ๋อ ฐานเขายังไม่ถึงตรงนี้

โสดไม่ง่าย


วันนี้มีคนมาเล่าในบล็อกว่าตั้งใจปฏิบัติธรรมมาสักพัก ก็มาหนักเอาเรื่องความอยากมีคู่นี่แหละ เขาบอกประมาณว่าโจทย์ทั่วๆไปพอไหว แต่เรื่องคู่นี่โดนเล่นงานซะทุกข์หนัก

เพื่อนก็บอกว่า การพาคนโสดเป็นเรื่องยาก แม้บทความที่เราเขียนก็ยังยากไปสำหรับคนทั่วไป เรียกว่าตึงมือเลยล่ะ

ใจก็ว่าเขียนอย่างอนุโลมแล้วนะ ยังไม่เคยอัดตรงๆแบบไม่มีทางให้เลี่ยงสักที แค่ยกมาชี้โทษเป็นเรื่องๆ แต่อาจจะเพราะเดิมทีมันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจยากอยู่แล้วด้วยแหละนะ

จากประสบการณ์ผมก็ว่าโจทย์นี้หินสุดๆเลยนะ การประพฤติตนเป็นโสดเนี่ย การไม่กินเนื้อสัตว์นี้เป็นเด็กทารกไปเลย การกินจืดก็เป็นเด็กโตขึ้นมาหน่อย กินมื้อเดียวเป็นเด็กมัธยม ส่วนจะโสดนี่มันโดดมาอีกขั้นหนึ่ง เหมือนไม่ได้ต่อกันมา นี่ถ้าไม่มีบุญเก่ามา ชาตินี้คงไม่รอดต้องจมทุกข์เหมือนชาวบ้านเพราะความอยากมีคู่แน่ๆ

ฐานกินมื้อเดียวได้สบายๆ เจอการประพฤติตนเป็นโสดยังเรียกว่าตึงมือ รบกันก็เสียเลือดบ้าง เสียแขนเสียขาไปบ้าง แต่ก็ยังพอมีโอกาสชนะได้ ดังนั้นฐานต่ำกว่านี้ไม่น่ารอด ถ้าจะรอดก็กดข่มอดทนเอาให้มันผ่านๆไปอีกชาติ

ถ้าถามความหวังผมจากการเขียนบทความเชียร์คนโสดทั้งหลาย ผมไม่หวังอะไรเลยนะ ถึงเขาจะมาถามหรือจะมาปรึกษาก็ไม่หวัง ถ้าวันหนึ่งเขาจะเปลี่ยนใจไปมีคู่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเข้าใจว่ามันยากจริงๆ

แต่เราก็ต้องเขียน ต้องเผยแพร่ ต้องบอกเขานั่นแหละ มันเป็นความรู้ที่ดี ไม่ค่อยมีคนเผยแพร่กันนักหรอก ยังมีคนมาบอกเลยว่าอย่างเราหายาก “บางคนสอนโทษของการมีคู่ แต่ตัวเองก็ดันมีคู่ ไม่น่าศรัทธา

นักเผยแพร่ธรรมะ น้อยคนนักที่จะชี้โทษของการมีคู่ชัดๆ ส่วนใหญ่ก็เหลือช่องน้อยไว้ให้ตัวเองมีคู่ เจาะช่องไว้ให้หาคู่ได้โดยไม่ผิด ธรรมะมันไม่ถึงแก่นมันก็เฉโกไปแบบนี้นั่นแหละ

ก็เลยต้องทำไป ไม่หวังหรอก ทำไปนั่นแหละ มันเป็นสิ่งดี