มัน เป็ด มาก

บางครั้งในชีิวิตของเราก็จำเป็นต้องเลือกทางสักทางที่น่าจะดูดีที่สุด แต่ถ้าเกิดมันดีหรือเหมือนจะดี หรือดีพอๆกันทุกทางล่ะ จะเลือกยังไงดี…

คำตอบของผมอาจจะเป็น เลือกทั้งหมดนั่นแหละ…

การเลือกทำหรือเลือกเป็นหลายๆอย่างนั้น มักจะเป็นอะไรที่ไม่ชัดเจน ไม่เฉพาะทาง ไม่เก่งไปสักอย่าง หรือที่เขาเรียกกันว่า เป็ด … เหมือนทำได้ทุกอย่าง แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรได้ดีสักอย่าง แน่นอนว่าผมก็เป็นคนแบบเป็ดๆนั่นแหละ

มันเป็ดมากบทความตอนนี้คิดจะเขียนขึ้นมานานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีโอกาสสักที วันนี้โอกาสเหมาะ อากาศดี ก็เลยได้เขียนและบรรยายความเป็ดให้เป็นที่เข้าใจกัน ความเป็ดของแต่ละคนนั้นอาจจะแตกต่างกันออกไป ตามสิ่งแวดล้อม แต่ที่แน่ๆ มันไม่ได้เด่นสักอย่าง ซึ่งผมเองก็เป็นเป็ดอีกตัวหนึ่งที่มีชีวิตอยู่ในสังคมนี้

การเก่งเฉพาะทางหรือเฉพาะอย่าง คือสิ่งที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก มันเข้าใจง่าย มันดำเนินชีวิตง่าย มันทำให้ชีวิตไปถึงเป้าหมายได้ง่ายเพราะมันชัดเจนในแนวทาง เว้นแต่ว่ามันน่าเบื่อเท่านั้นเอง…

ในบทความตอนนี้เราจะมาบรรยายความเป็ดกับการทำงานกัน

ถ้าจนถึงตอนนี้ยังนึกถึงความเป็ดไม่ออกก็ให้นึกถึงเครื่องถ่ายเอกสารมัลติฟังชั่น fax ,print ,scan ,phone อะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด แต่ก็ทำได้แค่พอถูไถ เหมาะกับสถานที่ที่อาจจะเล็กนิดหน่อย หรือบริษัทที่งบไม่เยอะต้องการประหยัดอะไรแบบนี้

งานก็เหมือนกัน สำหรับบริษัทที่เริ่มต้นใหม่หรือมีขนาดไม่ใหญ่ก็มักจะอยากได้คนที่ทำได้หลายอย่าง ซึ่งต่างกับ บริษัทใหญ่ๆที่แบ่งแผนกชัดเจนจึงต้องการคนเฉพาะทางนั่นเอง และนี่คือกลไกง่ายๆ จากมุมมองง่ายๆของผมที่มองสังคมการทำงาน แน่นอนว่ามันคือสังคมการทำงาน เราคือฟันเฟืองที่ทำให้กิจการขับเคลื่อนไป ดังนั้นไม่ว่าเราจะเป็ดหรือไม่เป็ด ก็ขอแค่ให้มันเหมาะกับสถานที่หรือองค์กรที่เป็นอยู่ก็พอ

เมื่อการเปลี่ยนแปลงมาถึง

บางครั้งเมื่อองค์กรมีการปรับเปลี่ยนขนาด เป็ดบางตัวก็อาจจะเดือดร้อนก็ได้ เพราะความไม่ชัดเจนหรือไม่เฉพาะทางนั่น เป็ดบางตัวอาจจะได้ยกระดับเป็นผู้บริหารเพราะรู้หลายอย่าง แต่ไม่เก่งสักอย่าง ซึ่งนั่นแหละคือความเป็ด ผู้บริหารไม่ว่าจะเล็กกลางใหญ่จำเป็นต้องรู้ให้กว้าง แต่ไม่ต้องรู้ให้ลึก เพราะรู้ลึกก็ให้เป็นหน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านทำไป

ดังนั้นเมื่อรู้ตัวแล้วว่าเป็นเป็ด จึงจำเป็นต้องเพิ่มความสามารถในการบริหารให้มากขึ้นนั่นเอง เพราะเราคงจะไปเก่งสู้คนที่เก่งเฉพาะทางได้ ซึ่งการเลือกเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างในชีวิตมันก็ต้องใช้เวลา และเราจึงจำเป็นต้องรู้ตัวให้ชัดว่าเป็นเป็ดแบบไหน เป็ดบ้านๆที่รอถูกเชือด (เป็ดกินเงินเดือน) เป็ดป่าที่หากินเองตามธรรมชาติ (เป็ด freelance)  ลูกเป็ดขี้เหร่ ที่ไม่รู้ตัวว่าเป็นหงส์ (เป็ดโดนดอง) ซึ่งเราอาจจะนิยามอะไรอย่างไรก็ได้เพื่อมองให้เห็นความเป็นตัวเราเอง และนั่นคือสิ่งสำคัญที่สุดในความเป็ด คือรู้ว่าตนนั้นเป็นเป็ดแบบไหนและขนาดไหน…

บทความแบบเป็ดๆ คงเกริ่นกันไว้เท่านี้ ซึ่งอาจจะมีบทความเพิ่มขึ้นเรื่อยในอนาคตตามแต่ที่ผมจะจินตนาการได้

สวัสดี

หายไปไหนช่วงน้ำท่วม

ช่วงที่ผมไม่อยู่นั้น เนื่องจากอพยพหนี (เที่ยว) น้ำท่วม ใช่ว่าผมจะไม่เดือดร้อนในช่วงน้ำท่วมเสียทีเดียว แต่ผมเลือกที่จะไปรับประสบการณ์ที่แตกต่างกับการอยู่บ้านต้่อนรับน้ำท่วม

แม้ว่าตอนนี้บ้านของผมดูเหมือนจะรอดพ้นวิกฤตน้ำท่วมแล้ว ซึ่งมันก็ยังไม่เคยท่วมส่วนสาเหตุนั้นจะเพราะอะไรก็ช่าง สรุปก็ถือว่าโชคดี เพราะดูในแผนที่น้ำท่วม น้ำมันท่วมรอบๆเขตบ้านไปหมดแล้ว แต่ที่หมู่บ้านยังปกติ แน่นอนว่าเรื่องราวเหล่านี้ผมรับรู้หลังจากกลับมาที่บ้านครับ

การอพยพหนี (เที่ยว) น้ำท่วม สำหรับผมนั้นถือเป็นโอกาสที่ผมจะได้ลองไปรับประสบการณ์ใหม่ๆ เพราะก่อนหน้าที่ผมจะตัดสินใจออกจากบ้านนั้น ผมได้ไปรับประสบการณ์ของคนที่โดนน้ำท่วมมาแล้วครับ นั่นคือการลุยน้ำเข้าไปช่วยพี่สาวย่านดอนเมืองอพยพออกมา สิ่งที่ผมได้รับในวันนั้น คงจะเล่าในบทความต่อไป แต่ผมบอกได้เลยว่านั่นคือประสบการณ์ที่ทำให้ผมมั่นใจที่จะออกไปดีกว่าที่จะทนอยู่

โอกาส กับทางเลือก

แน่นอนว่าประชาชนทุกคนคงจะทำอย่างผมไม่ได้ เพราะเราไม่ได้มีเท่ากัน ทางเลือกเราไม่เท่ากัน ผมมีทางเลือกที่พอจะเป็นไปได้อยู่หลายทาง แน่นอนว่าผมจะไม่เอาตัวเองไปเบียดเบียนคนที่มีความจำเป็นกว่าแน่นอน สิ่งที่ผมคิดนั่นคือการตัดโอกาสการกลายเป็นภาระทางสังคมของตัวผมทิ้งเสีย และย้ายตัวเองไปมองดูจากวงนอก ซึ่งน่าจะดีกับคนส่วนใหญ่มากกว่า

พื้นที่ในกรุงเทพฯนั้นเต็มไปด้วยผู้คน ผมไม่เคยคิดว่ากรุงเทพฯ นั้นสำคัญที่สุดในประเทศ แต่ผมมองในเรื่องของรายละเอียดมากกว่า เมื่อมีคนมาก การจัดการก็ยาก ตรอกซอกซอย ชุมชนสารพัด ซึ่งน่าจะเรียกว่ามหาศาล เมื่อน้ำเข้ากรุงเทพ การช่วยเหลือ การจราจร ทุกอย่างดูจะเป็นสิ่งที่ไม่มีทางจัดสรรได้อย่างลงตัวแน่นอน และนั่นคือเหตุที่ผมตัดสินใจอพยพหนี (เที่ยว) น้ำท่วมไปดีกว่า

อพยพหนี (เที่ยว) น้ำท่วมไปไหน?

ผมเคยคิด เคยฝันไว้ว่าผมจะได้เดินทาง ไปเที่ยวโดยไม่มีกฏอะไรมาหยุดไว้ (ยกเว้นเงิน) ผมอยากจะหยุดในที่ผมอยากจะหยุด ผมอยากจะอยู่ในที่ ที่ผมอย่างจะอยู่ ผมอยากจะทำอะไรก็ได้ในช่วงเวลาที่เป็นของผมอย่างแท้จริง น้ำท่วมครั้งนี้คือโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ที่ผมจะได้ไปค้นหาอะไรในตัวเองเพิ่มขึ้น นี่คือจินตนาการของผม

ความเป็นจริงก็คือผมไปได้ในระยะที่พอจะไหว เขตใกล้ๆกรุงเทพที่น้ำไม่ท่วมและเดินทางไม่ไกล เพราะงบประมาณมีจำกัดมาก และไม่รู้ว่าต้องอยู่นานแค่ไหน เลยต้องคิดคำนวนกันให้ดี ที่พักส่วนใหญ่จะเป็น บ้านเพื่อน บ้านญาติ โรงแรม อะไรประมาณนี้ ซึ่งจะเน้นประหยัดไว้เป็นหลัก เพราะถ้างบหมด นั่นหมายถึงอิสระแห่งจินตนาการของผมก็คงต้องดับลงไป

สรุปแล้วช่วงที่ผมไม่อยู่ ผมก็แทบไม่ได้เข้าอินเทอร์เน็ต เลยครับ จะมีเข้าบ้างก็บางทีเพราะอุปกรณ์ไม่ค่อยอำนวยเท่าไหร่ ส่วนเรื่องผมไปเที่ยวไหนอะไรยังไง รายละเอียดเดี๋ยวค่อยมาเขียนกันอีกทีนะครับ เอาแค่ว่าหนีน้ำท่วมไปเที่ยวแล้วกันนะ

สวัสดี