สองแมวหิว

ช่วงนี้ตัวใหญ่กลับบ้านมาบ่อยมากครับ เห็นเกือบทุกวันเลย ตัวใหญ่จะมารอกินข้าวเป็นประจำ.. และจุ๊บก็รอด้วยเหมือนกัน

สองแมวหิว

เดี๋ยวนี้เวลาตัวใหญ่มารอกินข้าว จุ๊บก็จะมารอเหมือนกันครับ เหมือนกับว่ามันรอมากินพร้อมกัน กินตัวเดียวไม่อร่อย เพราะว่าหลายครั้งที่เห็นจุ๊บแตะๆดมๆ กินนิดหน่อยแล้วก็เดินหายไปครับ คงหวังว่่าจะได้กินปลาแทนก็เลยยังไม่กินอาหารเม็ดแน่ๆ

แต่พอตัวใหญ่มาแล้วเหมือนมันได้กินด้วยกันครับ ดูมันกินได้นานขึ้นเยอะขึ้น ดูจากรูปก็กินกันแบบไม่เว้นช่องว่างกันเลย เป็นแมวหิวสองตัวที่มาพบกันแบบอาจจะนัดหมายครับ

ตัวใหญ่ดูผอมไปเยอะมาก แต่ลองจับแล้วก็เนื้อแน่นดีครับ เหมือนแมวหนุ่มที่ออกกำลังกายตลอดเวลา ส่วนจุ๊บนี่เป็นแมวนุ่มครับ นุ่มมือมากๆ นุ่มทุกส่วน หัวก็นุ่ม พุงก็นุ่ม น่องยังนุ่มเลย จริงๆแล้วจะไปโทษว่าทำหมันแล้วอ้วนก็ไม่ได้นะครับ จุ๊บกับตัวใหญ่โดนจับทำหมันพร้อมๆกันเลย แต่จุ๊บก็ดูอ้วนกว่าตัวใหญ่ตั้งแต่แรกแล้ว หรือมันอาจจะโดนจับทำหมันก่อนวัยอันควรก็ได้ มันเลยเป็นแมวหมูนุ่มนิ่มอย่างทุกวันนี้

สวัสดี

แมวบิดขี้เกียจ

ช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่ดูตึงๆ อะไรก็ตึงๆชนๆไปหมด อยากจะผ่อนคลายอยู่บ้าง แต่ความตึงก็คงจะไม่หายไปมากนัก วันนี้จะมาโชว์รูปแมวที่กำลังสลายความตึงของเส้นสายง่ายๆด้วยการ…

จุ๊บที่กำลังเมื่อย ตึงๆ ก็เลยบิดขี้เกียจ
จุ๊บที่กำลังเมื่อย ตึงๆ ก็เลยบิดขี้เกียจ

เห็นมันแล้วก็อิจฉา เพราะอาการบิดขี้เกียจแบบนี้ก็มักจะเกิดหลังตื่นนอนของแมว ดูจากท่าทางเหยียดเต็มที่ของมันเหมือนได้ปลดปล่อยทุกความตึงออกไปเลยทีเดียว

เห็นแล้วผมก็อยากบิดขี้เกียจมั่งจะได้หายเมื่อยบ้าง…

สวัสดี

ต้มยำไก่ 10 ปี

สำหรับหลายๆครอบครัว การทำอาหารกินกันเองในบ้านดูจะเป็นเรื่องธรรมดาจนไม่อยากเอามาพูดถึงกัน แต่วันนี้ผมจะเอาเรื่องธรรมดามาเขียนให้อ่านกันครับ

บ้านผมเป็นครอบครัวไมโครเวฟครับ นั่นคือชีิวิตจะอยู่กับไมโครเวฟเสมอเพราะไม่มีการทำอาหารเลย มีแต่ซื้อเข้ามาใส่ตู้เย็นและอุ่นกิน ถ้าถามว่ามันเป็นอย่างนี้ตั้งแต่ต้นไหม จริงๆมันก็ไม่ได้เป็นแบบนี้หรอกครับ แต่วิถีชีิวตก็ได้ปรับให้เข้ากับจังหวะของชีวิตและโอกาสทางสังคมก็เลยได้กินแต่อาหารถุงอยู่จนทุกวันนี้

แต่มาวันนี้หลังจากที่แม่ได้กลับมาจากการไปลุยปลูกข้าวกับ ฅนกินข้าวเกื้อกูลชาวนา ซึ่งจัดกิจกรรมโดยทีวีบูรพาแล้วนั้น ก็มีสิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจค่อนข้างมากนั่นคือ

ต้มยำไก่

ต้มยำไก่… ต้มยำไก่ชามนี้ ( หม้อนี้มีแต่โครงไก่ครับ ) ผมแปลกใจตั้งแต่ไปซื้อของกับแม่แล้วแม่ซื้อเครื่องต้มยำมาแล้ว บอกว่าจะทำต้มยำกิน แต่ผมก็ยังไม่ได้ถามหรอกครับว่าทำไม แต่สิ่งที่รู้แน่ๆก็คือ แม่ของผมไม่ได้ทำกับข้าวมานานเกือบสิบปีแล้วครับ จริงๆมันน่าจะนานกว่าสิบปีแล้วก็เป็นได้เพราะจำได้ว่ากินครั้งสุดท้ายก็ตอนอยู่ประถม ตอนนี้ผมก็จบจากมหาวิทยาลัย ป.ตรี ตามเกณปกติมาได้เกือบ 5 ปีแล้วครับ

เมนูเด็ดของแม่ก็คือไข่ยัดไส้ครับ ทำแค่ครั้งเดียวใส่ตู้เย็นกินกันไปสองสามวันเลยทีเดียว หลังจากนั้นเทคโนโลยีไมโครเวฟก็เข้ามาชีวิตของเราก็เปลี่ยนไป จนมาถึงวันนี้ดูมันจะวนกลับเป็นวงจรเสียแล้วครับ แม่กลับมาทำกับข้าวและเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ซึ่งผมก็อยากเปลี่ยนด้วยเหมือนกัน เพราะวันๆกินแต่อะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน ทั้งทำให้อ้วนและเสียสุขภาพ การทำอาหารเองนั้นเป็นการควบคุมพฤติกรรมการกินได้ดีมากทีเดียว

ต้มยำไก่ชามนี้ไม่มีเนื้อไก่ครับ มีแค่โครงไก่ แต่รสชาดนั้นบอกได้เลยว่าเด็ดครับ ผมแอบกังวลตอนแม่บอกว่าจะทำต้มยำ ก็คิดในใจว่ามันจะออกมาเป็นยังไงหนอ ผลคืออร่อยและควบคุมได้ครับ คืออยากได้อะไรมากน้อยก็ใส่ลงไปได้เลย มันเป็นอะไรที่แปลกประหลาดมากๆสำหรับครอบครัวผมซึ่งเป็นวิถีชีวิตแบบไมโครเวฟ 100% เปลี่ยนมาเป็นแบบนี้ครับ ซึ่งนี่คือผลจากการที่แม่ได้ไป ฅนกินข้าวเกื้อกูลชาวนา

จริงๆแล้วผมก็หวังให้เรื่องทำอาหารนี้เป็นเรื่องธรรมดาเหมือนที่หลายๆครอบครัวเขาเป็นกันนะครับ อยากให้่ชีิวิตได้ช้าลงบ้าง เพื่อที่จะได้มีเวลาหยุดคิดไตร่ตรองสิ่งต่างได้มากขึ้น ผมหวังอย่างนั้นจริืงๆ

สวัสดี

จุ๊บนอนแผ่

วันก่อนตอนบ่ายๆ เป็นบ่ายที่ลมเย็นสบาย น่านอนเอามากๆ แต่ยังไงผมก็มีธุระออกไปข้างนอก ก็ต้องออกไปข้างนอกอยู่ดี…

sleep-relax-cat-1

ตอนนั้นเป็นตอนบ่ายที่ผมเปิดประตูหน้าบ้านรับลมไว้ครับ ตรงประตูก็เลยเป็นช่องลมที่ลมพัดตลอดเวลา มีแมวอ้วนๆตัวหนึ่งมานอนโพสท่าเอียงพุงหงายคางอยู่..

นานแล้วที่ผมไม่ได้เห็นจุ๊บมันนอนแบบหงายหรือเอียงแบบนี้ จริงๆก็จะไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าเคยเห็นเมื่อไหร่ เพราะปกติมันจะนอนคว่ำแบบแมวนั่งทั่วๆไป แต่วันนี้ลมก็คงพัดเย็นสบายแมวมากไปหน่อยก็เลยนอนท่าแปลกๆแบบนี้ ถ้าเทียบกับวิลลี่แม่ของมันที่จากไปนานแล้ว วิลลี่จะชอบนอนหงายแผ่พุงมากกว่า..

sleep-relax-cat-2

ผมเดินผ่านข้ามตัวมันไปรอบหนึ่งเพื่อไปเปิดประตูบ้านใหญ่และกลับมามันก็ยังนอนอยู่เหมือนเดิม ก็เลยปลุก เพราะว่าจะปิดประตูบ้านแล้วซึ่งต้องลากประตูบ้านพาดผ่านพุงของมันนั่นเอง ก็เลยสะกิดมันให้ตื่นก่อน

พอตื่นก็ออกอาการแมวงัวเงีย ช่วงนี้แมวจะเชื่องครับ ช่วงเพิ่งตื่นเนี่ยมันจะเคลิ้มๆ เล่นอะไรก็ดูเชื่องคุ้นมือไปหมด เล่าต่อกันเลยว่ามีครั้งหนึ่งเห็นจุ๊บมันนอนในบ้าน นอนตั้งแต่เที่ยงคืน ผมลงมาตอนเช้ามันก็นอนที่เดิม แต่เปลี่ยนท่าเปลี่ยนมุมนิดหน่อย พอดูไปดูมันใกล้ๆน้ำลายมันยืดด้วย พอเข้าใกล้มันก็ตื่นทำหน้าเหมือนสูดน้ำลายกลับ เหมือนคนตื่นเช้าๆอะไรอย่างนั้น แต่นั่นก็ทำให้ผมรู้ว่า แมวก็นอนน้ำลายยืดเหมือนคนนั่นแหละ..

ดูเหมือนจะเป็นเรื่องราวประจำวันของจุ๊บกับผมซึ่งดูจะเกิดๆทุกวันเป็นประจำ และจุ๊บที่อยู่ด้วยกันมาเกือบเก้าปีแล้วก็ยังมีอะไรให้ผมแปลกใจอยู่เสมอ

สวัสดี

จุ๊บนอนหลังบ้าน

ช่วงนี้จุ๊บมักจะมานอนที่หลังบ้าน ถ้าบอกว่าหลังบ้านก็คงจะไม่แปลกที่ไหร่ แต่นี่เป็นตำแหน่งของหลังประตู ถ้าเราเปิดประตูแบบกว้างสุดๆก็จะไปชนแมวที่นอนอยู่ แล้วทำไมมันยังนอนอยู่อีก?..

จุ๊บ-จุ๊บนอนขดหลังบ้าน

จากมุมขวาล่างจะเห็นขอบบานประตูที่ถ้าเปิดกว้างอีกนิดก็จะชนจุ๊บ จริงๆแล้วก็เปิดไปชนมันบ่อยๆเหมือนกัน แต่มันก็ไม่เคยเปลี่ยนที่ไปไหน ก็ยังนอนมุมนี้เหมือนเดิม

ดูจากรูปนี้แล้ว ดูๆไปก็เหมือนแมวท้่องยังไงก็ไม่รู้ เพราะหัวเล็กแต่พุงโต ถ้าใครไม่รู้ก็คงคิดว่าจุ๊บกำลังท้องอยู่ แต่ที่จริงเป็นเป็นแค่แมวตัวผู้แก่ๆที่ลงพุง…

วันก่อนผมฝันว่าแมวที่บ้านจับหนูได้สี่ตัว สองตัวเอามาวางไว้ให้ผม อีกตัวหนึ่งวางไว้หน้าบ้าน อีกตัวหนึ่งมันกินเอง รวมแล้วก็เป็นหนูสี่ตัวพอดี คงจะกินมากไปนอนมากไปเลยฝันประหลาดๆ อาจจะเพราะคิดว่าจุ๊บมันพุงโตเพราะไปกินหนูมาแน่ๆก็เป็นได้ เลยเก็บเอาไปฝันแบบนั้น

เวลาที่จุ๊บล่าหนูมาได้ก็จะเอามาวางไว้หน้าบ้านเป็นประจำ วิลลี่แม่งของมันก็มีนิสัยเช่นนั้น ชอบล่ามาให้แล้วเอามาให้ดู แต่วิลลี่โหดกว่านั้น ชอบเอามาแบบหนูไม่เป็นหนู เป็นซากเนื้อตัวอะไรก็ไม่รู้ ที่รู้ว่าเป็นหนูเพราะเห็นขาบ้าง หางบ้างแต่ส่วนอื่นกระจายอย่างสวยงาม และคนที่เก็บซากหนูชำแหละคือผมเอง…

ตอนนี้ก็มีหนูอยู่ในบ้าน แต่เอาจุ๊บเข้ามาในบ้านทีไรมันก็เอาแต่นอน ไม่รู้ว่ามันรู้รึเปล่าว่ามีหนูอยู่ในบ้าน ยังไงผมก็ยังคาดหวังว่ามันจะจับหนูทุกครั้งเมื่อมันอยู่ในบ้าน

สวัสดี

จุ๊บกับโต๊ะนอนที่ประจำ

เวลาที่จุ๊บได้มีโอกาสเข้ามานอนในบ้าน มันก็มักจะหาที่ประจำของมัน ซึ่งจากที่ผมดูๆแล้วก็มีไม่กี่ที่ สำหรับแมวอ้วนตัวนี้…

จุ๊บ-จุ๊บนอนบนโต๊ะ

นี่เป็นโต๊ะทำงานของแม่ที่ชั้นสอง แต่ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ แมวจุ๊บจึงไปจับจองเป็นที่นอนอย่างสบายใจ สังเกตุท่านอนขาคู่ที่ดูแล้วคงจะนอนยาวทั้งคืนแน่ๆ รูปนี้ผมถ่ายมันตอนเย็นๆครับ กลับมาบ้านอีกที 5 ทุ่มมันก็ยังนอนอยู่ตรงนี้ โต๊ะเป็นโต๊ะไม้ที่ปูผ้าไว้เฉยๆ ไม่ได้มีความนุ่มอะไรเป็นพิเศษ  ซึ่งผมเคยเข้าใจว่ามันชอบนอนนุ่มๆ

แต่คิดไปอีกทีตัวมันก็นุ่มมากๆอยู่แล้ว จะนอนที่ไหนก็คงจะนุ่มเหมือนกัน ตอนนี้จุ๊บก็แก่มากแล้ว แต่ยังดูเหมือนแมวหนุ่มๆอยู่ บ่อยครั้งที่ผมเจอเล็บของมันหลุดอยู่ตามมุมต่างๆของบ้าน คงจะแก่มากๆเลยทีเดียวเพราะอาการเล็บหลุดนี่เป็นเฉพาะแมวแก่ แต่มันก็ยังดูสุขภาพดี เดินวิ่งได้ปกติละนะ แก่แค่วัย แต่ใจแมวยังเหมือนเดิม

สวัสดี

เรื่องเล่าจากเช้าที่ท่าพระจันทร์

เป็นเรื่องเล่าจากเช้าเมื่อวาน เป็นเช้าที่ไม่เหมือนเช้าอื่น เพราะเช้านี้ผมไม่ได้อยู่ที่บ้าน แต่อยู่ที่ท่าพระจันทร์…

เริ่มต้นจากหลายวันก่อนผมได้ลงสมัครสัมมนา กับรายการเถ้าแก่ ในตอนที่เกี่ยวกับการทำธุรกิจออนไลน์ งานจะจัดเมื่อเวลา 9.30 วันพฤหัส และเนื่องจากที่มันเป็นวันธรรมดาเวลาเช้า สำหรับผมแล้วซึ่งไม่ได้ออกไปไหนเวลานี้ทำให้ต้องมีการเตรียมตัวกันไม่น้อยทีเดียว

เริ่มจากการตื่นเช้าไปจอดรถที่หมอชิต ตื่นเช้าไปจอดของผมนี่ต้อง ตี 5 เลย เพราะอยากได้ที่จอดใกล้ๆ และที่จอดแบบไม่มีรถมาจอดขวาง เวลาจะออก สัมมนาวันนี้เลิก 5 โมงแต่ผมก็คงจะต้องเลิกก่อนเพื่อเดินทางกลับไปเรียน ดังนั้นที่จอดที่ออกง่ายและสะดวกน่าจะเหมาะสมที่สุดเพราะเวลา ที่ผมคิดว่าจะกลับมาุถึงหมอชิตน่าจะสี่โมงครึ่ง ที่จอดน่าจะยังเต็มอยู่ ก็เลยจอดใกล้ๆทางออกนั่นแหละ มาเช้าเลือกจอดที่ไหนก็ได้ มันง่ายดี

หลังจากจอดรถก็ขึ้นรถเมล์ไปธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ เพราะว่าเขาจัดสัมมนากันในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั่นเอง เมื่อมาถึงก็มาเช้าก่อนเวลาไปมากสักหน่อย แต่คิดเอาไว้แล้วก็เลยหอบงานมานั่งทำรอสัมมนาด้วย แต่ตอนนี้ก็เวลาเช้าเหลือเกิน เพิ่งจะ 7 โมง สัมมนาเริ่มตอน 9.30 เลยไปเดินหาอะไรกินก่อน

หลังจากเดินไปมาแถวท่าพระจันทร์ ดูว่ามีอะไรให้เลือกกินบ้าง ก็ตัดสินใจกินโจ๊กหน้าท่าพระัจันทร์เลย ซึ่งโจ๊กร้านนี้ มีแม่เป็นคนทำและลูกชายลูกสาวอยู่ช่วย ผมเดินไปสั่งโจ๊กใส่ทุกอย่าง+ไข่ด้วย เพื่อเป็นอาหารในเช้าวันนี้ ซึ่งหลังจากนั่งก็มีลูกสาวร้านโจ๊ก วัยดูๆแล้วก็น่าจะประมาณ 4-6 ขวบเดินมาถามว่ารับน้ำอะไร

เด็กน้่อยพูดด้วยเสียงใสๆ แววตาเหมือนบอกว่าให้สั่งน้ำเถอะๆ ผมก็เลยสั่งน้ำเปล่าไปขวดหนึ่ง ตอนแรกบอกเด็กว่าเอาแค่แก้วเปล่าไม่ใส่น้ำแข็ง แต่เด็กน้อยทำหน้างงเหมือนผิดบท ก็เลยให้ใส่น้ำแข็งเหมือนเคยๆไป ไม่นานนักโจ๊กก็มาเสริฟและเ็ด็กสาวก็เดินเอาแก้วใส่น้ำแข็ง และน้ำเปล่ามาให้หนึ่งขวดพร้อมส่งยิ้มบอกว่า “น้ำค่ะ”

เป็นบริการยามเช้าที่ดูสดใสจริงๆ เช้าๆตื่นมาทุกคนก็คงอยากเห็นอะไรดีๆแจ่มใส ไม่หม่นหมอง และสิ่งที่ผมเจอก็เป็นความรู้สึกที่สดใสทีเดียว

หลังจากกินเสร็จจ่ายเงินแล้วก็เดินไปหาอะไรกินต่อ จริงๆก็มองก่อนจะมากินโจ๊กแล้วนั่นคือน้ำเต้าหู้ ปัญหาคือน้ำเต้าหู้เนี่ยพอคิดไปแล้วซื้อมาจะกินยังไงละ ถือถุงเดินดูดกินหรอ หรือว่าต้องไปหาแก้วมากิน ที่นั่งก็ไม่มี มองๆไปก็เหลือบไปเห็น “ใส่แก้ว 8 บาท” ครับ ร้านที่ผมสนใจและเดินเข้าไปซื้อมีแก้วด้วย เป็นแก้วกระดาษใส่น้ำเต้าหู้ให้ลูกค้าที่ไม่ค่อยสะดวกแต่อยากกินได้กินน้ำเต้าหู้ นี่คือสิ่งที่ผมประทับใจว่าทำไมเรื่องง่ายๆเราต้องทำให้ยากด้วย อยากกินแต่ไม่สะดวกก็แค่มีแก้ว ปกติผมซื้อน้ำเต้าหู้สมัยก่อนๆก็จะมีแต่ใส่ถุง พอมาเจอใส่แก้วนี่รู้สึกดีอย่างประหลาด

เพราะวันนี้นอกจากดูรีบๆยุ่งๆแล้ว ยังจะไม่สะดวกอีกต่างหาก การซื้อน้ำเต้าหู้ใส่แก้วกินเลยดูเป็นเรื่องธรรมดาที่มาแก้ปัญหาในเรื่องธรรมดาของคนอยากกินน้ำเต้าหู้แต่ไม่มีปัญญานั่นเอง

หลังจากนั้นก็เดินเข้าธรรมศาสตร์ไปหามุมสงบๆ เย็นๆ หน่อย นั่งทำงานต่อรอจนถึงเวลาสัมมนารอบเช้าของวันนี้…

สวัสดี

จุ๊บนอนคิด

ปกติแล้วเวลาคนนั่งคิดอะไรเพลินๆก็มักจะเหม่อจนไม่เห็นสิ่งรอบข้าง มาวันนี้ผมจะพามาดูแมวเหม่อครับ…

thinking-jub

ปกติแล้วโดยนิสัยของจุ๊บ มันมักจะไม่ให้คนเข้าใกล้ในระยะสองเมตร ยกเว้นเวลาหิวข้าว ขอข้าวกินเท่านั้น วันนี้ผมผ่านไประหว่างบ้านพบมันนั่งอยู่บนลังพลาสติกที่มาซาแรนปิดจมูกมันอยู่ครับ

ปกติแล้วตามประสบการณ์ที่เจอมา ถ้าระยะขนาด 1 เมตร ใกล้ขนาดนี้จุ๊บมันต้องมองผมแล้วครับ นี่ขนาดหยิบกล้องมาถ่ายจนเดินเลยไปแล้วมันก็ยังนอนอยู่ท่าเดิมเหมือนจะคิดอะไรอยู่สักอย่าง ผมก็เลยปล่อยมันคิดของมันไป ไม่ได้ไปกวนอะไรมัน

ปกติแล้วแมวก็ดูจะเป็นสัตว์ที่ระวังตัว ดูไม่คิดอะไรมาก แต่วันนี้มันกลับตรงข้ามกันเลยทีเดียว จุ๊บมันคงมีเรื่องกลุ้มๆอยู่ในหัวก็เป็นได้ หรือไม่แน่มันก็อาจจะสังเกตุอะไรสักอย่างที่อยู่ตรงพื้นฝั่งตรงข้ามก็เป็นได้

สวัสดี

เช้าแมวหาว

วันนี้เป็นวันที่ผมตื่นเช้า และเช้ามากกว่าทุกวัน เป็นเช้าที่แสงอาทิตย์ยังสาดเข้ามาในมุมประมาณ 30 – 40 องศา ได้ และเช้านี้ก็เป็นเช้าที่ผมตื่นก่อนจุ๊บ

จุ๊บที่นอนอยู่บนเสาต้นโปรด ผมก็ไม่รู้ว่าเสาต้นนี้มันมีดีอะไร จริงๆเสาแบบนี้ก็มีอีกหลายเสา จริงๆอีกทีก็คือผมอาจจะไม่ได้ตามไปดูทุกเสาก็เป็นได้ เอาเป็นว่าจุ๊บชอบนอนบนเสา

morning-cat-2

แสงแดดสีเหลืองทองที่ส่องลงกระทบขนแมว ดูแล้วรู้สึกว่าวันนี้น่าจะเป็นวันที่ดี วันที่สดใส เพราะแมวก็ยังนอนสบายแม้ว่าพระอาทิตย์ขึ้นแล้วก็ตาม ยังไง ยังไง ก็คิดว่าวันนี้คงจะเป็นวันที่ฝนไม่ตกอย่างแน่นอน อย่างน้อยๆก็เช้าถึงเที่ยงละนะ

morning-cat

รูปแมวหาวที่ทำหน้าตามึนๆ จุ๊บยังไม่ตื่นจากหลับลึกเลยครับ อาการก็งัวเงียตามประสาแมวแก่ๆง่วงๆตัวหนึ่งหลังจากผมถ่ายรูปและปลุกมันมันโดยไม่ได้ตั้งใจแล้วนั้น มันก็ตื่นขึ้นมาหาวและมองผม แล้วก็นอนต่อ…

…ประมาณว่าขออีก 5 นาทีเราๆนั่นเอง เวลาแมวมันนอนกลางวันจะไม่มีอาการแบบนี้ เพราะถ้าปลุกแล้วก็จะขี้เกียจนอน หนีไปที่อื่น เดินเข้ามาขออาหาร หรือไม่ก็ลืมตามองเฉยๆ แต่อันนี้แมวที่เพิ่งตื่นเช้าทำให้มีอาหารแมวหาวง่วงอย่างที่เห็นนี่แหละ

ในวันที่ถ่ายสองรูปนี้ออกมาเป็นวันที่สดใสจริงๆ สำหรับผมแล้วนั้นการได้เห็น หรือได้รับรู้สิ่งดีๆ ตั้งแต่ตอนเช้าก็สามารถทำให้ทั้งวันดีขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาดใจ

สวัสดี

หมาข้างๆบ้าน (เพิ่มเติม)

ที่ว่าเพิ่มเติมในตอนนี้ ไม่ใช่ว่ามีเนื้อหาเพิ่มเติม เพราะจากตอนนั้นถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบ 9 เดือนแล้ว ถือว่านานมากๆทีเดียว

กับตอนเก่าที่เขียนเรื่องเกี่ยวกับ ” หมาข้างบ้าน ” ไว้ มาวันนี้มีอะไรมาเพิ่มเติม?

ไซบีเรียนฮัสกี้

สิ่งที่เพิ่มมาคือหมาเด็กมากมายผมไม่ได้นับว่ามีกี่ตัว แค่คิดว่าอย่างต่ำๆก็สามตัว พอดีว่าเดินไปเฉี่ยวๆไปมันก็ออกมารุมดูผมกันใหญ่ ตอนแรกก็เห่านิดหน่อย ต่อมาก็ค่อยๆมองผม ทุกๆสายตาของทุกตัวมองผม มองไปอย่างนั้น ไม่ได้เห่าไม่ได้ทำอะไร มองเฉยๆเหมือนอยากดู อารมณ์เหมือนไปซาฟารีแล้วเราเปิดกระจกดูสัตว์ มันก็คงตื่นเต้นเหมือนกันที่เห็นผม พาเพื่อนๆน้องๆพี่ๆออกมาดูกันมากมาย

ผมเคยสงสัยว่าหมามันคิดอะไรเวลามันมอง มอง จริงๆแล้วก็สงสัยทุกอย่างแหละไม่ว่า แมว เต่า นก หรือวัว เวลามันมองมา มันคิดอะไร อยากรู้จริงๆ แต่มันก็คงไม่ออกมาเป็นคำพูดอยู่ดีจริงๆก็ต้องรู้สึกกันไปต่างๆนาๆตามใจแต่ละคนนะว่าจะแปลอาการของสัตว์ออกมาเป็นอย่างไร

กลับมาที่บ้านก็มานั่งมองหน้าแมวตัวเองว่ามันเป็นยังไง ก็รู้ทันทีเลยว่ามันหิว นอกจากมันมองมาแล้วยังเอาลิ้นเลียปากแพร่บๆด้วย อย่างแรกที่รู้คือมันหิวแน่ๆแต่หิวแบบไหน อย่างไรนั้น ไม่สามารถรู้ได้เลย

สวัสดี