โปรตีนเกษตร และ เนื้อสัตว์เทียม กับ การกินมังสวิรัติ

ประเด็นเนื้อสัตว์เทียม หรือโปรตีนเกษตรนั้น ก็คงเป็นเรื่องที่คนไม่กินมังสวิรัติ ไม่กินเจ ให้ความสนใจ ว่าในเมื่อคนที่อยากลด ละ เลิกเนื้อสัตว์แล้ว ยังต้องแสวงหาสิ่งเทียมเนื้อสัตว์อยู่อีก ทำไมไม่กินผักไม่กินวัตถุดิบที่ไม่พาให้ออกจากเนื้อสัตว์ไปไกลๆ ทำไมยังวนเวียนอยู่กับรสสัมผัสที่คล้ายเนื้อสัตว์อยู่อีก

ชาวมังสวิรัติและชาวเจก็คงจะคุ้นเคยกับโปรตีนเกษตรดี แต่จะมีใครรู้ว่า กิเลสตัวใดที่ซ่อนอยู่ภายในสิ่งเทียมเนื้อสัตว์เหล่านี้ ผมได้แบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ในมุมมองของผม เป็นความคิดเห็นของผู้ที่ไม่เคยสนใจโปรตีนเกษตรหรือสิ่งเทียมเนื้อสัตว์เหล่านี้ แต่ก็ต้องกลับมาพิจารณาถึงการมีอยู่ของมันอีกที เพื่อตอบคำถามในประเด็นเหล่านี้

อ่านต่อได้ที่บทความ : โปรตีนเกษตรและเนื้อสัตว์เทียมกับการกินมังสวิรัติ
โปรตีนเกษตรและเนื้อสัตว์เทียมกับการกินมังสวิรัติ

อ่านบทความอื่นๆ แนะนำ ติชม ทักทายกันได้ที่…

Facebook : ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์

Blog : Minimal life : Dinh Airawanwat

จากเริ่ม จนจบที่มังสวิรัติ

แสงยามเช้า

เมื่อปีกว่าๆ ที่ผ่านมา ผมเองก็ยังเป็นคนทั่วไป กินอยู่อย่างคนทั่วไป มื้ออาหารทุกมื้อประกอบไปด้วยเนื้อสัตว์เป็นเรื่องปกติทั่วไป ผมใช้ชีวิตแบบทั่วไปแบบนี้มาทั้งชีวิต จนกระทั่งทุกวันนี้ ไม่มีเนื้อสัตว์ในมื้ออาหารของผมมานานหลายเดือนแล้ว…

ชีวิตที่ผ่านมา บอกตรงๆ ว่าไม่เคยสนใจเรื่องมังสวิรัติเลย แม้แต่กินเจก็ไม่เคยกิน ไม่สนใจ ไม่เข้าใจ กินไปทำไม…

จนกระทั่งต้นปี 2556 เพื่อนชวนไปค่ายสุขภาพของหมอเขียว จริงๆก็ไม่ได้สนใจสุขภาพอะไรหรอกนะ พอดีว่าว่าง หาอะไรทำ ก็เลยไปกับเขา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในค่ายมีอะไร ให้ทำอะไร ทำไปเพื่ออะไร จะได้อะไร ก็รู้แค่ว่าดีกว่าอยู่บ้าน

การไปค่ายสุขภาพครั้งนั้นได้ก็นำความเปลี่ยนแปลงมาสู่ชีวิตผมอย่างรุนแรง ความรู้ที่ได้รับจากค่าย ทำให้ผมเข้าใจทุกข์ โทษ ภัย ผลเสีย ของการที่เรายังอยากกินเนื้อสัตว์ ทั้งต่อสุขภาพในระยะยาว และอื่นๆอีกมากมาย แน่นอนว่าผมไม่อยากเป็นคนแก่ที่นอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาล อย่างน้อยที่สุดก็อยากจะสุขภาพดีเท่าที่ทำได้ละนะ

บนยอดเขา

กินมังสวิรัติแล้วดียังไง?

จะว่าไปการกินมังสวิรัติเพื่อสุขภาพก็เป็นเหตุผลรองๆ ที่ผมให้ความสำคัญ แต่ก็ได้รับสิ่งที่เห็นผลของการกินมังสวิรัติได้อย่างชัดเจน นั่นคือน้ำหนักลด ซึ่งโดยปกติแล้ว ผมเองเป็นคนที่ไม่ออกกำลังกาย จะขี้เกียจๆไปออกกำลังกายตามแบบที่เขาทำกันด้วยซ้ำ ดังนั้น น้ำหนักที่ลดจนเป็นหลักฐานให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน มาจากการปรับอาหารล้วนๆ ไม่มีกิจกรรมอื่นใดปนเลย

ลดน้ำหนัก

การปรับอาหารมากินมังสวิรัติ ทำให้น้ำหนักของผมลด จากช่วงที่เกือบจะเลย 100 กิโลกรัม ลงมาเหลือราวๆ 80 ปลายๆ และลดลงมาอีกช่วงใหญ่ๆ เมื่อปรับมื้ออาหารให้พอดี เท่าที่จำเป็นในชีวิตจริงๆ ถ้าจะนับผลของการกินมังสวิรัติที่นำมาซึ่งน้ำหนักที่ลดลงของผม ก็คง ราวๆ 10 กิโลกรัม แค่นี้ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้วสำหรับร่างกายที่เบาสบายขึ้น

เป็นการลดน้ำหนักโดยที่ไม่ต้องเสียเงิน เสียแรง เสียเวลา แถมยังประหยัดเงิน ได้สุขภาพภายในที่ดีขึ้นมาอีก ดีไหมล่ะ

ความยุ่งยากในชีวิตที่ลดลง เป็นอีกหนึ่ง ข้อดี คือไม่ต้องลำบากไปหาเนื้อมากิน ไปสรรหาร้านเนื้ออร่อยๆ ไม่ต้องสนใจว่าร้านนี้จะมี หมู ไก่ เนื้อ หรืออะไรยังไง ไม่ต้องคิดมาก หลายคนอาจจะคิดว่ากินผักยุ่งยาก ซึ่งปกติในชีวิตเราก็กินผักกับเนื้อปนกันอยู่แล้ว อันนี้ก็แค่เลิกกินเนื้อ แต่ผักก็ยังกินปกติอยู่นั่นแหละ แค่ลดจากแบบชาวบ้านทั่วไปลงมา สะดวกกว่าเดิมเยอะ

อาหารพื้นบ้าน

อย่างกรณีที่ได้ลดความยุ่งยากในชีวิต คือ ตอนผมไปเช่าบ้านอยู่ที่ปากช่อง ไม่มีตู้เย็น หากว่ายังติดเนื้อสัตว์อยู่ชีวิตก็คงลำบากแน่ๆ ไหนจะต้องซื้อตู้เย็นมาเป็นภาระอีก แต่การเก็บผักนั้นไม่ยากเลย เอามาวางๆไว้ อย่างมากก็แค่เหี่ยวนิดหน่อย แต่ก็ยังกินได้ ยิ่งกะหล่ำปลีนี่เก็บไว้ได้หลายวันเลย ถือว่าการกินมังสวิรัติช่วยให้ชีวิตผมตอนอยู่ต่างถิ่นมันง่ายและสะดวก คล่องตัวขึ้นมาก

สุขภาพดี เป็นอีกสิ่งที่เกิดขึ้นแน่นอน แต่จะเกิดขึ้นจากภายในมากกว่า เพราะร่างกายไม่ต้องลำบากมาย่อยเนื้อสัตว์ที่ย่อยยาก กินแต่ละทีอืดเป็นวันๆ ทำให้เหลือพลังงานในการเอาไปซ่อมแซม บำรุงส่วนที่สึกหรออื่นๆ จนทำให้มีความ สุขสบาย เบากาย มีกำลัง รวมทั้งสบายใจที่ได้จากการลด ละ เลิกการกินเนื้อสัตว์อีกด้วย

เห็ด

กินแล้วมีความสุขไหม?

ผมได้คุยกับคนหลายคน ซึ่งเขามองว่าการกินมังสวิรัติลำบาก ไม่อร่อย ทรมานตัวเอง ยังอยากมีความสุขอยู่ ฯลฯ …จริงๆผมเองก็อยากมีความสุขเหมือนกันนะ…

แต่ก่อน …ผมก็เป็นคนชอบกินเนื้อมาก คอหมูย่าง เนื้อย่าง ไก่ย่าง ยิ่งติดมันหวานๆ นี่ยิ่งชอบ สเต็ก ปลาดิบ ซีฟู้ด อะไรต่างๆนาๆ นี่ของโปรดเลย …แล้วถ้ามันกินแล้วมันเป็นสุขแล้วผมจะเลิกกินทำไม ผมกินไปเรื่อยๆ ก็มีความสุขไปเรื่อยๆ มันน่าจะเป็นอย่างนั้นสิ…

จนกระทั่งวันที่ได้พบกับ ความรู้สึกที่ว่า “ สุขกว่าเสพ ” นี่แหละ ที่ทำให้ผมมั่นใจที่จะเลิกกินเนื้อสัตว์ อย่างน้อยมันก็สุขมากพอที่จะทำให้ผมยอมทิ้งสุขที่เคยได้รับเมื่อตอนกินเนื้อละนะ ความรู้สึกนี้อาจจะยากสักหน่อยที่จะเข้าใจ จนกว่าวันที่ใครสักคนยินดีที่จะละเนื้อสัตว์ด้วยใจที่สบายๆ แม้จะเห็นคนอื่นกินต่อหน้าก็ไม่ได้อยากกิน หรือทุกข์ใจอะไร ก็ตอนนั้นแหละคงจะพอ รู้สึกเองว่า “อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง

แดดยามเย็น

และสิ่งที่แน่นอน คือ มีความสุข …ความรู้สึกดีๆ นี้เกิดขึ้นได้ หลังจากลด ละ เลิก กินเนื้อสัตว์ เชื่อไหมว่าช่วงที่พยายามจะเลิก ผมรู้สึกผิดทุกครั้งเวลาขับรถไปแล้วเห็นรถขนหมู รถขนวัว ผมรู้ว่าปลายทางของมันจะไปที่ไหน และรู้ตัวดีว่าผมเองคือเหตุหนึ่งที่ผลักดันมันไปสู่ที่นั่น

เมื่อเราเลิกกินเนื้อสัตว์ได้แล้ว การเบียดเบียนจึงไม่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม ผมสามารถมองสัตว์เหล่านั้นด้วยความรู้สึกธรรมดาๆ อย่างที่สัตว์โลกเห็นกันทั่วไป ไม่ต้องรู้สึกผิดเหมือนเคย เป็นความสบายใจที่ได้รับมาจากการเลิกกินเนื้อสัตว์ หรือที่ใครๆเขาเรียกกันว่า “ บุญ

วัวข้างทาง

กินมังสวิรัติแล้วอยู่ได้ยังไง?

หลายๆ คนมักจะมองว่า การกินมังสวิรัติ ทำให้ไม่มีแรง เพลีย อ่อนล้า หิว อะไรก็ว่ากันไป ผมเองทดลองกินมังสวิรัติและกำหนดช่วงเวลาทำงาน คือการใช้แรงงาน รวมถึงงานที่ใช้สมองรวมอยู่ด้วย

ผมตื่นตั้งแต่เช้า ราวๆ  7 โมง ก็ขับรถไปที่ไร่เพื่อทำงาน ซึ่งตอนนั้นเป็นงานขุดแปลงผัก สักประมาณ 11 โมงก็กลับมาทำกับข้าวกิน พักสักครู่ใหญ่ๆ บ่าย 1 ก็ออกไปขุดต่อ ขุดเรื่อยๆเหนื่อยก็พัก ตกเย็นก็กลับบ้าน มาทำงานออกแบบที่ในส่วนของพื้นที่ใช้สอยต่างๆ มุมต่างๆของที่ และนอนเวลา 3 ถึง 5 ทุ่มโดยประมาณ

ต้นอ่อนฟักทอง

ผลการทดลองออกมาก็อยู่ได้ตามปกติ มีแรงทำงาน มีสมองออกแบบ แถมยังฟุ้ง จินตนาการบรรเจิด จนบางทีทำให้นอนดึกกว่าปกติก็มี ทั้งหมดนี้ ผมกินมังสวิรัติ และ กินมื้อเดียว ต่อวัน ไม่ได้ดื่มน้ำผลไม้ หรือนม นอกมื้อดื่มเพียงแค่น้ำเปล่า เท่านั้น

อ่านมาจนถึงตรงนี้ ก็คงจะตอบได้แล้วว่า การกินมังสวิรัติก็สามารถทำให้ดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างปกติ เหมือนทั่วๆไปละนะ

วิธีกินมังสวิรัติ

การเปลี่ยนมาสู่การกินมังสวิรัติในทันที ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ ต้องอาศัยพลังในการอดทนและความรู้ในการเข้าถึงประโยชน์ของการกินมังสวิรัติอย่างมาก การเริ่มกินในเบื้องต้นก็ควรจะเริ่มจาก ลด ละ เลิก เนื้อสัตว์ไปตามลำดับ

มังสวิรัติ-ซื้อกิน

แรกๆก็อาจจะเริ่มจากการ ลด ลดปริมาณการกินเนื้อลง จากที่เคยกินเนื้อเยอะๆ ก็ลดปริมาณ แล้วเพิ่มผัก เพิ่มแป้งเข้าไปแทนในอัตราส่วนที่ยังอิ่มสบายอยู่

การ ละ เช่นในหนึ่งอาทิตย์ ก็ลองกินมังสวิรัติ สักมื้อ แล้วค่อยขยับมาเป็นสักวัน หรือสักสัปดาห์ เพิ่มช่วงเวลาที่ ละ เนื้อสัตว์ไปเรื่อยๆ หรือจะละเนื้อสัตว์ใหญ่ กินแต่สัตว์เล็กลงมาเรื่อยจนเหลือ ปลา แล้วค่อยพัฒนาต่อไปก็ได้

เมื่อละได้จนรู้สึกว่ามีพลังพอจะ เลิก ได้ก็ให้ตั้งใจเลิกไปเลย ได้ไม่ได้ ไหวไม่ไหว ก็อีกเรื่องหนึ่ง มันจะมีความคิดมากมายที่คอยฉุดเราไว้ไม่ให้เลิก ในตอนนี้เราต้องสู้กับความคิด หรือกิเลสเหล่านั้น

มังสวิรัติ-ทำเองกินเอง

ข้าวยังเป็นหลัก การกินมังสวิรัติของผม ไม่เคยลดข้าวเลย ลดแต่เนื้อสัตว์ แล้วก็เพิ่มผัก เพิ่มข้าวในปริมาณที่อิ่มสบาย อาจจะขัดกับความรู้ในการรักษาสุขภาพและการลดน้ำหนักทั่วๆไปว่าให้ลดข้าว กินโปรตีน กินผัก แต่นี่ผมก็ยังกินข้าวเต็มๆแบบไม่กลัวอ้วน กินผักเยอะๆ น้ำหนักก็ยังลงได้สบายๆ

อีกทั้งข้าวยังเป็นแหล่งสารอาหารด้วย วิตามินมากมายอยู่ในเมล็ดข้าว ถ้าผมเลือกได้ ผมจะเลือกกินข้าวกล้องซึ่งให้คุณค่าสูงสุดในการเคี้ยวหนึ่งคำข้าว

การหากินอาหารมังสวิรัติในชีวิตประจำวัน ดูจะเป็นเรื่องยากสำหรับชีวิตคนเมือง แต่จากที่ผมได้ทดลองมา ร้านขายอาหารหลายร้านก็ให้ความร่วมมือดีนะ เข้าร้านก๋วยเตี๋ยว ไปสั่งก๋วยเตี๋ยวเอาแต่เส้นกับผัก เข้าร้านข้าวแกง ก็สั่งเอาแต่ผัก เข้าร้านอาหารตามสั่งก็สั่งเมนูปกติ แต่ใส่ผักแทนเนื้อสัตว์ไป ก็ไม่เห็นมันจะลำบากตรงไหน ยิ่งถ้ายังกินไข่อยู่ก็สามารถหาเมนูได้มากมาย เมื่อเราคุ้นเคยในการสั่งเมนูมังสวิรัติ หรือมีร้านที่เรากินประจำ เมื่อนั้นแหละการกินมังสวิรัติจะง่ายขึ้นมาทันที

หรือถ้ายังกล้าๆ กลัวๆ ในการสั่ง ก็ให้เขี่ยเนื้อสัตว์ออกเอา โดยหลักๆแล้วเนื้อหามันก็มีแค่ว่า “ เราอยากกินเนื้อสัตว์หรือไม่อยากกิน “ แค่นั้นเอง ไม่อยากกินก็เขี่ยออก หรือให้คนอื่นไป ถ้ามันอยากกินมากนักก็เอาเข้าปากไป แล้วค่อยว่ากันใหม่

มังสวิรัติ-แม่ทำ

การซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารเอง สมัยนี้คนเมืองสามารถหาซื้อผักที่หลากหลายได้ง่ายๆ ยิ่งผักปลอดสารพิษก็มีขายเยอะขึ้น มีให้เลือกตามสะดวก ราคาก็ไม่แพง เมื่อเทียบกับสุขภาพในระยะยาว ส่วนคนที่อยู่ต่างจังหวัดก็หัดปลูกเองกินเองไป

หิวและไม่อยู่ท้อง เป็นอีกหนึ่งปัญหาของคนกินมังสวิรัติ ค่ายสุขภาพได้สอนมาว่า ปัญหาของคนกินเจเช่น ไม่อยู่ท้อง ไม่มีแรง สามารถแก้ปัญหาด้วยการกินถั่ว ธัญพืชต่างๆ เข้าไปเพิ่ม ผมเองก็ไม่เคยกินเจนะ… แต่จากที่ลองดู ถั่วก็สามารถทำให้อยู่ท้องและมีแรงได้จริงๆ จะรู้ได้เลยว่ากินถั่ว กับไม่กินถั่ว ร่างกายก็จะแสดงอาการต่างกัน

ทุ่งหญ้า

ชีวิตมังสวิรัติ

การที่เราจะหันมากินมังสวิรัติ ก็คงจะได้รับเสียงตอบรับจากสังคมรอบข้างกันไปต่างๆ นาๆ  ถือเป็นความท้าทายหนึ่งในการกินมังสวิรัติ เป็นบททดสอบว่าเราเอาจริงไหม เรามั่นใจว่าสิ่งนั้นดีจริงไหม เรามีกำลังใจมากพอไหม เรามีความรู้เกี่ยวกับการกินมังสวิรัติมากพอไหม

ถ้าเรามั่นใจว่าสิ่งที่เรากำลังทำดีจริง และทำอย่างจริงจัง คนรอบข้างจะค่อยๆเปลี่ยนไปตามเรา อาจจะเข้าใจเรามากขึ้น อาจจะเห็นดีกับเรา หรือกระทั่งอาจจะหันมากินมังสวิรัติตามเราก็เป็นไปได้ ส่วนคนที่เขายังไม่เห็นด้วย ก็ให้เข้าใจเขา เขาจะติดการกินเนื้อ จะเข้าใจว่าการกินเนื้อดี หรือจำเป็นต่อชีวิต ก็เป็นความเข้าใจของเขา เราก็กินของเราไป

ถ้าสิ่งที่เราปฏิบัติมันดีจริง เรามั่นคงจริง มันทำให้สุขภาพดี หน้าตาผ่องใส จิตใจดีขึ้น มีผลมากมายที่เห็นได้ชัดจริงๆ …วันหนึ่ง ถ้าเขาสนใจ เขาก็มาถามเองนั่นแหละ

ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับเมนูมังสวิรัติ บทความมังสวิรัติได้ที่ Veggie kitchen , facebook (Veggie Kitchen)

แดดยามเช้า

หว่านข้าวสู่ผืนนา หว่านศรัทธาสู่หัวใจ เดินทางวันแรก

เริ่มต้นอีกครั้งกับทริปเดินทางไกลกับ กิจกรรม “หว่านข้าวสู่ผืนนา หว่านศรัทธาสู่หัวใจ” โดยทีวีบูรพา ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่ผมได้เดินทางไปกับทีมงานทีวีบูรพา

เราเริ่มต้นวันด้วยการตื่นเช้าๆพอประมาณเพราะว่าบ้านอยู่ใกล้ทีวีบูรพา ก็เลยไม่ได้เร่งรีบเท่าไรนัก ของทุกอย่างถูกจัดไว้ลงกระเป๋าหมดแล้วเตรียมพร้อมที่จะเดินทางออกไปเรียนรู้วิถีชาวนาคุณธรรมอย่างที่ตั้งใจไว้

เริ่มต้นการเดินทางที่ทีวีบูรพา
เริ่มต้นการเดินทางที่ทีวีบูรพา

เวลาที่ผมมานั้นไม่เร็วไม่ช้า แค่มีคนมาก่อนแล้วประมาณ 70% เท่านั้นเอง ไปถึงก็มีทีมงานเข้ามาทักทาย และมีบทสนทนาเล็กน้่อยระหว่างคุณแม่ของผมที่มาส่งพร้อมกับมาทักทายเพื่อนสมาชิกด้วย (แม่ผมเป็นรุ่นแรกที่ไป)

ลงทะเบียนและทานของว่าง
ลงทะเบียนและทานของว่าง

หลังจากลงทะเบียนก็ได้รับเสื้อมา แต่ไม่ได้เสื้อเหมือนชาวบ้านเขาเพราะไม่มีขนาดที่เหมาะกับตัว ซึ่งถ้าจะทำตัวให้เหมาะกับเสื้อคงยากเลยได้เสื้ออีกลายติดมา กินขนมและดื่มกาแฟรอเพื่อนสมาชิกมาครบ ระหว่างนี้ก็มีสมาชิกที่เหลือทยอยกันมา สมาชิกรุ่นเก่าก็ทักทายกัน ส่วนผมก็สังเกตุสิ่งรอบตัวไปตามนิสัย

แวะทานอาหารเช้าริมทาง
แวะทานอาหารเช้าริมทาง

เราแวะพักทานข้าวเช้าที่ร้านข้าวสามสี อยู่ตรงไหนก็ไม่รู้เหมือนกันรู้แค่ระหว่างทางเพราะเวลาไม่ได้ขับรถเองนี่มันเพลินมากๆแอบหลับตาไปบ่อยๆ ร้านข้าวสามสีก็ตกแต่งร้านสบายๆสวยดี และที่สวยที่สุดคือดอกไม้ที่บานอยู่ท่ามกลางบรรยากาศง่วงๆยามเช้าของผม

มุ่งสู่ ลาวใต้
มุ่งสู่ ลาวใต้

นั่งรถมาเรื่อยๆ มาถึงไม่รู้เมื่อไหร่ ประมาณบ่ายๆ เราถึงปั้มที่มีชื่อว่า บี อาร์ วาย ปิโตรเลียมอะไรนี่แหละ มีป้ายแสดงแผนที่ให้ดูอยู่ก็มายืนมอง ผมเองไม่เคยไปไหนไกลเกินโคราชเลยเท่าที่จำความได้ แต่ที่จำความไม่ได้จริงๆคือผมไปมาทั่วทิศของไทยแล้ว แค่จำไม่ได้แค่นั้นเอง…

เป้าหมาย อ.ป่าติ้ว จังหวัดยโสธร
เป้าหมาย อ.ป่าติ้ว จังหวัดยโสธร

เป้าหมายของเราอยู่ที่ อำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร จากกำหนดการก็จะเห็นว่าใช้เวลาเดินทางร่วมวันเลยครับ ไกลมากๆ จากที่คาดการณ์ไว้น่าจะถึงตอนเย็นๆครับ

วิถีชีวิตระหว่างทาง
วิถีชีวิตระหว่างทาง

ระหว่างทางก็มีสิ่งที่ชาวคณะได้ฮือฮา นั่นคือความเสี่ยงบนรถของเด็กน้่อย ผมมองไปก็นึกถึงรถไฟในอินเดียนะ ภาพประมาณนี้เลย ส่วนทำไมอะไรที่ทำให้เด็กๆขึ้นไปนั่งด้านบนโดยไม่กลัวก็คงจะเป็นความเคยชิน ส่วนเหตุที่ต้องเคยชินนั้นมาจากอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าจริงๆแล้วมันก็คงจะปลอดภัยในระดับหนึ่งละนะไม่งั้นคงมีข่าวหรือไม่ก็เลิกนั่งกันไปนานแล้ว

ถึงที่หมาย ทักทายกันก่อน
ถึงที่หมาย ทักทายกันก่อน

เมื่อมาถึงก็เข้ามานั่งพักยืดเส้นยืดสายกันก่อน มีการทักทายจากชาวนาคุณธรรมที่มาต้อนรับกันด้วยอารมณ์ขำขัน ช่วยลดความตึงของกล้ามเนื้อที่นั่งรถมานานได้ดีทีเดียว

น้ำหญ้าม้า หอมหวานด้วยน้ำผึ้งและมะนาว
น้ำหญ้าม้า หอมหวานด้วยน้ำผึ้งและมะนาว

น้ำดื่มต้อนรับ หรือ Welcome drink! หมายถึงมันจะมีเฉพาะต้อนรับใช่ไหม? จริงๆผมอยากดื่มทุกเวลาเลยนะ เพราะเป็นน้ำหญ้าม้าผสมด้วยน้ำผึ้งและมะนาว หรือผสมอื่นๆอะไรก็ไม่ทราบ แต่มันคือน้ำสมุนไพรที่ดื่มง่ายคล่องคอจนอยากจะขอต่ออีกขวดทีเดียว

ที่พักของผม ธนาคารเมล็ดพันธุ์
ที่พักของผม ธนาคารเมล็ดพันธุ์

บ้านพักของเหล่าชายหนุ่มนะครับ จะอยู่ที่ธนาคารเมล็ดพันธุ์ครับเขาปัดกวาดให้อย่างสะอาด และเตรียมที่นอน หมอน ผ้าห่มไว้ให้อย่างดีเลย สรุปถุงนอนที่ผมเอามาก็เลยมาเสริมเป็นหมอนอีกใบหนึ่งไปเลยครับสบายดี หลังจากเราเก็บของแล้วก็จะมีกิจกรรมตอนเย็นอีกนิดหน่อย

เห็นโล่งๆแบบนี้ นี่วัดป่านะ ดูจากทางเข้ามา
เห็นโล่งๆแบบนี้ นี่วัดป่านะ ดูจากทางเข้ามา

ระหว่างเดินเล่น เห็นเป็นที่โล่งๆแบบที่ถ่ายมานี่ จริงๆเราอยู่ในวัดป่านะครับ จากถนนใหญ่เข้ามามีแต่ป่าครับ มาโล่งเอาข้างในนี่แหละ กลิ่นดินกลิ่นหอมไม้ป่าลอยเต็มบรรยากาศทีเดียว

ศาลาไทวัตรลานกิจกรรมหลัก
ศาลาไทวัตรลานกิจกรรมหลัก

ลานกิจกรรมหลักของเราคือใต้ศาลาไทวัตรครับ ระหว่างที่เก็บของอยู่ใครจะเดินไปดูอะไรก็ตามสะดวกครับ ผมก็เลยเดินตามชาวนาคุณธรรมท่านหนึ่งไปชมสวนครับ สำหรับสวนที่พาไปชมก็มีพืชผักหลายชนิดครับ ส่วนใหญ่ก็เป็นผักครับ เพราะผักสามารถเด็ดมาประกอบอาหารได้บ่อยๆ ไม่เหมือนผลไม้ที่มาเป็นชุดๆกินไม่ค่อยทัน

ต้นกล้วยระหว่างเดินชมสวน
ต้นกล้วยระหว่างเดินชมสวน

ต้นกล้วยที่เห็นในรูปนี้ ต้นจริงต้องบอกว่าทรงของมันสวยมาก ถ้าจะให้เทียบก็คงเหมือนพิน โบลิ่งละนะครับ อีกอย่างต้นมันใหญ่มากทีเดียว ตอนที่ไปนี่ไม่เห็นลูกครับ แล้วก็ไม่รู้ว่ากล้วยอะไรด้วย ทิ้งไว้เป็นปริศนาต้นไม้ต่อไป

อาหารเย็น ไม่บอกก็ไม่รู้ว่าทั้งหมดคือมังสวิรัติ
อาหารเย็น ไม่บอกก็ไม่รู้ว่าทั้งหมดคือมังสวิรัติ

มื้อเย็นครับ อาหารทั้งหมดเป็นมังสวิรัติละครับ และทั้งทริปนี้ก็เป็นมังสวิรัติทั้งหมดด้วย บอกตรงๆว่าเกิดมาไม่เคยกินเลย แม้แต่กินเจก็ไม่เคยครับ(หรือเคยก็จำไม่ได้) มาคราวนี้ละได้ 3 วันก็ดีนะครับ กินก็ได้แรงแถมยังรู้สึกดีต่อร่างกายด้วย มีเห็ด มีผัก และข้าวอินทรีย์ครับ อร่อยทุกมื้อเลยทีเดียว

ต้องพิจารณาอาหารกันก่อนนะครับ
ต้องพิจารณาอาหารกันก่อนนะครับ

ก่อนจะทานอาหารเขาก็จะให้พิจารณาอาหารกันก่อนนะครับ เป็นบทพิจารณาอาหาร ซึ่งมีเนื้อความดังนี้

บทพิจารณาอาหาร

กินข้าวเคี้ยวทุกคำ เราจดจำกินเพื่อชาติ

อย่ากินอย่างเป็นทาส เหงื่อทุกหยาดของชาวนา

จงกินเพื่อเป็นไท กินด้วยใจที่รู้ค่า

บรรพบุรุษสร้างสืบมา ร่วมรักษาคุณความดี

ขยันงานการสร้างสรรค์ มีสัมพันธ์ฉันท์น้องพี่

สมัครสมานสามัคคี อุทิศพลีเพื่อชาติไทย

ขอขอบพระคุณชาวนาที่ปลูกข้าวให้พวกเรารับประทาน

และขอขอบพระคุณพ่อครัวแม่ครัว

ที่ทำอาหารให้พวกเรารับประทานในมื้อนี้

พวกเราจะทำแต่ความดีตอบแทนพระคุณ…สาธุ

หลังจากทานอาหารค่ำกันแล้ว เราก็จะไปสวดมนต์กันนะครับ ซึ่งตอนสวดเขาให้นั่งท่าเทพบุตร สุดท้ายนั่งไม่ค่อยรอดเนื่องจากไม่ค่อยได้นั่งทำให้เท้าไม่แข็งแรงรับน้ำหนักไม่ไหว ต้องกลับไปนั่งพับเพียบท่าที่เหมาะกับคนน้ำหนักเยอะเหมือนเดิมครับ จากวันนี้พบว่าต้องหาวิธีใหม่ในการนั่งท่าเทพบุตรซะแล้ว…ดูเป็นเรื่องเล็กที่น่าหนักใจจริงๆ

จบคืนนี้นอนกันแบบกึ่งธรรมชาติ
จบคืนนี้นอนกันแบบกึ่งธรรมชาติ

หลังจากหลวงพ่อนำสวดมนต์แล้วทางทีมงานก็ให้แนะนำตัวกันนิดหน่อย ก่อนจะแยกย้ายกลับไปนอนกันครับ ก่อนนอนก็แยกกันไปอาบน้ำกันตามสะดวกใครชอบห้องน้ำห้องไหนก็เข้าห้องนั้น ห้องน้ำที่นี่มีที่ให้นั่งพักด้วย แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา ประมาณว่าอาบน้ำเหนื่อยๆก็นั่งพักเสียก่อนประมาณนั้น

ทริปนี้เรานอนกันแบบกึ่งธรรมชาติครับ คือใช้ความเย็นจากบรรยากาศรอบๆ เท่านั้นบอกแล้วดูเหมือนร้อน แต่เอาเข้าจริงไม่นานผมก็หลับก่อนชาวบ้านเขาเลยครับ

สวัสดี