บทความ มังสวิรัติ

เริ่มเขียนบทความ เกี่ยวกับมังสวิรัติขึ้นมาอย่างจริงจังแล้ว ตอนนี้ผ่านมาเดือนกว่า แต่ก็มีบทความไม่น้อยเลย คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่เริ่มต้นกินมังสวัรัติ หรือหัดกินมังสวิรัติ รวมไปถึงผู้ที่กินมังสวิรัติเป็นประจำก็สามารถแบ่งปันและร่วมเรียนรู้ได้เช่นกัน

เมนูมังสวิรัติที่ทำแบ่งปันไปเปรียบเสมือนขนมหวาน เหมือนน้ำจิ้ม แต่สาระหลักที่คิดจะแบ่งปันก็คือบทความและแนวคิดเกี่ยวกับการกินมังสวิรัตินี่แหละ คือสิ่งที่ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่น่าจะยังขาดองค์ความรู้นี้กันอยู่พอสมควร เราเรียนรู้กันมามากแล้วว่าการเบียดเบียนไม่ดี ไม่สมควร…

แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครบอกว่า วิถีทางใด ที่จะออกจากการกินเนื้อสัตว์ได้อย่างมีความสุข ออกได้อย่างยั่งยืน ผมจึงเริ่มคิดได้ว่าน่าจะเอาประสบการณ์ที่เราเรียนรู้มาแบ่งปัน เผื่อว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายๆคน ก้าวเข้ามากินมังสวิรัติได้ง่ายขึ้น

ขอแนะนำกันเลย….

Veggie Kitchen ( 1 month anniversary) วัตถุประสงค์และเป้าหมายของเรา วัตถุประสงค์และเป้าหมาย ของ Veggie Kitchen

ทำมาก็ร่วมเดือน ยังไม่เคยบอกชัดเจนเลยว่าเรากำลังทำอะไร เพื่ออะไร แล้วเราจะไปที่ไหน บทความนี้เป็นข้อสรุปคร่าวๆให้ผู้ติดตามได้ [อ่านต่อคลิกที่นี่ , อ่านต่อใน facebook]

 

อาหารมังสวิรัติ หากินยาก? อาหารมังสวิรัติ หากินยาก?

แบ่งปันแนวคิดที่จะช่วย ไขความรู้สึกที่ว่า อาหารมังสวิรัติหากินยาก เราสามารถหากินอาหารมังสวิรัติที่ไหนก็ได้ตราบเท่าที่เรามีปัญญา มีประสบการณ์ มีความรู้ที่จะเอาตัวรอด ในแต่ละสถานการณ์ เพื่อการกินมังสวิรัติที่ยั่งยืน [อ่านต่อคลิกที่นี่ , อ่านต่อใน facebook]

 

มังสวิรัติ ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากจนเกินไปมังสวิรัติ ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากจนเกินไป

วิธีการปฏิบัติสู่ชีวิตมังสวัริติ โดยใช้การ ลด ละ เลิกไปตามลำดับอย่างมีปัญญากำกับ โดยมีการพิจารณาให้เห็นความจริงตามความเป็นจริง ตลอดการปฏิบัติ เพื่อการกินมังสวิรัติอย่างมีความสุข อย่างยั่งยืน ไม่กดข่ม ไม่ผืนทน ไม่ทรมาน [อ่านต่อคลิกที่นี่ , อ่านต่อใน facebook]

 

มังเขี่ยมังเขี่ย

มังเขี่ย คือวิธีการเอาตัวรอดของชาวมังสวิรัติ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอาหารที่ปนไปด้วยเนื้อสัตว์ หรือต้องกินอาหารร่วมโต๊ะกับคนหมู่มาก การเขี่ยเนื้อสัตว์ออกไป เขี่ยผักเข้ามา คือทักษะที่ควรฝึกให้ชำนาญ [อ่านต่อคลิกที่นี่ , อ่านต่อใน facebook]

 

อาหารมังสวิรัติ ไม่อร่อย?อาหารมังสวิรัติ ไม่อร่อย?

ก้าวข้ามสามัญสำนึกที่เคยมี คืออาหารมังสวิรัติไม่อร่อย ถึงจะอร่อยแต่ก็ไม่อร่อยเท่าเนื้อสัตว์ เราจะมาทำลายสัญญาเก่าๆเหล่านั้น มาสู่ความอร่อยด้วยคุณค่าแท้แห่งอาหารมังสวิรัติกัน [อ่านต่อคลิกที่นี่ , อ่านต่อใน facebook]

 

วิธีสั่งอาหารมังสวิรัติ ตามร้านอาหารทั่วไปการสั่งอาหารมังสวิรัติ

ฝึกทักษะการสื่อสาร เพื่อให้ได้มาซึ่งอาหารมังสวิรัติ โดยที่พ่อครัวแม่ครัว พ่อค้าแม่ค้า ก็ยินดี เต็มใจ พอใจที่จะขายอาหารให้กับเรา โดยไม่ต้องเกรงใจจนเสียประโยชน์ และไม่ยึดดีจนคนอื่นเขารำคาญ [อ่านต่อคลิกที่นี่ , อ่านต่อใน facebook]

 

เมตตาธรรมค้ำจุนโลกเมตตาธรรมค้ำจุนโลก

วิธีเมตตาสัตว์โลกให้ได้ทั้งโลก โดยไม่แบ่งแยกว่า อันนี้ สัตว์เลี้ยง สัตว์กินได้ อันนี้สัตว์ อันนี้มนุษย์ ไม่ว่าจะเดรัจฉาน หรือมนุษย์ เราก็สามารถเมตตาได้ทั้งหมดอย่างไม่มีเงื่อนไขและไม่มีขอบเขต [อ่านต่อคลิกที่นี่ , อ่านต่อใน facebook]

…ทั้งหมดนี้เป็นบทความที่เขียนขึ้นมาตั้งแต่มีแรงฮึดขึ้นมาเมื่อก่อตั้ง Veggie Kitchen @facebook ใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ต่อไปก็คงจะมีบทความเกี่ยวกับมังสวิรัติอีกมากมายมาแบ่งปันกัน เนื้อหาอาจจะแตกต่างกันไปตามหัวข้อ ผู้ที่สนใจสามารถเสนอให้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับมังสวิรัติมาได้ ถ้าผมพิจารณาแล้วว่าน่าจะเหมาะสม เป็นประโยชน์ และมีเวลา ก็จะลองเรียบเรียงและถ่ายทอดออกมาเป็นบทความให้อ่านกัน

สุดท้ายนี้ก็ฝาก Veggie Kitchen กันไว้ด้วยแล้วกันนะครับ ใครสะดวกช่องทางไหน ก็สามารถรับข่าวสารท่างช่องทางที่สะดวก มีประเด็นอะไรน่าสนใจ เสนอความคิดเห็น เห็นต่างออกไป อยากให้ขยายความเพิ่มก็ส่งความคิดเห็นกันเข้ามาได้เลย

Veggie Kitchen มากินมังสวิรัติกันเถอะ

ไม่ได้มาอัพเดทบล็อกนี้นานมาก แต่ก็ไม่ได้อัพเดทบล็อกไหนเหมือนกัน ตอนนี้ก็กลับมาเขียนบ้างแล้ว แต่ก็จะเขียนในเรื่องที่มีสาระมากกว่าเดิม นั่นคือการกินมังสวิรัติ

มังสวิรัติ

ตอนนี้ได้ทำบล็อกใหม่ไว้ เกี่ยวกับการกินอาหารมังสวิรัติ เมนูอาหารมังสวิรัติ วิธีกินอาหารมังสวิรัติ กินอย่างไร กินแบบไหนถึงจะมีความสุข บทความส่วนใหญ่ก็จะเป็นเมนูอาหารมังสวิรัติ และจะสอดแทรกหลักการ วิธีการไว้ด้วย

Veggie Kitchen

รวมรวมเนื้อหาและบทความเกี่ยวกับมังสวิิรัติ ที่ได้เขียนไว้ ทำงานควบคู่ไปกับในส่วนของเฟสบุค แต่จะมีการให้ข้อมูลที่มากกว่า เช่นการแจกแจงวัตถุดิบของอาหาร ข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับ veggie kitchen

องค์ประกอบของเว็บไซต์ที่ใช้จะเป็นสีเหลืองและเขียว สีเหลืองเป็นสีที่เขาว่าส่งผลต่อการกิน และสีเขียวที่แทนถึงพืชผัก โดยมีหมูเด็ก ซึ่งเป็นสัตว์กินได้ทั้งพืชและเนื้อ มาเป็นตัวละครหลักในการประกอบเนื้อหาให้ดูน่ารักน่าสนใจมากขึ้น

ติดตามกันได้ที่ :  Veggie Kitchen (http://veggiekitchen.dinp.org/)

Veggie Kitchen (facebook)

เฟสบุคของ veggie kitchen ซึ่งจะเป็นช่องทางหลักในการติดต่อสื่อสาร ของผู้สนใจกินมังสวิรัติ ได้เข้าถึงข้อมูล แบ่งปัน เสนอแนะ รวมถึงติดตามเราได้ด้วยการกดไลค์ ซึ่งเราก็จะมีอัพเดท เมนูมังสวิรัติ วิธีกินมังสวิรัตินอกบ้าน การกินมังสวิรัติในสังคมได้อย่างปกติสุข สามารถเข้ามาทักทาย สอบถาม พูดคุยกับเราได้ เรายินดีที่จะแลกเปลี่ยนทุกความคิดเห็นไม่ว่าท่านจะกินมังสวิรัติ หรือไม่ได้กินมังสวิรัติ หรือแม้กระทั่งไม่เห็นด้วย ท่านก็สามารถแสดงความคิดเห็นได้

ติดตามกันได้ที่ : Veggie Kitchen (https://www.facebook.com/veggiekitchen.piglet)

บะหมี่น้ำ! ลดเนื้อสัตว์ มากินผักกันเถอะ

ช่วงหลังๆมานี่ก็ได้เริ่มลดเนื้อสัตว์ กินผักมากขึ้น เพราะได้รับรู้ประโยชน์หลายอย่างในการเน้นผักเป็นหลักของอาหารในชีวิต

ผมไม่ค่อยอยากใช้คำว่า มังสวิรัติ เท่าไหร่ เพราะมันจะกลายเป็นตัวมัดให้เราไปยึดกับรูปแบบบางอย่างเข้า ขอเรียกว่าการลดเนื้อสัตว์ กินผักแทนแล้วกัน ส่วนใครจะลดได้ในอัตราเท่าไหร่ แบบไหนก็ตามสะดวกเลย ส่วนผมก็ลดเรื่อยๆเท่าที่จะทำได้

กินผักลดเนื้อ-บะหมี่น้ำ

ทีนี้ความยากในการเลิกกินเนื้อสัตว์ แล้วหันมากินผักแทน อาจจะไม่ได้ยากตรงการกิน สำหรับคนในเมืองกรุง มันจะยากตรงการหากินนี่แหละ (ส่วนต่างจังหวัดมีที่ก็ปลูกผักสวนครัวไปนะ)

คนกรุง…

คนกรุง อยู่คู่กับความรีบเร่ง และความวุ่นวายมานาน ไม่ค่อยมีใครให้ความสำคัญกับอาหารเท่าเรากินเข้าไปเท่าตัวเลข หรือรายได้ที่เราจะได้ต่อเดือนต่อปี ซึ่งเขาเหล่านั้นอาจจะไม่เคยคิดเลยว่าผลเสียจากอาหารที่เรากินนั่นแหละจะเป็นตัวทำให้ชีวิตเราติดลบ ขาดโอกาสต่างๆ จากการป่วยและตายนั่นเอง ( การลงทุนในชีวิตจะมองข้ามสุขภาพไม่ได้เพราะเป็นหนึ่งในความเสี่ยง (ที่จะไม่ได้ใช้เงินที่หามา) )

กลับมาที่การหากินอาหารที่ลดเนื้อ เพิ่มผัก ในชีวิตประจำวัน ร้านอาหารต่างๆ ก็มักจะมีเนื้อสัตว์เป็นเมนูหลักเสมอ ส่วนผักมักจะเป็นตัวเสริม เป็นพระรองเสมอ แต่ในเมื่อเราจะดันผักขึ้นมาเป็นพระเอก เราก็ต้องหาทางปั้นหนทางสู่การกินผักกันหน่อย

เริ่มแรกเราอาจจะไม่ชินในการปรับเปลี่ยนเมนู อาจจะเจอภาวะติดใจกับอาหารโปรดเก่าๆ อาจจะคิดไม่ออก แต่ถ้าได้ลองค้นหาข้อมูลดูจะมีวิธีการเลือกกินผักลดเนื้ออย่างมากมาย เรียกได้ว่าใช้ในชีวิตประจำวันได้ถ้าคิดจะเปลี่ยนจริงๆ เพราะคนดังๆมากมายในโลกเขาก็กินผักเป็นหลักกันนะ…

บะหมี่น้ำ…

ตัวอย่างเช่น การเข้าร้านสั่งบะหมี่น้ำของผม แน่นอนว่าแต่ก่อนก็ไม่เคยรู้สึกลำบากขนาดนี้หรอก ต้องมาสั่งอะไรที่มันไม่เคยก็เขินๆอยู่เหมือนกัน พอเดินเข้าร้านบะหมี่ปูก็เข้าไปสั่ง บะหมี่น้ำพิเศษ ไม่ใส่หมู/เนื้อสัตว์ เอาแต่บะหมี่กับผัก แม่ค้าแกก็ดูทำให้อย่างคุ้นเคย สงสัยจะมีคนกินแบบนี้เยอะ

เมื่อเขามาเสริฟ เราก็จะได้บะหมี่ และผักมากมาย (รึเปล่า?) แต่จะใส่อะไร จะคิดเงินเท่าไหร่ก็เป็นเรื่องของแม่ค้าละนะ เราแค่กินแล้วก็จ่ายเงินก็พอ ส่วนจะถูกใจถูกคอกับร้านไหนก็แล้วแต่เลย แต่ถ้าได้ร้านที่คุยกันรู้เรื่องก็จะสามารถกินผัก ลดเนื้อได้อย่างสะดวกทุกวันเชียวละ

การกินผักลดเนื้อนั้น เกิดประโยชน์ต่อเราทั้งร่างกายและจิตใจ เกิดประโยชน์ต่อสัตว์ที่เราละเว้นไว้ เกิดประโยชน์ต่อโลกมากมาย ถ้ามีโอกาสก็ ลด ละ เลิกกันไปแล้วกันนะ

สวัสดี

ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับการลดเนื้อสัตว์ มากินผักได้ที่ Veggie kitchen , facebook (Veggie Kitchen)

ลงแขกเกี่ยวข้าว รับลมหนาวปลายนา [4] วันสุดท้าย

มาถึงวันสุดท้ายของการเดินทางมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ของผมในครั้งนี้ครับ ในวันนี้ก็จะมีกิจกรรมหลักก็คือการลงแขกเกี่ยวข้าวครับ ซึ่งในวันนี้ก็จะเป็นวันที่ทุกคนได้ร่วมกิจกรรมพร้อมกันทุกบ้าน

11 พฤษจิกายน 2555

ฟ้ายามเช้าหน้าบ้านพ่อประมวล
ฟ้ายามเช้าหน้าบ้านพ่อประมวล

คืนเมื่อวานผ่านไป ไวเหมือนโกหก ผมจำได้ภาพสุดท้ายก็คือภาพของมุ้ง แล้วทุกอย่างก็หายไป ได้ยินอีกครั้งก็เสียงไก่ขัน ไม่มีความฝันทั้งดีและร้ายใดๆเกิดขึ้น เป็นการนอนหลับที่สบายและเต็มอิ่มอีกวัน อาจจะเพราะมีอากาศที่ดีหมุนเวียนอยู่โดยรอบ ทำให้การพักผ่อนมีประสิทธิภาพสูงสุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เช้านี้เราก็ทยอยกันอาบน้ำอาบท่า และเมื่อเสร็จแล้วก็จะเดินจากบ้านพ่อประมวล ไปที่ศูนย์ข้าวคุณธรรม ซึ่งห่างไปไม่ไกลนัก การเดินยามเช้าทำให้เห็นวิถีชีวิตชาวบ้าน บรรยากาศ และภาพสวยๆมากมาย

กระเทียมกับแสงยามเช้า
กระเทียมกับแสงยามเช้า

เช้าๆแบบนี้ก็จะมีน้ำข้าวกล้องงอกยามเช้าเพื่อให้พลังงานกันเหมือนเคย คำว่าเหมือนเคยใช้เฉพาะการมาอยู่ที่นี่ ถ้าอยู่บ้านปกติก็คงได้อย่างมากแค่กาแฟหนึ่งแก้ว ซึ่งก็ไม่ได้สร้างสรรค์เท่าไรนัก ถ้าหากเลือกได้ก็อยากได้น้ำข้าวกล้องงอกทุกวัน แต่สุดท้ายคงต้องลงมือทำเอง หวังว่าสักวันคงจะมาถึงวันนั้น

มะละกอและผลไม้อื่นๆเต็มต้น
มะละกอและผลไม้อื่นๆเต็มต้น

สำหรับที่นี่ในเวลาเช้าๆแบบนี้ ก่อนที่บ้านอื่นๆจะมาถึงที่นี่ (บ้านผมมาถึงก่อนทุกทีเลย) ก็เลยมีเวลาเดินดูรอบๆครับ ที่นี่มีผลไม้อยู่มากมาย ยกตัวอย่างเช่นมะละกอที่ปลูกอยู่ตามขอบพื้นที่ต่างๆ มีลูกดกมากมาย แต่ก็ยังไม่ได้เก็บไปกินจนต้นโล้น ผมสังเกตุว่ามะละกอทุกต้นก็จะมีลูกติดอยู่ ความรู้สึกที่ว่าอีสานแห้งแล้งกันดารขาดแคลนทรัพยากรของผมเมื่ออดีตถูกทำลายลงอย่างย่อยยับตั้งแต่มาที่นี่ครั้งที่แล้ว ทำให้ผมได้เข้าใจว่าการเป็นอยู่ที่ดีนั้นเกิดจากการบริหารอย่างแท้จริง เมื่ออยู่กับธรรมชาติ ก็ต้องบริหารอย่างธรรมชาติเท่านั้นจึงจะอยู่รอดได้อย่างปกติสุข

กิจกรรมในยามเช้าแบบนี้เราก็จะมาปลูกแตงโมกันครับ หลังเกี่ยวข้าวเสร็จชาวนาที่นี่ก็จะปลูกแตงโม ซึ่งจะทำการไถกลบฟางให้ย่อยสลายในดินและนำเมล็ดแตงโมมาปลูก โดยไม่ต้องรดน้ำตลอดระยะเวลาการปลูก เพราะแตงโมเหล่านี้เขาให้กินน้ำค้างในหน้าหนาวเอาครับ ง่ายๆก็คือน้ำค้างก็เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของแตงโมในฤดูนี้แล้ว ลองคิดกันดูว่าทุนเท่าไหร่ ที่เหลือก็กำไรจากผลผลิตล้วนๆครับ และที่สำคัญเขาว่าแตงโมน้ำค้างนี่หวานมากๆเสียด้วย ซึ่งอาจจะมีกิจกรรมเก็บแตงโมซึ่งจัดโดยทีวีบูรพาและเครือข่ายในปีหน้าก็ได้ ยังไงก็ลองติดตามกันดูนะครับ

ปลูกแตงโม
ปลูกแตงโม

วิธีปลูกแตงโมก็ง่ายๆครับ หลุมหนึ่งสองเมล็ดระยะห่าง 1 เมตร รอบทิศโดยประมาณ คนเดียวก็สามารถปลูกได้ในพื้นที่กว้างโดยใช้เวลาไม่นานนัก การปลูกพืชนั้นก็เป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยากสามารถสอนกันได้ง่าย การเคลื่อนไหวก็ศึกษากันได้ ถ้าให้ดีก็มาพัฒนากันตามหลัก motion study ได้ แต่จริงๆไปจริงจังกับมันมากก็เปลืองสมองเปล่าๆ เอาแค่พอดีๆ ปลูกกันขำๆ ทำเท่าที่จะทำได้ก็พอครับ

ข้าวต้ม ข้าว 150 สายพันธุ์ ข้าวโพด ฟักทอง แครอท และไข่ดาว
ข้าวต้ม ข้าว 150 สายพันธุ์ ข้าวโพด ฟักทอง แครอท และไข่ดาว

หลังจากปลูกแตงโมกันแล้ว ก็กลับมากินข้าวต้มครับ เป็นข้าวสารพัดสี ผมคิดว่าน่าจะเป็นข้าว 150 สายพันธุ์ รวมกับข้าวโพด แครอท ฟักทอง โปะหน้าด้วยไข่ดาวหรือไข่ตามแต่ตามใครจะใส่ครับ ข้าวต้มนี่มีรสชาติกลมกล่อมไม่ต้องปรุงเพิ่มครับ ทานได้เรื่อยๆ ผมเติมไปสามชาม กะว่าจะอยู่ยาวถึงบ่ายๆได้เลย  ข้าวบนถนนตอนแรกคิดว่าจะไม่กินแล้วเพราะอิ่มน้ำข้าวกล้องงอกอยู่เลย แต่พอได้ลองแล้วก็ติดใจ อยากซึมซับรสชาติแบบนี้เพิ่มอีกจนต้องกลายเป็นตักสามรอบกันเลย

หลังจากกินข้าวต้มกันเสร็จ เราก็จะเดินทางไปลงแขกเกี่ยวข้าวกันนะครับ ซึ่งแปลงนาที่เราจะไปเกี่ยวข้าวนั้นก็อยู่ห่างจากศูนย์ข้าวคุณธรรมไปไม่ถึง 10 นาทีหากเดินทางโดยใช้รถ ระหว่างทางก็จะเห็นชาวนาระหว่างทางเอาข้าวขึ้นมาตากบนถนน หรือที่เขาเรียกว่าข้าวรถเหยียบ รึเปล่าผมก็ไม่แน่ใจนัก แต่ที่แน่ๆก็เป็นตัวบ่งบอกว่าถนนนี้ไม่ค่อยจะมีรถวิ่งครับ

ข้าวที่เกี่ยวด้วยรถเกี่ยวข้าว
ข้าวที่เกี่ยวด้วยรถเกี่ยวข้าว

ระหว่างทางก็มองไปที่นาข้างทางนะครับ นาแบบในรูปนี้เขาใช้รถเกี่ยวเลยดูแถวเป็นเป็นแนวครับ การใช้รถเกี่ยวข้าวทำให้ผลผลิตบางส่วนเสียไปในกระบวนการเกี่ยวข้าวโดยใช้รถครับ เอาง่ายๆว่ามีร้อยได้ไม่เต็มร้อย แต่ก็มีข้อดีที่เกี่ยวได้ไวครับ สำหรับชาวนาที่มีข้าวหลายๆไร่แต่ไม่สามารถหาแรงงานมาช่วยกันเกี่ยวได้ก็อาจจำเป็นต้องใช้รถเกี่ยวข้าวครับ

เสน่ห์ไม้ริมนาแต่การเกี่ยวข้าวโดยใช้คนเกี่ยวจะทำให้ได้ข้าวที่มีคุณภาพและปริมาณมากกว่าเมื่อเทียบกับผลผลิตที่ได้ในพื้นที่เท่ากันครับ แต่ข้อเสียก็คือการใช้คนเกี่ยว ซึ่งดูๆแล้วจะต้นทุนสูงกว่าเครื่องจักรในปัจจุบัน

เมื่อเดินทางมาถึงแปลงนาเป้าหมายของเรา ก็จะเตรียมตัวกันเล็กน้อยครับ ใครมีหมวกก็ใส่หมวกใครมีผ้าก็โพกผ้าไว้หน่อยกันแดดเผา ระหว่างรอเพื่อนๆสมาชิกคันอื่น ผมก็มองไปเห็นต้นไม้ใหญ่ริมนา ไม่รู้ด้วยเหตุผลอะไรผมจึงชอบต้นไม้ใหญ่ริมนาที่ผลัดใบมากๆ อาจจะเพราะมันสวย มันโดดเด่น หรืออะไรก็ได้ แต่ต้นไม้ที่เหี่ยวแห้งริมนามักจะตกเป็นเป้าหมายของกล้่องผมเป็นประจำครับ

พักทานน้ำก่อนถ่ายรูปหลังจากที่ทุกคนมาพร้อมกันแล้ว เราก็จะมาลงแขกเกี่ยวข้าวกัน โดยจะมีพ่อแม่ชาวนาคุณธรรมร่วมเกี่ยวข้าวและคอยแนะนำให้ความรู้และประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการลงแขกเกี่ยวข้าวอยู่ตลอด ทำให้ได้ทั้งทำกิจกรรมและได้ความรู้ไปในตัวเลยทีเดียว สำหรับในวันนี้ผมใส่กางเกงขาสั้นมาเกี่ยวข้าว เพราะอยากรู้ว่ามันจะคันรึเปล่า สรุปเกี่ยวไป ลุยข้าวไป ก็ไม่เห็นคันเลย ยุงกัดยังคันมากกว่าหลายเท่า ทิ้งไว้เป็นแค่ความรู้ครับ ถ้าลงเกี่ยวข้าวครั้งหน้าก็ขายาวอยู่เพราะอยากลองเพียงแค่อยากรู้เท่านั้น สำหรับวันนี้โชคยังเข้าข้างเหมือนเคยที่มีเมฆมาช่วยบังสร้างร่มเงาให้แม้จะไม่มีเงาต้นไม้

หลังจากเกี่ยวข้าวกันพอได้เวลาอันเหมาะสม เราก็มาพักทานน้ำและถ่ายรูปหมู่รวมกันเป็นที่ระลึก ของกิจกรรมในครั้งนี้ครับ การเดินทางไปกับทีวีบูรพาก็ดีตรงนี้แหละ มีตากล้องคอยเก็บภาพให้เราตลอด ปกติผมไปเที่ยวเองก็ต้องเป็นตากล้องเลยไม่ค่อยมีรูปกับเขา แต่ถ้ามาแบบนี้รับรองมีรูปสวยๆแน่ๆ ส่วนจะมากจะน้อยค่อยวัดกันอีกที

ไก่ในบ้าน

หลังจากที่ลงแขกเกี่ยวข้าวกันเสร็จแล้ว เราก็จะกลับมาบ้านพ่อประมวลเพื่อ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และเก็บของเตรียมที่จะเดินทางกลับ ระหว่างรออาบน้ำพ่อประมวลก็พาเดินดูรอบบ้าน มีไก่ที่อยู่ในห้องไก่ เป็นไก่ที่เลี้ยงแบบมีพื้นที่ให้เดินไปเดินมาอยู่บ้าง พ่อประมวลบอกว่าถึงจะเปิดไว้ มันก็ไม่ออกมา ถึงจะออกมาเดี๋ยวก็กลับไปเอง

ไก่ที่นี่เลี้ยงในพื้นที่จำกัด แต่ไม่จำกัดอิสระของไก่ ไก่สามารถเดินไปเดินมาในระยะ 2*3 เมตร ได้ โดยไก่เหล่านี้จะให้ไข่เกือบทุกๆวัน โดยจะมีตะกร้าแขวนไว้ ซึ่งเวลาไก่จะมาออกไข่ก็จะเข้าไปออกในตะกร้าทำให้จัดเก็บได้ง่าย  และเดินดูต่อไปที่ถังหมัก หมักแตงโม หมักหอยเชอรี่ เพื่อทำน้ำหมักไว้ใช้ในหลายๆโอกาส รวมถึงแนะนำรถไถซึ่งมีอายุใช้งานมาหลายปี เรียกได้ว่าคุ้มเกินคุ้ม เป็นวิถีของชาวนาที่กินอยู่อย่างพอเพียงมีน้่อยใช้น้อย มีมากใช้น้อย ชีวิตก็เลยเรียบง่ายและเป็นสุข สังเกตุได้จากรอยยิ้มของพ่อแม่ชาวนานั่นเอง

ผักกาดสร้อย

หลังจากอาบน้ำเก็บของกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็จะกลับมาทานข้าวกลางวันกันที่ศูนย์ข้าวคุณธรรมกันครับ มื้อกลับนี่ค่อนข้างยิ่งใหญ่มากทีเดียว มีของกินมากมาย โดยเฉพาะไก่ย่าง?? ผมเองมาร่วมกิจกรรมในครั้งที่แล้วกินแต่มังสวิรัติตลอด 3 วันก็ยังเฉยๆ พอเดินทางมาในครั้งนี้่ เป็นปลาเห็นไก่แล้วก็แอบตกใจเล็กน้อยครับ ก็คือผมไม่ได้คาดหวังว่าจะได้กินมันครับ ในทางกลับกันก็เกิดความรู้สึกว่าไม่ค่อยจะอยากกินมันด้วยซ้ำ แต่ไหนๆมันก็ตายแล้ว จะให้ตายเปล่าก็ยังไงอยู่ สุดท้ายก็รับปลารับไก่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผมครับ

ผักด้านบนเขาว่าเป็นผักกาดสร้่อยครับ เป็นผักที่มีรสชาติและกลิ่นฉุนคล้ายวาซาบิ ผมเองเป็นคนชอบกลิ่นของวาซาบิอยู่แล้วเลยลองกันเพลินเลย ของดีมีทั่วไทยจริงๆครับ ปัญหาอยู่ที่รู้ไม่รู้นั่นแหละ

ป้ายกิจกรรมรอถ่ายรูปหมู่หลังกินข้าวก็มีกิจกรรมกันเล็กน้อย โดยมีการแจกเสื้อครับ สำหรับผมนั้นลืมไปได้เลยเพราะไม่มีขนาดพอตัว แม้จะอยากได้เท่าไรก็คงต้องรอซื้อกันตอนเขาออกงานออกบูธกันครับ ถึงตอนนั้นก็คงจะมีให้เลือกหลายขนาดหลายลาย

เครือข่ายฅนกินข้าวเกื้อกูลชาวนาแล้วก็จะมีการถ่ายภาพหมู่ครับ เก็บภาพประทับใจแจกของที่ระลึกกันไป สำหรับเหล่าสมาชิกผู้ร่วมกิจกรรมก็จะได้ข้าวใหม่ๆ เป็นของที่ระลึกให้ไปหุงหอมกินกันที่บ้านให้ระลึกถึงกลิ่นหอมของบ้านนากันต่อไป สำหรับประสบการณ์ที่ได้รับนั้นอาจจะแตกต่างกันไปตามผู้รับครับ แต่คิดว่าทุกท่านที่ไปคงจะเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกดีๆในหลายด้านอย่างแน่นอน

ผมเองไม่คิดว่าจะได้มาในกิจกรรมนี้เพราะยังจัดการงานตัวเองยังไม่เสร็จ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจมาอีกครั้งเพื่อที่จะมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่หายากยิ่ง นั่นคือการลงแขกเกี่ยวข้าว  ผมเองเป็นนักออกแบบอิสระ ยังพอจัดสรรเวลาและปรับตารางงานได้บ้าง สุดท้ายก็ต้องบอกว่าทุกครั้งที่มาได้รับสิ่งที่ยากเกินกว่าจะจินตนาการได้ทุกที จะว่าเหมือนครั้งก่อนก็ไม่ใช่ มันแตกต่างกันแต่ก็มีส่วนคล้ายกันอยู่บ้าง สำหรับส่วนที่เหลือผมคงจะทิ้งไว้ในอีกบทความหนึ่งซึ่งจะเป็นบทสรุปของความคิดของผมต่อสิ่งที่ได้รับจากกิจกรรมในครั้งนี้ครับ

 

เรื่องราวการเดินทางทั้งหมดก็จบเพียงเท่านี้ อ่านบทสรุปเพิ่มเติม…

 

หว่านข้าวสู่ผืนนา หว่านศรัทธาสู่หัวใจ เดินทางวันแรก

เริ่มต้นอีกครั้งกับทริปเดินทางไกลกับ กิจกรรม “หว่านข้าวสู่ผืนนา หว่านศรัทธาสู่หัวใจ” โดยทีวีบูรพา ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่ผมได้เดินทางไปกับทีมงานทีวีบูรพา

เราเริ่มต้นวันด้วยการตื่นเช้าๆพอประมาณเพราะว่าบ้านอยู่ใกล้ทีวีบูรพา ก็เลยไม่ได้เร่งรีบเท่าไรนัก ของทุกอย่างถูกจัดไว้ลงกระเป๋าหมดแล้วเตรียมพร้อมที่จะเดินทางออกไปเรียนรู้วิถีชาวนาคุณธรรมอย่างที่ตั้งใจไว้

เริ่มต้นการเดินทางที่ทีวีบูรพา
เริ่มต้นการเดินทางที่ทีวีบูรพา

เวลาที่ผมมานั้นไม่เร็วไม่ช้า แค่มีคนมาก่อนแล้วประมาณ 70% เท่านั้นเอง ไปถึงก็มีทีมงานเข้ามาทักทาย และมีบทสนทนาเล็กน้่อยระหว่างคุณแม่ของผมที่มาส่งพร้อมกับมาทักทายเพื่อนสมาชิกด้วย (แม่ผมเป็นรุ่นแรกที่ไป)

ลงทะเบียนและทานของว่าง
ลงทะเบียนและทานของว่าง

หลังจากลงทะเบียนก็ได้รับเสื้อมา แต่ไม่ได้เสื้อเหมือนชาวบ้านเขาเพราะไม่มีขนาดที่เหมาะกับตัว ซึ่งถ้าจะทำตัวให้เหมาะกับเสื้อคงยากเลยได้เสื้ออีกลายติดมา กินขนมและดื่มกาแฟรอเพื่อนสมาชิกมาครบ ระหว่างนี้ก็มีสมาชิกที่เหลือทยอยกันมา สมาชิกรุ่นเก่าก็ทักทายกัน ส่วนผมก็สังเกตุสิ่งรอบตัวไปตามนิสัย

แวะทานอาหารเช้าริมทาง
แวะทานอาหารเช้าริมทาง

เราแวะพักทานข้าวเช้าที่ร้านข้าวสามสี อยู่ตรงไหนก็ไม่รู้เหมือนกันรู้แค่ระหว่างทางเพราะเวลาไม่ได้ขับรถเองนี่มันเพลินมากๆแอบหลับตาไปบ่อยๆ ร้านข้าวสามสีก็ตกแต่งร้านสบายๆสวยดี และที่สวยที่สุดคือดอกไม้ที่บานอยู่ท่ามกลางบรรยากาศง่วงๆยามเช้าของผม

มุ่งสู่ ลาวใต้
มุ่งสู่ ลาวใต้

นั่งรถมาเรื่อยๆ มาถึงไม่รู้เมื่อไหร่ ประมาณบ่ายๆ เราถึงปั้มที่มีชื่อว่า บี อาร์ วาย ปิโตรเลียมอะไรนี่แหละ มีป้ายแสดงแผนที่ให้ดูอยู่ก็มายืนมอง ผมเองไม่เคยไปไหนไกลเกินโคราชเลยเท่าที่จำความได้ แต่ที่จำความไม่ได้จริงๆคือผมไปมาทั่วทิศของไทยแล้ว แค่จำไม่ได้แค่นั้นเอง…

เป้าหมาย อ.ป่าติ้ว จังหวัดยโสธร
เป้าหมาย อ.ป่าติ้ว จังหวัดยโสธร

เป้าหมายของเราอยู่ที่ อำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร จากกำหนดการก็จะเห็นว่าใช้เวลาเดินทางร่วมวันเลยครับ ไกลมากๆ จากที่คาดการณ์ไว้น่าจะถึงตอนเย็นๆครับ

วิถีชีวิตระหว่างทาง
วิถีชีวิตระหว่างทาง

ระหว่างทางก็มีสิ่งที่ชาวคณะได้ฮือฮา นั่นคือความเสี่ยงบนรถของเด็กน้่อย ผมมองไปก็นึกถึงรถไฟในอินเดียนะ ภาพประมาณนี้เลย ส่วนทำไมอะไรที่ทำให้เด็กๆขึ้นไปนั่งด้านบนโดยไม่กลัวก็คงจะเป็นความเคยชิน ส่วนเหตุที่ต้องเคยชินนั้นมาจากอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าจริงๆแล้วมันก็คงจะปลอดภัยในระดับหนึ่งละนะไม่งั้นคงมีข่าวหรือไม่ก็เลิกนั่งกันไปนานแล้ว

ถึงที่หมาย ทักทายกันก่อน
ถึงที่หมาย ทักทายกันก่อน

เมื่อมาถึงก็เข้ามานั่งพักยืดเส้นยืดสายกันก่อน มีการทักทายจากชาวนาคุณธรรมที่มาต้อนรับกันด้วยอารมณ์ขำขัน ช่วยลดความตึงของกล้ามเนื้อที่นั่งรถมานานได้ดีทีเดียว

น้ำหญ้าม้า หอมหวานด้วยน้ำผึ้งและมะนาว
น้ำหญ้าม้า หอมหวานด้วยน้ำผึ้งและมะนาว

น้ำดื่มต้อนรับ หรือ Welcome drink! หมายถึงมันจะมีเฉพาะต้อนรับใช่ไหม? จริงๆผมอยากดื่มทุกเวลาเลยนะ เพราะเป็นน้ำหญ้าม้าผสมด้วยน้ำผึ้งและมะนาว หรือผสมอื่นๆอะไรก็ไม่ทราบ แต่มันคือน้ำสมุนไพรที่ดื่มง่ายคล่องคอจนอยากจะขอต่ออีกขวดทีเดียว

ที่พักของผม ธนาคารเมล็ดพันธุ์
ที่พักของผม ธนาคารเมล็ดพันธุ์

บ้านพักของเหล่าชายหนุ่มนะครับ จะอยู่ที่ธนาคารเมล็ดพันธุ์ครับเขาปัดกวาดให้อย่างสะอาด และเตรียมที่นอน หมอน ผ้าห่มไว้ให้อย่างดีเลย สรุปถุงนอนที่ผมเอามาก็เลยมาเสริมเป็นหมอนอีกใบหนึ่งไปเลยครับสบายดี หลังจากเราเก็บของแล้วก็จะมีกิจกรรมตอนเย็นอีกนิดหน่อย

เห็นโล่งๆแบบนี้ นี่วัดป่านะ ดูจากทางเข้ามา
เห็นโล่งๆแบบนี้ นี่วัดป่านะ ดูจากทางเข้ามา

ระหว่างเดินเล่น เห็นเป็นที่โล่งๆแบบที่ถ่ายมานี่ จริงๆเราอยู่ในวัดป่านะครับ จากถนนใหญ่เข้ามามีแต่ป่าครับ มาโล่งเอาข้างในนี่แหละ กลิ่นดินกลิ่นหอมไม้ป่าลอยเต็มบรรยากาศทีเดียว

ศาลาไทวัตรลานกิจกรรมหลัก
ศาลาไทวัตรลานกิจกรรมหลัก

ลานกิจกรรมหลักของเราคือใต้ศาลาไทวัตรครับ ระหว่างที่เก็บของอยู่ใครจะเดินไปดูอะไรก็ตามสะดวกครับ ผมก็เลยเดินตามชาวนาคุณธรรมท่านหนึ่งไปชมสวนครับ สำหรับสวนที่พาไปชมก็มีพืชผักหลายชนิดครับ ส่วนใหญ่ก็เป็นผักครับ เพราะผักสามารถเด็ดมาประกอบอาหารได้บ่อยๆ ไม่เหมือนผลไม้ที่มาเป็นชุดๆกินไม่ค่อยทัน

ต้นกล้วยระหว่างเดินชมสวน
ต้นกล้วยระหว่างเดินชมสวน

ต้นกล้วยที่เห็นในรูปนี้ ต้นจริงต้องบอกว่าทรงของมันสวยมาก ถ้าจะให้เทียบก็คงเหมือนพิน โบลิ่งละนะครับ อีกอย่างต้นมันใหญ่มากทีเดียว ตอนที่ไปนี่ไม่เห็นลูกครับ แล้วก็ไม่รู้ว่ากล้วยอะไรด้วย ทิ้งไว้เป็นปริศนาต้นไม้ต่อไป

อาหารเย็น ไม่บอกก็ไม่รู้ว่าทั้งหมดคือมังสวิรัติ
อาหารเย็น ไม่บอกก็ไม่รู้ว่าทั้งหมดคือมังสวิรัติ

มื้อเย็นครับ อาหารทั้งหมดเป็นมังสวิรัติละครับ และทั้งทริปนี้ก็เป็นมังสวิรัติทั้งหมดด้วย บอกตรงๆว่าเกิดมาไม่เคยกินเลย แม้แต่กินเจก็ไม่เคยครับ(หรือเคยก็จำไม่ได้) มาคราวนี้ละได้ 3 วันก็ดีนะครับ กินก็ได้แรงแถมยังรู้สึกดีต่อร่างกายด้วย มีเห็ด มีผัก และข้าวอินทรีย์ครับ อร่อยทุกมื้อเลยทีเดียว

ต้องพิจารณาอาหารกันก่อนนะครับ
ต้องพิจารณาอาหารกันก่อนนะครับ

ก่อนจะทานอาหารเขาก็จะให้พิจารณาอาหารกันก่อนนะครับ เป็นบทพิจารณาอาหาร ซึ่งมีเนื้อความดังนี้

บทพิจารณาอาหาร

กินข้าวเคี้ยวทุกคำ เราจดจำกินเพื่อชาติ

อย่ากินอย่างเป็นทาส เหงื่อทุกหยาดของชาวนา

จงกินเพื่อเป็นไท กินด้วยใจที่รู้ค่า

บรรพบุรุษสร้างสืบมา ร่วมรักษาคุณความดี

ขยันงานการสร้างสรรค์ มีสัมพันธ์ฉันท์น้องพี่

สมัครสมานสามัคคี อุทิศพลีเพื่อชาติไทย

ขอขอบพระคุณชาวนาที่ปลูกข้าวให้พวกเรารับประทาน

และขอขอบพระคุณพ่อครัวแม่ครัว

ที่ทำอาหารให้พวกเรารับประทานในมื้อนี้

พวกเราจะทำแต่ความดีตอบแทนพระคุณ…สาธุ

หลังจากทานอาหารค่ำกันแล้ว เราก็จะไปสวดมนต์กันนะครับ ซึ่งตอนสวดเขาให้นั่งท่าเทพบุตร สุดท้ายนั่งไม่ค่อยรอดเนื่องจากไม่ค่อยได้นั่งทำให้เท้าไม่แข็งแรงรับน้ำหนักไม่ไหว ต้องกลับไปนั่งพับเพียบท่าที่เหมาะกับคนน้ำหนักเยอะเหมือนเดิมครับ จากวันนี้พบว่าต้องหาวิธีใหม่ในการนั่งท่าเทพบุตรซะแล้ว…ดูเป็นเรื่องเล็กที่น่าหนักใจจริงๆ

จบคืนนี้นอนกันแบบกึ่งธรรมชาติ
จบคืนนี้นอนกันแบบกึ่งธรรมชาติ

หลังจากหลวงพ่อนำสวดมนต์แล้วทางทีมงานก็ให้แนะนำตัวกันนิดหน่อย ก่อนจะแยกย้ายกลับไปนอนกันครับ ก่อนนอนก็แยกกันไปอาบน้ำกันตามสะดวกใครชอบห้องน้ำห้องไหนก็เข้าห้องนั้น ห้องน้ำที่นี่มีที่ให้นั่งพักด้วย แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา ประมาณว่าอาบน้ำเหนื่อยๆก็นั่งพักเสียก่อนประมาณนั้น

ทริปนี้เรานอนกันแบบกึ่งธรรมชาติครับ คือใช้ความเย็นจากบรรยากาศรอบๆ เท่านั้นบอกแล้วดูเหมือนร้อน แต่เอาเข้าจริงไม่นานผมก็หลับก่อนชาวบ้านเขาเลยครับ

สวัสดี