ผมตั้งข้อสังเกตนี้มานาน เป็นเรื่องของการทำดี ทำกุศลกรรมทั้งหลาย ที่ดูเหมือนว่าจะดีในเบื้องต้น แต่จบลงที่ขาดทุนในเบื้องปลาย
คนเราถ้าไม่หมั่นทำดีมันก็มักจะมีชั่วอยู่ในการไม่ทำดีนั้นอยู่แล้ว พอพัฒนาตนเองมาหมั่นทำดี ก็ใช่ว่าชั่วที่มีจะหายไปหมด ส่วนหนึ่งมันก็เปลี่ยนรูปเป็นชั่วในดีนั่นแหละ
การจะเห็นชั่วในดี มันก็ต้องหมั่นทำดี มาทำกิจกรรมการงานที่ดีร่วมกันกับหมู่มิตรดี ถึงจะมีโอกาสเห็นได้มากขึ้น ทำคนเดียวมันเห็นยาก พอมาทำร่วมกับคนอื่นเดี๋ยวคนตาดีเขาก็เห็น จะแอบซ่อนยังไง มันก็จะทะลักออกมาให้เห็น ยิ่งถ้าตนเองมีญาณปัญญารับรู้ได้ดี ก็ยิ่งเห็นตนเองได้ชัดยิ่งขึ้น
ลีลาของชั่วในดีอันหนึ่งก็คือ การตั้งจิตผิด ไปเอาผลของงานมาเป็นตัวตั้งว่าทำดีแล้วมันต้องเกิดผลดี ต้องเกิดดีสำเร็จตามที่ตั้งใจ ต้องมีคนรับรู้ถึงดีนั้น ๆ จึงจะสุขใจ
โดยมากผู้ที่มีอาการเหล่านี้มักจะมองข้าม ไม่สนใจการพัฒนาของจิตใจหรือการเติบโตของกิเลสในตน เพราะเกิดจากการตั้งจิตไว้ผิด พอเอางานนำ การปฏิบัติใจมันจะพร่องไปเยอะ แต่ถ้าเอาเรื่องใจนำ งานก็ทำดีเต็มที่แล้วปล่อยวางให้เป็นไปตามวิบากกรรม มันก็จะได้ทั้งใจทั้งงานอย่างเต็มที่ที่สุด แม้มันจะขาดบ้างพร่องบ้าง ออกมาไม่สวยบ้าง แต่ถ้าใจไม่ทุกข์ กิเลสไม่กำเริบมันก็ดีที่สุดเท่าที่มันจะเป็น
เหตุที่เป็นอย่างนั้นเพราะกิเลสมันหลอกให้มองไปนอกตัว ปิดบังไม่ให้ไปยุ่งกับมัน โดยเอากุศลหรือการทำดีนี่แหละ เป็นเป้าลวงให้คนพุ่งชน คนหลงตามกิเลสเขาก็พุ่งชนแต่เป้ากุศล เอาแต่เป้ากุศลเป็นหลักชัย ว่าดีทีทำนี้ งานการกุศลนี้ต้องสำเร็จเพื่อเป้าหมาย…ฯลฯ
นึกภาพไม่ออกก็นึกถึงวัวกับมาทาดอร์ ถ้าวิ่งชนถูกเป้ามันก็จบ แต่ถ้าโดนเขาล่อลวงไปเรื่อย ๆ มันก็วิ่งวนไปอยู่แบบนั้น
กิเลสนี่มันร้าย แม้จะมาทำดีแล้ว แต่มันจะลวงให้เราหลงแต่ในกุศล ไม่สนใจเรื่อง “บุญ” หรือการชำระกิเลส มันจะไม่ให้เราใส่ใจ ไม่ให้เราให้เวลา ไม่ให้เราให้น้ำหนัก ไม่ให้เราเห็นความสำคัญของการทำบุญ ขัดเกลากิเลส แต่จะลวงเราให้หลงกับการทำงานและผลของงานอย่างหน้ามืดตามัว มาทำงานกับคนหมู่มากก็จะเอาแต่กุศล จะเอาแต่งานนอกเสร็จ แต่งานใน คือเรื่องกิเลสในจิตใจ ไม่พากันทำ ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ไม่ให้เวลา ไม่ช่วยกันทำ งานนอกเสร็จแล้วก็แยกย้าย สุดท้ายกิเลสงาบไปกินหมด
ซึ่งกิเลสมันก็เนียนมาก ๆ เพราะคนทำดี มันก็จะมีผลดีให้ได้กินได้ใช้เป็นธรรมดา ซึ่งบางทีไอ้ “ผลดี” ที่ว่านี่แหละ คือสิ่งที่เลี้ยงเราไว้ให้หลงในความเป็น “โลกีย์” ความขาดทุนของการยึดดีเป็นหลักชัยนั้นก็คือความวนอยู่ในโลกนั่นแหละ เสียเวลาเปล่า ๆ
ทำดีทำกุศล มันก็มีดีไว้กินไว้ใช้ไว้ป้องกัน แต่มันก็ไม่ใช่ว่าทำดีที่สุดแล้วจะพ้นทุกข์ ถ้าจะพ้นทุกข์มันก็ต้องหัดทำบุญ หรือหัดชำระกิเลส ดีนั้นก็เอาไว้อาศัยทำประโยชน์ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะควรยึดมาเป็นตัวเป็นตน หรือยึดว่าเป็นผลที่น่าได้น่าเสพใด ๆ
สรุปจบตรงที่ว่า อย่าหลงกุศล จนลืมทำบุญ(การชำระกิเลสในสันดาน)