การที่เราจะดำเนินชีวิตไปสู่ความผาสุกนั้นได้นั้น จะต้องดำรงชีวิตอย่างบัณฑิต(ผู้รู้ทันกิเลส จนชำระได้โดยลำดับ) แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะยินดีเป็น…บัณฑิต
พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า บัณฑิตพึงประพฤติตนเป็นโสด ส่วนคนโง่ ฝักใฝ่ในเรื่องคู่ ย่อมเศร้าหมอง
ถ้าผมจะเอาเกณนี้มาวัด ผมเชื่อว่าน้อยคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผมจะเป็นบัณฑิต แน่นอนว่ามีอยู่ส่วนหนึ่งที่เขายินดีประพฤติตนเป็นโสด แต่ไม่ใช่ทั้งหมด
พวกที่ตั้งใจชัดเจนมันก็ชัดดี ส่วนพวกที่เลือกไปมีคู่เลยมันก็ไปทางนรกชัดเจนดี พวกลูกผีลูกคนนี่ดูยาก เหมือนจะตั้งใจ เหมือนจะเข้าใจ เหมือนจะจริงใจ เหมือนจะเอาธรรมะ เอานิพพานเป็นตัวตั้ง แต่สุดท้ายมักจะ…”เละเทะ” กว่าจำพวกที่เลือกไปมีคู่แต่แรกอีก
มีนักปฏิบัติธรรมหลายคนอยู่เป็นโสด แต่หลายคนก็ไม่ใช่จะเป็นโสดเพราะธรรมะ นั่นเพราะเขาหาที่ถูกใจไม่ได้สักที เขาไม่ได้เข้าใจโทษของกิเลส ไม่ได้เข้าใจวิบากกรรม ไม่ได้เห็นวัฏสงสารที่วนเวียนหลงสุข หลงทุกข์ หลงชอบ หลงชัง มายาวนาน
เป็นการเสแสร้งแกล้งทำ เป็นมารยาของกิเลสที่กดอาการไว้ แสร้งว่าเป็นบัณฑิต เพราะเป็นโสดแล้วเพื่อนนักปฏิบัติธรรมต่างยินดี แล้วทีนี้ปฏิบัติธรรมไปแต่ไม่ได้ลดกิเลส ปฏิบัติธรรมไม่สัมมาทิฏฐิ ปฏิบัติมิจฉาธรรม ไม่คบสัตบุรุต คบคนพาล กามมันก็โต ความอยากมันจัด สุดท้ายมันไม่เอาแล้วโสดเสิด.. เอาคู่นี่แหละสุขกว่า มันกว่า…
วิบากกรรมของคนที่ศึกษาและปฏิบัติแล้วไปมีคู่จะหนักกว่าคนทั่วไปที่เขายังไม่ปฏิบัติธรรม ถ้าเป็นนักบวชในพุทธศาสนาก็ปาราชิก เปรียบได้กับชาตินี้เกิดมาเป็นโมฆะ เกิดแล้วตายไปเปล่า ๆ ฟรี ๆ เหมือนคนหาเงินหลายร้อยล้านมาแล้วเอาไปเผาเล่น เพื่อเสพสุขจากความอบอุ่นของไฟนั้น
ในมุมของฆารวาสแม้จะไม่มีโทษทางวินัยระบุไว้ แต่โดยสัจจะก็เรียกว่าร่วงกันไปยาว ๆ ชาตินี้คงไม่หวังจะมาเจอกันอีก เพราะรู้แล้วว่าบัณฑิตควรปฏิบัติตนให้เป็นไปเพื่อความโสด แต่จะไปเอาอีกทาง ไปเอาทางตรงข้าม ไปเอาคู่ครอง ไปเอาอย่างคนโง่ มันก็คือการดูถูกธรรมะของพระพุทธเจ้านั่นแหละ
ดูถูกอย่างไร? ก็ดูถูกว่าการมีคู่นั้นสุขกว่าการอยู่เป็นโสดยังไงล่ะ… เพราะความจริง พระพุทธเจ้าตรัสสอนแต่เรื่องทำให้พ้นทุกข์ ให้เป็นอยู่ผาสุก ให้เกิดปัญญา ท่านชี้ให้ว่าถ้าจะเจริญ ให้ทำตนเป็นดั่งบัณฑิต ต้องดำเนินไปแบบนี้ แล้วคนที่ศึกษาและปฏิบัติธรรม รู้ธรรมแล้ว แล้วยังจะไปเอาทางตรงข้าม สรุปก็คือเห็นการมีคู่ดีกว่าธรรมะพระพุทธเจ้านั่นแหละ มันก็ห่างไกลความผาสุก ห่างไกลนิพพานไปเรื่อย ๆ
ผมจะตัดขีดพวกที่รู้ว่าดีแล้ว ทางนี้ดีที่สุดแล้ว แต่ไม่เอา ไปเอาอีกทาง ว่าเป็นพวกทำกรรมที่หนัก ถึงจะวนกลับมาก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก วิบากกรรมของการดูถูกธรรมมันหนัก ขนาดตอนแรกเขายังอยู่เป็นโสด ยังมีโอกาสได้ศึกษาสิ่งที่ดี เขายังเอาตัวให้รอดไม่ได้ แล้วตอนหลังจะมาเอาดี ยาก!! สภาพเหมือนไปตกบ่อขี้มา ขนาดยืนบนพื้นดินธรรมดายังเดินต่อไม่ได้ อยู่ในบ่อขี้บ่อกามมันยิ่งขึ้นยาก จะให้พ้นทุกข์ พ้นชั่ว พ้นโง่ มันไม่ง่าย
พระพุทธเจ้าท่านสอนว่า ให้ห่างไกลคนพาล (คนที่เอาแต่เสพตามกิเลส) คบหาบัณฑิต … ผมว่านะ จากประสบการณ์ ถ้าจะเอาให้ชีวิตเจริญและมีเรื่องปวดหัวน้อย ผมคบแต่บัณฑิตดีกว่า พวกอยากมีคู่ หมกมุ่นกับเรื่องหาคู่มาบำบัดอาการอยากนี่ไม่ไหวล่ะ ให้เขาทุกข์กับความกระสันใคร่อยากของเขาให้พอเถอะ