เรียนจบ สรุปกันหน่อยดีไหม?

จริงๆก็เรียนจบมาสักเดือนหนึ่งแล้ว ทุกวันนี้ก็นั่งคิดว่าจะวางแผนจัดการกับชีวิตหลังจากนี้ยังไงดี จนมาคิดได้ว่าผมเองควรจะสรุปให้อ่านกันหน่อยดีไหมเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ได้รับในการเรียนโทใน 2 ปีที่ผ่านมานี้

ประเด็นคือ…

สำหรับประเด็นที่มีในหัวก็คือประสบการณ์ที่ได้รับ แล้วก็เรียนปริญญาโท MBA แล้วได้อะไร? จะพยายามรวบสองประเด็นนี้เข้าเป็นบทความเดียวกันให้ได้ซึ่งบอกตรงๆกันเลยว่าในบทความนี้ ยังคิดไม่ออก …จะเรียกว่าคิดไม่ออกก็คงจะไม่ถูกต้องเสียทีเดียว คงต้องเรียกว่ายังเรียบเรียงได้ไม่สมบูรณ์เสียมากกว่าเพราะทุกอย่างนั้นอยู่ในหัวหมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องคิด แค่เพียงนั่งนึกแล้วเอามาเรียบเรียงเท่านั้นเอง

วันก่อน…

วันก่อนมีจดหมายจากทางบ้าน (email) เข้ามาแสดงความยินดีที่ผมได้เรียน ป โท (ผมจบแล้วด้วยนะเอ้อ) ซึ่งก็ได้ร่วมแบ่งปันเรื่องราวเกี่ยวกับการที่เคยสอบเข้าในรุ่น 21 และเวลาในการสอบที่น้อยนิด นั่นคือ 2 ชั่วโมงเท่านั้น ประเด็นคือเตรียมตัวอย่างไรจึงจะสอบติด? ผมคิดว่าคนที่สนใจจะสอบหรือสมัครเรียน YMBA KU หลายคนก็คงจะเคยเห็นบล็อกผมผ่านตากันไปบ้างไม่มากก็น้อย

ตอนแรกผมเองก็ยังงงๆอยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงสอบติด จนกระทั่งวันนี้ก็ยังงงอยู่ ส่วนเรื่องเรียนจบนี่ไม่งงนะครับ บอกตรงๆว่าถ้าขยันเรียน อ่านเยอะๆ หัดวิเคราะห์บ่อยๆ ที่สำคัญคือหัดเขียนครับ การเขียนจะช่วยให้เราสามารถเรียบเรียงสิ่งต่างๆได้ไวขึ้น เชื่อไหมว่าผมเรียนจบมาได้เพราะมีทักษะในการเขียนบล็อกเข้ามาช่วย จนวันนี้ผมเขียนบล็อกไปมากกว่าหลักพันบทความ มันสนุกและช่วยให้เราจำอะไรได้ดีขึ้นด้วยครับ

กลับมาที่ทำไมถึงสอบติด YMBA KU โครงการนี้และหลายๆโครงการของ ม.เกษตร เขาจะคัดคนเบื้องต้นจากคะแนนสอบครับจากนั้นก็คัดอีกทีจากความพร้อมในการเรียนด้วยการสอบสัมภาษณ์ เพราะฉนั้นจึงมีสองด่านที่ต้องทำการบ้านมาดีหน่อยครับ ผมบอกตรงๆว่าในปีหนึ่งๆ รุ่นหนึ่งๆ นั้นมีคนมาสมัครกันเยอะมาก แต่คนได้ก็ไม่เยอะด้วยเหตุแห่งอะไรก็ได้ทั้งปวง แต่ผมเชื่อว่าคนที่เตรียมตัวมาดีย่อมได้เปรียบครับ

สำหรับผมเองถ้าถามว่าทำไมถึงสอบติด จนวันนี้ผมก็ตอบว่ายังงงๆอยู่เหมือนเดิมครับ เพราะผมเองไม่ได้อ่าน ไม่ได้ติว หรือไม่ได้ทบทวนอะไรก่อนสอบเลย ใช้แต่ความรู้เก่าที่ติดตัวมาเท่านั้น น่างงไหมครับ ถ้าจะมีเหตุแห่งการสอบติดที่พอจะตอบเป็นเหตุเป็นผลได้ก็คือความรู้เก่าของผมนั่นแหละครับ ส่วนที่เหลือก็ให้เป็นความบังเอิญไปแล้วกันครับ ซึ่งคงจะอธิบายกันยากสักหน่อย เอาเป็นว่าใครที่สนใจก็ขยันๆแล้วกันนะครับ

ส่วนสรุปเรื่องเรียนก็เอาไว้… บทความหน้าแล้วกันนะยังเรียบเรียงไม่เสร็จ

สวัสดี

กิจกรรมยามว่าง คือเขียนบล็อก

แทบจะไม่เชื่อตัวเองเลยว่า ปัจจุบันกิจกรรมยามว่างของผมคือการนั่งพิมพ์บล็อก เพราะแต่ก่อนนี้ผมไม่ค่อยได้สนใจและ มองคนที่เขียนไดอารี่หรือบล็อกด้วยอคติด้วยซ้ำ

แต่ทุกวันนี้การเขียนบล็อกกลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมในชีวิตผมไปเสียแลัว อาจจะเป็นอย่างที่โบราณว่าไว้ “เกลียดอะไรก็จะได้อย่างนั้น” แต่ก็ผิดไปนิดหนึ่งก็คือมันเปลี่ยนจากมุมมองด้านลบๆ มาเป็นบวกตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เพราะถ้าผมไม่ชอบ ผมคงไม่สามารถนั่งพิมพ์บล็อกทุกวันได้อย่างนี้หรอก

แต่ก่อนนั้น…

เมื่อหลายปีก่อน ผมเห็นเพื่อนที่ร่วมเรียนด้วยกันเขียนบล็อก ผมเองมองว่าเป็นเรื่องไร้สาระและเสียเวลามาก ทำไมผมต้องมานั่งเสียเวลาเล่าเรื่องตัวเองให้คนอื่นอ่านด้วย มันไม่จำเป็นเลย ซึ่งผ่านไป 4-5 ปีผมก็ยังมีมุมมองนี้อยู่ดี แต่ไม่นานนักเมื่อชีวิตผมเปลี่ยน

ตั้งแต่ชีวิตที่ได้เปลี่ยนไป…

ผมเคยเป็นพนักงานบริษัทเหมือนกับชาวบ้านที่เขาเป็นกัน ชีวิตนั้นก็สุขสบายดีอยู่แล้ว ขาดอย่างเดียวคือการสนองตอบความสามารถในตัวผม ผมเองคิดว่าผมทำอะไรได้มากกว่านั้น ความสามารถผมมากกว่านั้น จึงตัดสินใจลาออกมาทำกิจการเล็กๆที่ใช้ความสามารถตัวเองได้เต็มที่ และคิดได้เต็มที่ ฝันได้เต็มที่ เจ็บได้เต็มที่ มันน่าสนุกถ้าผมจะทำอะไรที่อยากทำในขณะที่ยังจะพอทำอะไรได้อยู่

และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของผม การประกอบกิจการส่วนตัวนั้นจำเป็นต้องลงแรงทุกอย่างที่มี ทักษะที่เคยสั่งสมมาแต่ไม่เคยคิดจะใช้ทำมาหากิน นั่นคือทักษะการทำเว็บไซต์ แต่ก่อนไม่เคยคิดจะทำเว็บไซต์เพราะยุ่งยาก แต่ทุกวันนี้ก็ต้องมานั่งทำเพราะความจำเป็นและก็กลับชอบขึ้นมาอีกด้วย และการเขียนบล็อกก็ก้าวเข้ามา ณ จุดนั้น ในจุดที่ผมจำเป็นต้องเขียนบทความเผื่อโปรโมตเกี่ยวกับกิจการของผมให้คนอื่นได้รับทราบ

และจากการพิมพ์บล็อก (เขียนบล็อก) เพื่อการโฆษณา ปัจจุบันมันกลายเป็นงานอดิเรกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ผมกลับสนุกที่ได้บันทึก ได้เรียบเรียง ได้ถ่ายทอดเรื่องราวที่ผมได้รับมา ผมรู้สึกดีเมื่อรู้ว่าตัวเองได้พัฒนาทักษะการพิมพ์ได้ดีขึ้น จากความเห็นบางส่วนของผู้ที่มาตอบ สำหรับตอนนี้ผมก็คงจะเล่าไปถึงแค่ทำไมมันถึงกลายมาเป็นกิจกรรมยามว่างของผมได้ และคิดว่าคงจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับประโยชน์ วิธีการ เกี่ยวกับบล็อกเพิ่มขึ้นด้วยครับ เผื่อว่าจะมีคนสนใจแบบผมบ้าง

สวัสดี

จุ๊บนอนคิด

ปกติแล้วเวลาคนนั่งคิดอะไรเพลินๆก็มักจะเหม่อจนไม่เห็นสิ่งรอบข้าง มาวันนี้ผมจะพามาดูแมวเหม่อครับ…

thinking-jub

ปกติแล้วโดยนิสัยของจุ๊บ มันมักจะไม่ให้คนเข้าใกล้ในระยะสองเมตร ยกเว้นเวลาหิวข้าว ขอข้าวกินเท่านั้น วันนี้ผมผ่านไประหว่างบ้านพบมันนั่งอยู่บนลังพลาสติกที่มาซาแรนปิดจมูกมันอยู่ครับ

ปกติแล้วตามประสบการณ์ที่เจอมา ถ้าระยะขนาด 1 เมตร ใกล้ขนาดนี้จุ๊บมันต้องมองผมแล้วครับ นี่ขนาดหยิบกล้องมาถ่ายจนเดินเลยไปแล้วมันก็ยังนอนอยู่ท่าเดิมเหมือนจะคิดอะไรอยู่สักอย่าง ผมก็เลยปล่อยมันคิดของมันไป ไม่ได้ไปกวนอะไรมัน

ปกติแล้วแมวก็ดูจะเป็นสัตว์ที่ระวังตัว ดูไม่คิดอะไรมาก แต่วันนี้มันกลับตรงข้ามกันเลยทีเดียว จุ๊บมันคงมีเรื่องกลุ้มๆอยู่ในหัวก็เป็นได้ หรือไม่แน่มันก็อาจจะสังเกตุอะไรสักอย่างที่อยู่ตรงพื้นฝั่งตรงข้ามก็เป็นได้

สวัสดี