แมว หลับ ตื่น หิว

แมว หลับ ตื่น หิว ชื่อตอน ตอนนี้พิมพ์ออกมาแล้วเหมือนเล่าได้ทั้งเรื่องเลยทีเดียว เราจะมาดูภาพประกอบกัน

happy-wake-up-cat

สำหรับตอนนี้ ก็จะเล่ากันเป็นตอนๆตามหมายเลขเลยก็แล้วกันนะครับ

1). จุ๊บนอนอยู่บนเสากำแพงบ้าน มุมโปรดของมัน มีร่มเงาของต้นไม้และความเย็นของเสาปูน รวมถึงลมอ่อนๆที่พัดมาตลอดวัน

2). ผมเดินเข้าไปหามันจากด้านหน้าบ้าน มันนอนและทิ้งหางลงมาข้างล่าง หางจุ๊บมีอยู่นิดเดียว มองๆดูจากมุมนี้แล้วก็เหมือนหางของหมีแพนด้าไม่น้อยเลยทีเดียว

3). จุ๊บโดนปลุ๊กให้ตื่นจากเสียงเดินของผม และกระโดดลงมาเดินเข้ามาในบ้าน รูปนี้ถ่ายจากฝั่งในบ้าน จุ๊บอยู่อีกฝั่งของประตูรั้วซึ่งเป็นบ้านข้างๆ…

4). เดินมาไม่นานนักก็มานั่งที่ประจำคือพรมเช็ดเท้าหน้าบ้าน พรมเช็ดเ้ท้าที่บ้านผมไม่ค่อยมีใครเช็ดเท่าไหร่ เพราะมีแต่แมวมานั่ง ไม่นั่งก็นอน จะเห็นมันวนเวียนอยู่ตรงนี้ประจำ

5). จุ๊บหูลู่รอกินข้าวเย็น หิวอย่างนี้แมวหมูยอมทุกอย่างทั้งจับ กลิ้ง เล่น สำหรับตอนนี้แมวขี้กลัวทิ้งความกลัวไว้เบื้องหลังและรอคอยอาหารมื้อหน้าที่กำลังจะมาถึง มาแบบนี้ทีไรก็ได้กินทุกทีแหละนะ

บางทีเทอาหารไว้ให้แต่เช้า แต่ตอนบ่ายๆนกพิราบก็มากินไปหมดแล้ว จุ๊บก็ได้แต่นั่งมอง เพราะถ้านกพิราบมารุมจิกก็คงเจ็บหนักอยู่เหมือนกัน แต่จริงๆแล้วก็คงไม่ทะเลาะกันเพราะจุ๊บเป็นมิตรกับสัตว์ทุกตัว.. เพราะไม่เคยเห็นมันทะเลาะกับใครเลย ใครมาบ้าน มาแย่งอาหารก็นั่งมองเฉย.. มีเมตตาแมวดีจริงๆ

สวัสดี

หลากลีลา กับแมวหิว

เวลาที่เราต้องการอะไร ก็จะพยายามเพื่อให้ได้มา แมวก็เช่นกันเมื่อต้องการ จึงพยายาม…

จุ๊บเวลาหิวนี่มันจะเชื่องเป็นพิเศษ เรียกก็มา ลูบก็นอน นั่งก็ไซร้ เดินวนไปมาขออาหารตลอด แค่เดินผ่านก็เดินตามแล้ว ซึ่งมันจะมีอาการประมาณนี้แค่ตอนหิวเท่านั้น…

cat-in-hungry-motion

ไม่รู้เหมือนกันว่าการเล่นหรือแหย่มัน ตอนมันหิวนี่เป็นการทรมาณแมวรึเปล่า แต่เวลาเห็นมันแสดงท่าทีที่ต่างจากที่เคยเป็นที่ไรก็อดขำและเดินไปหยิบกล้องมาถ่ายไม่ได้เสียที กว่าจุ๊บจะได้กินก็ต้องมาเป็นนายแบบอยู่หลายรูปเลยทีเดียว

จากรูปก็จะเห็นว่ามันผอมลงไป ผอมไปกว่าเดิมมากจริงๆ อาจเพราะอาหารไม่ถูกปากหรือเป็นเพราะแมวแก่อยากจะลดความอ้วนก็ไม่รู้มันเหมือนกัน แต่รู้แค่ว่าช่วงที่มันหิวนี่มันบ่อยจริงๆ หรือมันอาจจะอยากกินปลาทูอย่างเดียวก็ได้

ปลาทูบางทีก็มีหมด ไม่ได้ซื้อมาในหลายๆครั้งก็เลยต้องกินอาหารเม็ดไปก่อน แต่ทุกครั้งผมก็ยังรู้สึกว่าจุ๊บมันก็ยังคาดหวังปลาทูอยู่ดี ดูจากความพยายามในการอ้อน เคล้าเคลียอยู่บ่อยๆนั่นแหละนะ

สวัสดี

กำแพงกระจก

ก่อนที่จะพิมพ์ตอนนี้ ย้อนนึกไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ผมลังเล ว่าจะเล่า หรือไม่เล่าดี และเล่าอย่างไร จบอย่างไรดี เป็นเรื่องที่ทำให้นึกอะไร อะไร..ในใจ ได้มากมายเหลือเกิน…

วันนี้ผมก็ไปอ่านหนังสือที่มหาวิทยาลัยเหมือนเคย เหมือนหลายๆวันที่ผ่านมา ผมสามารถแก้ปัญหาที่เกิดจากความขี้เกียจต่างๆที่เกิดขึ้นกับตัวผมในแต่ละวันได้ ด้วยการเปลี่ยนที่…

หลังจากเวลาผ่านไปจากเที่ยงวัน จนตกเย็น และหลังจากที่อ่านและลองทำโจทย์ต่างๆเสร็จไปบ้างผมและเพื่อนๆก็แยกย้ายกลับบ้าน ระหว่างที่เดินไปที่อาคารจอดรถ เพื่อที่จะไปเอารถที่จอดอยู่กลับบ้านไปด้วย ก็บังเอิญว่าเจอนกตัวหนึ่งอยู่ในอาคารจอดรถ ซึ่งด้านในจะเหมือนพื้นที่ให้เช่าและกั้นด้วยกระจกเป็นส่วนใหญ่ แม้แต่กำแพงก็เป็นกระจก

ผมมองนกตัวนั้น มันพยายามอย่างมากที่จะบินออกจากอาคารแห่งนี้ แต่สิ่งที่มันทำคือบินชนกระจก ครั้งแล้วครั้งเล่า ผมยืนดูมันอยู่พักหนึ่ง ก็สังเกตุเห็นว่าปากมันแปลกๆ นกปกติคงจะไม่อ้าปากแน่ๆ แต่นกตัวนี้เวลายืนเฉยๆมันอ้าปาก ผมเลยเดาๆเอาว่ามันน่าจะเจ็บจากการที่บินไปกระแทกกระจกนับครั้งไม่ถ้วน ผมไม่รู้ว่าก่อนที่ผมจะเห็น มันอยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่แล้ว แต่ก็คิดในใจว่าถ้าผมเดินเข้าไปตามที่คิดว่าอยากจะช่วยมัน มันก็คงจะบินหนีซึ่งก็คงจะไปชนกับกระจกอีกแน่ ซึ่งอาจจะทำให้มันเจ็บหนักขึ้น

เสียงนกที่ร้องอย่างผิดปกติ เหมือนเรียกร้องอิสระที่เคยเป็นของมัน ตอนนี้มันเหมือนติดอยู่ในอะไรก็ไม่รู้ เห็นต้นไม้ เห็นฟ้า อยู่ข้างหน้า แต่พยายามไปเท่าไหร่ก็ชนอะไรก็ไม่รู้ เหมือนกำแพงอากาศที่มันไม่สามารถข้ามไปได้ กระจกของอาคารจอดรถคงจะใสมากทีเดียว จนเห็นอิสระได้ชัดเจนเกินไป แต่ในความใสก็ทำให้มันไม่เห็นกระจกเลย ทำให้นกน้อยๆตัวนั้น ชนกระจกครั้งแล้วครั้งเล่า

มาถึงตอนนี้ผมแยกกับเพื่อนที่มาอ่านหนังสือด้วยกัน โดยที่ผมตัดสินใจว่าจะไม่ทำอะไร เพราะกลัวว่าทำไปจะแย่กว่าเดิม ในระหว่างที่เดินหันหลังมาผมได้ยินเสียงน้องๆผู้หญิงเดินมาและพูดถึงนกตัวนั้น ทำให้ผมเดินออกไปได้อย่างสบายใจขึ้นนิดหน่อย ผมเดินไปหาห้องน้ำและพบว่ามันปิด ก็เลยเดินขึ้นไปอีกชั้นในอาคารจอดรถก็พบว่ามันปิดอีกเช่นกัน เลยเดินลงบันไดมายืนอยู่ที่เดิม

ข้างหน้าผมคือนกตัวหนึ่งที่สับสนในทิศทาง มันเริ่มออกอาการเมาๆ ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแล้ว ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไรก็ยืนดูมักสักพัก เสียงร้องของมันทำให้ผมรู้สึกผิดที่เดินหันหลังให้มัน จึงเดินไปด้วยความคิดว่า มันคงเพลียและผมจะจับมันง่ายขึ้น…

แต่ก็ไม่เป็นอย่างนั้น มันไม่ได้เพลียขนาดที่ผมจะจับมันได้ และมันก็บินหนีผมไปตามที่ผมคิด แต่ทิศทางที่มันบินหนีกลับเข้าลึกไปในตัวอาคารเข้าไปอีก…

ผมเดินตามมันไป ระหว่างทางพบเพื่อนที่เพิ่งแยกกันไป ดูเหมือนเขาจะไปทำธุระที่ธนาคารและพึ่งจะเสร็จ ผมกับเขาเดินไปทางที่มีนกตัวหนึ่งยืนงงๆอยู่ ผมบอกเขาว่า ผมพยายามจะจับมันเพราะมันดูแย่เต็มที เขาเสนอความคิดว่าน่าจะมีพวกตาข่ายจับมัน

การจับนกนั้นไม่ง่ายเลย ถ้าจับนกด้วยมือเปล่าได้ เมนูอาหารที่เป็นนกก็คงเพิ่มมากกว่านี้เป็นแน่ แต่การจับนกนั้นก็ต้องมีอุปกรณ์ช่วยด้วย มันถึงจะสำเร็จโดยง่าย ระหว่างที่เดินคิดและระหว่างที่มันพยายามจะบินให้ห่างผมไปนั้นก็เดินไปเจอห้องน้ำพอดี ห้องน้ำนี้อยู่ใกล้กับทางออกของอาคารอีกฝั่งหนึ่ง ผมที่ซึ่งยังคิดไม่ออกว่าจะหาอะไรมาจับมันดี ก็คิดว่าไปเข้าห้องน้ำก่อนก็น่าจะดี

ระหว่างที่เข้าห้องน้ำไปก็หันไปดู ก็เห็นว่านกน้อยๆตัวนั้นกำลังบินไปที่ทางออก ซึ่งทางออกนั้นเป็นทางเล่นระดับ ซึ่งต้องเดินลงไปและ เดินขึ้น เพื่อออกไปยังอิสระ แต่แน่นอนว่าเรามีการประดับที่สวยงาม ห้องที่อยู่ด้านล่างก่อนจะพบอิสระนั้นเต็มไปด้วยกำแพงกระจกซึ่งหลอกไว้ด้วยธรรมชาติด้านนอก ประตูเล็กๆที่เปิดอยู่นั้น มันใหญ่พอที่นกจะบินออกไปได้อย่างสบาย แต่ชัดเจนพอที่จะำทำให้มันแยกออกระหว่างทางออกและกระจก

ผมมองดูมันอยู่อย่างนั้น ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างช้าๆ ในระยะห่างแค่สายตามองเห็น ผมอยู่ห่างจากมันมากเพราะคิดว่าไม่อยากไปใกล้จนกดดันมัน แต่ความเครียดและสัญชาตญาณของมัน ทำให้มันต้องขยับและพยายามหลีกหนีออกไปให้เร็วที่สุด มันบินออกไปอีกครั้งและชนกระจกอีกครั้ง ความเร็วและความแรงก็เหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ผลไม่เหมือนกัน

นกน้อยที่สะสมความเจ็บปวดและความอ่อนล้าแทบทนไม่ไหว กระเด็นออกมานานหงายขาชักสั่น ผมรีบเดินเข้าไปหามันทันที นี่คือโอกาสที่ผมจะได้พามันออกไปข้างนอก ผมรีบเดินไปจับมันมาไว้ในอุ้งมือ นกยังขยับตัวได้อยู่และพยายามดิ้น แต่ผมคงไม่ปล่อยไปง่ายๆ เพราะนี้คือโอกาสของมันด้วย ผมพามันออกไปด้านนอกอาคารซึ่งด้านหลังก็จะเป็น คลองรอบมหาวิทยาลัย และ ต้นไม้รอบรั้วซึ่งห่างจากถนนพอสมควร

นกเจ็บที่พอจะขยับได้บินออกจากมือของผมไปซุกยังพงหญ้า ผมเดินไปหามันอีกครั้งเพื่อที่จะพาไปให้ไกลๆกว่าเดิม แต่มันก็บินหนีไปเกาะเถาไม้เตี้ยๆ ซึ่งสูงระดับฟุตใกล้ๆ ผมเลิกที่จะสนใจมัน เพราะคิดว่ามันก็จะดีขึ้นแล้ว และมีแรงพอที่จะหนีผมด้วย หลังจากนี้ถ้ามันไม่เซ่อมาก ก็คงจะได้กลับบ้านไวๆ หรือถ้าพาร่างกายเจ็บๆไปบินเล่นแถวถนนก็อาจจะเสี่ยงที่จะเป็นนกแผ่นได้ ทั้งนี้ก็คงสุดแล้วแต่กรรมของมัน ซึ่งกรรมของผมและมันนั้นคงได้สิ้นสุดแค่นี้ ขอให้มีความสุข

หลังจากนั้นผมก็ลาเพื่อนกลับ ต่างคนต่างกลับบ้านไปอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบกันไป ระหว่างทางรถติดพอสมควร ผมนั่งนึกถึงเรื่องนี้ เรื่องที่ผ่านไปไม่นาน ผมจะเอามาเล่าดีไหม…

เรื่องของ กำแพงกระจก…
ในชีวิตของเรา เราเคยรู้บ้างไหมว่าอุปสรรคที่อยู่ตรงหน้าคืออะไร ภาพที่มองนั้นชัดเจน จนไม่เห็นปัญหา ผมคิดถึงนกตัวนั้นและย้อนไปนึกถึงตัวเอง มีบ้างไหมที่ผมเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ และมีบ้างไหมที่คุณเคยเจอเหตุการณ์แบบนั้น เรามองเห็น เราคิดว่าเข้าใจ แต่ไม่เคยผ่านมันไปได้…

สวัสดี

สบายแมว

แรงบันดาลใจจากตอนนี้ เกิดขึ้นจากภาพที่เห็นล้วนๆ ไม่มีสิ่งใดมาเติมแต่งทั้งสิ้น นั่นคือภาพของความ สบายแมว

relax-sleep-cat

ตอนบ่ายๆ แดดอ่อนๆ ลมเย็นๆ แมวตัวหนึ่งนอนอยู่บนเสาของกำแพงซึ่งมีขนาดพอดีกับตัว ท่าทางของมันสบายมาก นอนหลับไม่สนแม้ว่าจะมีรถวิ่งผ่าน หรือคนเดินผ่านมาบ้าง ความรู้สึกนี้ผมจะเรียกมันว่า สบายแมว

สบายแมว คือมุมมองที่มองจากคนๆหนึ่งซึ่งเห็นว่า ณ ขณะนั้นแมวตัวนั้นช่างดูสบายเหลือเกิน สบายจนน่าอิจฉา ซึ่งมันน่าจะสบายมากกว่าเรานอนกลางวันเสียด้วย มันคือความรู้สึกสบายที่เกิดขึ้นจากบรรยากาศและพื้นที่ ที่ดูไม่น่าจะเข้ากันได้ แต่กลับ สบายแมวเสียเหลือเกิน

เอาเป็นว่าหลังจากนี้ก็คงจะมีภาพ สบายแมวออกมาเป็นระยะๆ เพราะผมเองก็ชอบเหมือนกันที่จะเห็นและได้เก็บภาพลักษณะนี้มาดู มันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ มันจะเกิดขึ้นบางครั้งกับความ สบายแมว ในมุมมองของผม

สบายแมว

สวัสดี

จุ๊บนอนเหยียดติดผนัง

หลายๆครั้งที่ผมมักจะงงๆกับท่านอนของแมวจุ๊บที่เลี้ยงไว้ จะว่าท่านอนของแมวสร้างสรรค์ก็ว่าได้ เพราะที่ดูๆมาร่วมแปดปีนั้น บางครั้งเราก็จะพบท่าใหม่เสมอๆ

ปกติถ้าเป็นคนนอนดิ้นก็คงจะมีท่าเยอะเหมือนกัน แต่คนก็ยังนอนบนเตียง ซึ่งเมื่อเทียบกับแมวที่นอนได้ทุกสถานที่แล้วนั้นท่าดิ้นหรือท่านอนคงจะเยอะกว่าแน่ๆ

jub-hardsleep-1

ท่านี้มันนอนเหยียดขาดครับ แต่เนื่องจากขาไปติดผนังมันก็เลยยันแบบขดๆ ไว้อย่างนั้นเอง ดูเหมือนนอนไปสบายแต่หลับยาวมากๆ

jub-hardsleep-2

ก็ยืนดูมันพลิกไปพลิกมา ก็ยังเห็นขายังยันผนังตู้อยู่ ไม่รู้ว่าตู้มันเล็กหรือมันอยากเล่นท่าใหม่กันแน่ หรือว่าแมวสามารถปรับตัวนอนได้ทุกสถานที่ก็ได้ เลยได้เห็นท่านอนหลากหลายแบบนี้

ช่วงนี้จุ๊บมีที่นอนใหม่เยอะแยะมากๆ ผมก็พยายามจะตามไปถ่ายให้หมด อาจจะเพราะตามไปถ่่ายรูปนี่ก็ได้ ที่ทำให้มันเพิ่มที่นอนมากขึ้น

สวัสดี

แมวหมูที่หิวโหย กับปลาทูนึ่งนิ่ง

จุ๊บเดินวนไปมาหน้าบ้าน มองหน้าและเอาลิ้นเลียปากตลอด ผมนั่งมองมันอยู่ไม่นานก็ไม่หยิบมาปลาทูไปอุ่น…

cat-n-fish-1

ระหว่างอุ่น จุ๊บมันก็เดินไปนอนเลียพุงอยู่ริมล้อรถ เมื่ออุ่นปลาทูเสร็จและนำมาใส่จาน ก็รีบวิ่งมาดูทันที

cat-n-fish-2

แมวหิวเดือดที่เอาลิ้นเลียปากแพล่บๆ รอกินปลาทูที่กำลังอุ่นๆอยู่ จุ๊บจะรอให้มันเย็นสักพักแล้วค่อยกิน เพราะเอาปลาทูออกจากไมโครเวฟใหม่ๆ มันร้อนมากๆ เล่นเอาแมวปากพอง บางทีหลังจากอุ่นปลาผมก็จะเอาวางทิ้งไว้สักพักก่อนจะให้มันกิน เพราะกลัวมันจะหิวจัดจนลืมร้อน

เมนูปลาทูลังอบไมโครเวฟก็ยังเป็นเมนูโปรดของจุ๊บอยู่ดี ดูได้จากสีหน้าแมวที่กำลังหิวโหย มองปลาทูที่นอนนิ่งๆอยู่ในจานนี้แหละ

สวัสดี

จุ๊บนอนขาโผล่

เป็นเรื่องปกติที่แมวจะชอบนอนที่แปลก และแต่ละตัวก็มีสไตล์การนอน และที่นอนที่ต่างกัน แต่สำหรับแมวของผมนั้น นอกตรงไหนก็ตลก…

จุ๊บจะชอบนอนใต้ท้่องรถมากๆ ถ้ายิ่งมาจอดใหม่ๆนี่ยิ่งชอบเลย อาจจะเพราะอุ่นๆผสมกับพื้นที่เย็นๆ มันคงจะชอบ แต่ก็มีหลายครั้งที่มันก็นอนใต้ท้องรถแบบนี้…

jub-sleep-car-1

ครับ มันชอบนอนแล้วขามันโผล่ออกมานอกตัวถังรถที่จอดอยู่ บางทีไม่ขา ก็หาง หางที่มันมีนิดเดียวนั่นแหละครับ และบางทีก็ออกมาครึ่งตัว แต่ส่วนใหญ่มันจะชอบเอาส่วนตัวกับหัวมันไว้ข้างในครับ

จริงๆอาการนี้ผมก็เป็นอาจจะไม่เหมือนนักแต่ก็กลับมาคิดแล้วก็คล้ายๆกัน เวลาผมนอนนี่ก็ชอบห่มผ้าให้มันอุ่น ห่มมันทั้งตัว แต่ก็ต้องมีส่วนใดส่วนหนึ่งของขายื่นออกมาจากผ้าห่มให้มันเย็นๆไว้นิดหน่อยเหมือนกัน เปิดแอร์ก็เป็น เปิดพัดลมก็เป็น ซึ่งก็จะเป็นแบบนี้บ่อยๆแหละนะ

jub-sleep-car-2

ถ้าแมวมันจะลองหย่อนใจปล่อยบางส่วนออกมารับลมบ้างก็คงจะไม่แปลกอะไรสักเท่าไหร่ เพราะคนก็พยายามหาท่าหรือมุมที่ตัวเองสบายที่สุด แมวก็เหมือนกันที่ชอบทำอะไรให้ตัวเองสบายๆที่สุด แบบนั้นเอง

สวัสดี

จุ๊บที่กลัวฝน

การที่แมวกลัวฝนหรือกลัวน้ำก็ดูเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ซึ่งจะสังเกตุได้ว่าเวลาฝนตกนั้น เราจะสามารถเจอจุ๊บได้รอบๆบ้าน…

วันนี้จุ๊บมาพร้อมเสียงเปิดประตูเข้าบ้านของแม่ วันนี้แม่กลับบ้านมาเร็วอาจเพราะพายุฝนก็เป็นได้ จุ๊บเป็นแมวที่เวลาได้ยินเสียงเปิดประตูบ้านก็จะวิ่งเข้าบ้าน เหมือนรู้ว่ามีเจ้าของมาให้อาหารแล้ว ถ้าไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูเข้าบ้านก็จะไปเดินเล่นอยู่บ้านอื่นๆ…

หลังจากมันมาอ้อนแม่ แม่ก็เทอาหารให้มัน เพราะอาหารแมวมักจะหมดไปกับนกพิราบที่มาคอยกินอาหารแมวที่เททิ้งไว้ให้จุ๊บในช่วงสายๆ – บ่าย ถ้าหลังจากพระอาทิตย์ตกแล้วเทอาหารก็จะไม่มีใครมาแย่งจุ๊บกิน มันก็เลยกินอย่างสบายๆ

jub-runaway-from-rain-1

ถ่ายรูปดูจะเป็นการขัดจังหวะและขัดใจในการกินอาหารของแมวอยู่ไม่น้อย เพราะมันก็คงคิดว่ามาเล่นอะไรตอนกินกันเนี่ย

jub-runaway-from-rain-2

กินไปได้สักพักก็เดินไปแอบอิงขอบประตูบ้าน

jub-runaway-from-rain-3

ดูหน้าตรงกันชัดๆ จะเห็นได้ชัดว่าหูแหว่งไปข้างหนึ่ง เพราะไปทะเลาะกับใครหรืออะไรก็ไม่ทราบได้ จำได้แต่ตอนนั้นแผลมันเน่าหนองขึ้นก็เลย หยอดไฮโดรเจนเพอร์ออกไซ์ ที่ใช้กับแผลเน่าได้ แต่ผลคือทำลายเนื้อเยื่อไปบางส่วนด้วย เลยกลายเป็นแมวอิมบาล๊านขึ้นมาทันที แต่ก็ดูมันมีความสุขดี บางครั้งนั่งมองมันก็แอบอิจฉาความไม่ทุกข์ที่มันไม่เหมือนเรา มันไม่ต้องคิดอะไรให้ปวดหัวมากเหมือนเรา สำหรับเวลาที่เครียดๆก็อิจฉาแมวอยู่ไม่น้อย

jub-runaway-from-rain-4

วิ่งฝ่าฝนเข้าบ้านมาหลังเลยเปียกนิดหน่อย ดูแล้วฟูๆดี ตอนนี้จุ๊บผอมลงนิดหน่อย เพราะพุงย้วยๆไม่เต่งตึงเหมือนเดิม

ตอนนี้เหมือนจะมีหนูอยู่ในบ้านตัวหนึ่ง ผมพยายามให้จุ๊บเข้ามาในบ้านเพื่อหาสารอาหารกินด้วยตัวมันเอง หวังว่ามันคงจับหนูในบ้านได้ในเร็ววัน หรือที่หนูมาอยู่ในบ้านนั้น คงเป็นเพราะแมวมันอยูนอกบ้านนั่นเอง

สวัสดี

จุ๊บ ขณะ ข้ามถนน

เดี๋ยวนี้แมวผมเริ่มขยายพื้่นที่ได้อีกแล้ว เพราะหมาเหงาบ้านตรงข้ามไปไหนแล้วไม่รู้ …

วันนี้ผมเห็นจุ๊บไปนั่งอยู่ในบ้านเขาซึ่งเคยเลี้ยงหมา ซึ่งตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าหมาไปไหนแล้ว แต่แมวผมไปนั่งเล่นในบ้านเขาเหมือนสถานที่ตากอากาศส่วนตัวยังไงอย่างนั้น และในระหว่างที่หยิบกล้องขึ้นมาจะ่ถ่ายไว้เป็นหลักฐานมันก็เดินกลับเข้ามาทางบ้านซะอย่างนั้นเหมือนว่าจะรู้เลย

ผมอยู่ชั้นบนซึ่งก็ต้องถ่ายลงมา ทำให้่รูปที่ออกมาเป็นแบบนี้…

jub-walk-across-road-1

ดูมันเดินๆก็อุ้ยอ้ายจริงๆ เป็นแมวก็ไม่ต้องรีบ มันก็ดีอย่างนี้แหละ

jub-walk-across-road-2

ภาพนี้คือจุดขายของตอนนี้ นั่นคือดูแล้วเห็นรูปทรงของมันได้ชัดเจน มันไม่เหมือนแมวทั่วๆไปจริงๆ แมวปกติจะผอมๆเพรียวๆ แต่ตัวนี้มันป่องกลาง แถมหัวเล็กอีกต่างหาก ดูแล้วนึกตลกในใจ จริงๆมันก็อาจจะเป็นผลมาจากการทำหมันตั้งแต่ยังไม่เข้าวัยรุ่นก็เป็นได้ ทำให้มันอ้วนๆบวมๆแปลกๆ แบบนี้่ก็ได้

ถ้าเคยเห็นพวกแมวหง่าว แมวหนุ่ม ทั่วไปก็จะเห็นว่ามันจะหัวโต และหน้าใหญ่มากๆ แต่จุ๊บนี่ก็อาุยุ 8- 9 ปีได้แล้ว ทุกอย่างยังปกติเหมือนเดิมยกเว้นพุง…

ปล.จุ๊บเป็นแมวตัวผู้

สวัสดี

ที่นอนใหม่ของจุ๊บ ตู้กับข้าวเก่าหลังบ้าน

ช่วงหลังๆนี่ หรือเดือนกว่าๆที่ผ่านมาผมไม่ค่อยเห็นจุ๊บเวลามันนอนเลยครับ อาจเพราะว่าผมไม่ค่อยได้ลงมาเดินเล่นในเวลาสายๆเหมือนเคย หรืออาจเพราะว่าจุ๊บหนีไปนอนที่อื่นก็อาจจะเป็นไปได้ทั้งนั้น

วันนี้ลงมาเดินเล่นดูครับ ดูบอนสีผ่านไปผ่านมากำลังจะเข้าบ้านแล้ว หันมองผ่านไปรอบๆ เห็นอะไรสะดุดตาแว่บๆ …

cat-sleep-inside-cupboard-1

ครับก้อนอะไรที่ดูเหมือนจะคุ้นเคยนอนอยู่ในตู้กับข้าวเก่าหลังบ้านครับ ตู้กับข้าวอันนี้ไม่ได้ใช้แล้ว และเก่าจนใกล้จะพังทลายลงมาแล้ว แต่ดูๆไปมันก็มีประโยชน์เหมือนกันนะ

cat-sleep-inside-cupboard-2

เข้าไปใกล้อีกนิดจะเห็นว่าก้อนน้ำตาลๆขาวๆจะมีขนปุยๆด้วยครับ

cat-sleep-inside-cupboard-3

เข้าไปใกล้อีกนิดจะเห็นว่านั่นคือจุ๊บที่นอนหลับสบายหายห่วงจริงๆ เพราะจากมุมนี้ ในตู้นั้นคือห้องส่วนตัวของมันจริงๆครับ กันหนาวได้ กันร้อนได้ แต่ไม่กันยุงครับ ตู้ไม้ด้านหลังผุหมดแล้วครับ มันเลยมีทางให้จุ๊บเข้าไปจากด้านหลังที่ผุๆ

ตู้นี้มีตำนานอยู่อย่างหนึ่งครับ มันเคยเกือบคร่าชีวิตผมไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่ไม่รู้จะมีครั้งที่สองรึเปล่านะ …. ตอนผมเด็กๆประมาณประถม-มัธยมได้ ตอนนั้นตัวเล็กกว่าตู้นี้เยอะครับครั้งนั้นตู้นี้เคยอยู่บ้านเก่าที่ลาดพร้าว 110 ในห้องครัวซึ่งเป็นห้องครัวที่ไม่ใหญ่มาก มันตั้งอยู่ติดผนังมุมหนึ่งของครัว และวันนั้นเป็นวันที่ผมอยู่คนเดียวอย่างเป็นปกติ ที่ว่าปกตินั่นคือเวลาเย็นๆครับ ทุกคนยังไม่กลับบ้าน ผมเดินเข้าครัวไปหาอะไรกินเหมือนเดิมทุกๆวัน ซึ่งในจังหวะที่ผมเดินไปนั้นขาตู้ซึ่งเป็นไม้มันแตกและตู้ค่อยโค่นลงมาครับ แน่นอนว่าของในตู้นั้นมีทั้งจานชาม สารพัดเครื่องครัวที่แสนจะหนัก รวมทั้งกะทะ หม้อที่อยู่บนหลังตู้นั้นด้วย ซึ่งแน่นอนมันสูงกว่าหัวผม

ในจังหวะที่มันค่อยเอนลงมานั้น ผมหลบไม่พ้นแล้วครับจึงเอาตัวยันไว้ก่อน เพราะถ้าปล่อยตกของข้างในคงแตกหมดแน่ๆ โชคดีที่บานกระจกยังปิดแน่นอยู่แก้วเลยไม่หล่นลงมา แต่กะทะกับหม้อหล่นเรียบร้อยแล้วครับ ผมรักษาระดับความเอียงไว้ที่ประมาณ 80 องศา โชคยังดีทีขาหักข้างเดียว ( ตู้มีสี่ขา ) ผมจึงเอื้อมเท้าที่ยังว่างอยู่ไปหยิบกะทะใบขนาดกลางจากตู้อีกฝั่งหนึ่ง ( โชคดีที่ผมขายาวครับ ) เอามารองขาตู้ที่หักไว้ได้สำเร็จ

ครับแน่นอนว่าสถาณการได้คลี่คลายแล้ว ตอนนี้เหลือแต่เก็บของที่หล่นไปวิ่งไปหาก้อนอิฐมาค้ำยันแทนกะทะที่ค้ำไว้เฉพาะกิจแทนครับ จบลงอย่างสวยงามทุกคนมีความสุขครับ

กลับมาเรื่องเดิมก่อนด้วยภาพของจุ๊บก่อนจะลากันไปในตอนนี้ครับ ด้วยภาพ จุ๊บ แมว สุด เซ็ง

cat-sleep-inside-cupboard-4

สวัสดี