ถ้าใช้จอบทั่วไป หรือพวกจอบเหล็ก อันนั้นมันจะเบา ดีไม่ดี ฟาดดินลงไปจะงออีกด้วย เพราะดินที่นี่หินเยอะ ดังนั้นมันก็ต้องปรับเครื่องมือให้เข้ากับงาน แรงคนนี่ส่วนใหญ่มันก็พอจะไหวอยู่ แต่ถ้าเครื่องมือมันอ่อนนิ่มเกินแรง อันนั้นเครื่องมือก็จะพังได้ ดังนั้นจึงต้องหาที่มันพอดีมือ พอดีแรง ก็ปรับกันไปตามเหตุปัจจัย มีก็ปรับ ไม่มีก็ใช้เท่าที่มี
Category: งาน
เรื่องเล่าเกี่ยวกับ งานต่างๆของดิณห์
[16] หญ้าจำนวนมาก

16. หญ้าจำนวนมาก
หลังจากที่ปล่อยให้หญ้าขึ้นในหน้าฝนมากว่าส่ามเดือน ผมพบว่าหญ้าที่ถางมาได้นั้นเยอะมาก มีกองใหญ่ ๆ แบบที่เห็นอีกหลายกอง
พอได้หญ้ามาก็มาคิดว่าจะเอามาทำอะไรดี มันใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง จะเอามาคลุมดินก็ได้ หรือจะเอาไปลงแปลงผักแล้วเอาดินกลบแล้วค่อยปลูกผักก็ได้
ตอนแรกที่เห็นหญ้าผมก็ไม่คิดว่ามันจะเยอะ แต่พอถางไปเรื่อย ๆ กองมันก็ยิ่งใหญ่ ยิ่งหลายกองขึ้นเรื่อย ๆ กองนี้สูงก็ไปวางเริ่มกองใหม่ แต่หญ้าที่เหลือก็ไม่มีทีท่าว่าจะหมด
ผมได้ลองถางหญ้าต่อเนื่อง แบบเต็มกำลังเท่าที่จะอึดได้ คือประมาณ 1 รอบ จะถางได้ 16 ตรม. (4*4 เมตร) ถ้ามากกว่านั้น จะร้อนเกิน ต้องไปพักเป็นระยะ ให้เย็นลงแล้วค่อยมาถางใหม่
คิดว่าถ้าเอาแบบฟิตจริง ๆ จะได้วันละ 6 – 8 รอบ เช้าจรดเย็น แต่มันก็ยากสำหรับผม เพราะไม่ค่อยได้วางตารางงานว่าจะทำอะไรอย่างเดียวทั้งวัน
วันแต่ละวันจะมีกิจกรรมนั่นนู่นนี่ รวมทั้งที่ไม่ได้วางแผนเต็มไปหมด อะไรควรทำก็เปลี่ยนไปทำ อะไรพิจารณาแล้วว่ารอได้ก็ยกไว้ก่อน ดังนั้นหญ้าก็เลยยังไม่หมดเสียทีเพราะเอาเวลาไปทำอย่างอื่น
พอผมคิดได้ว่าจะปลูกอะไรก็ค่อย ๆ ถาง จะได้มีที่ปลูก ถ้าถางไว้ก่อนมันจะโตอีกรอบ เพราะช่วงนี้ฝนยังตกอยู่ ก็ถางกันไป ….
[6] ถางหญ้า ในหน้าฝน

6. ถางหญ้า ในหน้าฝน
กิจกรรมถางหญ้านั้น เป็นกิจกรรมที่ค่อนข้างจะเพลิน กินแรงน้อย ทำได้นาน ถึงแดดจะร้อน แต่ก็ไม่รู้สึกว่าเหนื่อยนัก ยิ่งทำตอนแดดร่มลมพัดนี่ยิ่งถางได้เร็ว
แต่เมื่อฝนตกแล้ว ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นอีก เพราะนอกจากจะชื้นแฉะแล้วยังมีโอกาสเจอกับแมลงมีพิษหรือสัตว์อื่น ๆ ด้วยก็ได้
หลังฝนตกผมจึงไม่ค่อยเสี่ยงไปถางหญ้าสักเท่าไรนัก แต่จะเปลี่ยนงานไปทำอย่างอื่นดีกว่า รอวันอากาศดี ความชื้นน้อย ๆ ดูแห้ง ๆ แล้วค่อยออกไปถางหญ้าจะปลอดภัยกว่า
ถนนนักเขียน
งานเขียนช่วงนี้มีเยอะขึ้นมาก ในเพจที่ทำไว้ก็มีบทความมากมาย และมีผู้ที่สนใจเข้ามาอ่านอยู่บ้าง ซึ่งในตอนแรกที่คิดจะเขียนบทความนั้นก็ไม่ได้คิดว่าจะมีคนเข้ามาดูเยอะขนาดนี้
งานนี้เป็นงานหนึ่งที่สามารถทำได้ไม่ยาก แม้จะเรียบเรียงเนื้อหาได้ยากบ้างง่ายบ้าง แต่ก็ใช้สภาวะที่ตัวเองมีเรียบเรียงขึ้นมาเขียนจึงทำให้ร่างบทความต่างๆออกมาได้ไม่ยากเย็นเท่าไรนัก
ส่วนใครจะติดตามผลงานก็ติดตามได้ที่ facebook ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์ จะทักทาย ถามตอบกันได้ก็ในเพจนั้นนั่นแหละนะ
เนื้อหาที่ตั้งใจจะเขียนในตอนแรกก็เป็นเรื่องราวประสบการณ์ชีวิตสบายๆ แต่มาช่วงหลังนี่ก็หนักหน่วงไม่ใช่เล่น แต่ละบทความนั้นมีความหนักแน่นในตัวของมันเอง และมีทั้งความยาวของเนื้อหาที่มาก บางบทความไปไกลถึง 6-7 หน้า A4 แต่ก็ยังดูเหมือนมีคนเพียรที่เขาเข้ามาเก็บสาระได้เหมือนกันนะ อย่างน้อยมีคนมากด like ไว้บ้าง ก็คงต้องมีคนอ่านกันบ้างละนะ
ย้ายบล็อก ย้ายโฮส
หลังจากใช้โฮสของ monkiezgrove.com เป็นฐานที่มั่นมานาน แต่วันนี้ก็ได้ปล่อยให้ที่เดิมนั้นหมดอายุไป ด้วยเหตุว่าต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย
ด้วยความที่ตอนนี้คิดว่าตนเองนั้นคงเลิกที่จะรับจ้างหรือขายงานออกแบบใดๆแล้ว ก็เลยไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีเว็บไซต์ monkiezgrove อีกต่อไปให้เปลืองค่าใช้จ่ายรายปี จึงได้ย้ายเฉพาะ Duck blog มาที่โดเมนใหม่แห่งนี้คือ duckblog.dinp.org
ซึ่งเนื้อหานั้นจะถูกตัดทอนและลบทิ้งไปมาก เพราะว่า database นั้นใหญ่เกินไปที่จะย้ายมาทั้งหมดได้ จึงได้ตัดสินใจลบเนื้อหาเกี่ยวกับกระบองเพชร บอนสี และเรื่องราวที่ไม่เป็นสาระต่างๆทิ้งไปเพื่อลดขนาดของก้อนข้อมูล เพื่อจะได้ทำการย้ายข้อมูลในส่วนที่สำคัญมาได้
ชีวิตที่ผ่านเลยมาถึงต้นปี 2556
และแล้วก็ผ่านต้นปีมาจนถึงช่วงกลางเดือนมกราคม ผ่านวันเด็ก ผ่านวันอะไรๆที่ดูจะสำคัญในช่วงปีใหม่มาแล้ว คงจะเป็นช่วงที่ผ่อนคลายและสงบนิ่งมากขึ้น
ก่อนปีใหม่ก็ไม่มีเวลาได้ทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาในปี 2555 และวางแผนในปี 2556 เลย มันดูเหมือนจะว่าง แต่พอนึกไปมันก็ไม่ว่าง มีอะไรยุ่งๆ นิดๆ หน่อยๆ เต็มไปหมด มีอะไรให้ทำตลอดเวลาจนลืมนึกไปว่าในปีนี้ยังไม่มีแผนเป็นชิ้นเป็นอันสักเท่าไรนัก มีแต่แผนรวมๆระยะยาวเท่านั้นเอง

ในปีนี้ เท่าที่คิดได้ก็จะกลับมาพัฒนามังกีซ์โกรฟ (www.monkiezgrove.com) อีกครั้ง หลังจากปล่อยให้ร้างไปเกือบสองปี ซึ่งการปัดฝุ่นครั้งนี้ได้ใช้ประสบการณ์และความรู้ที่เก็บเกี่ยวมาในช่วงที่เรียนโทมาใช้ด้วย ทำให้เป็นการวางแผนการสร้างในทุกระยะเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งแน่นอนว่าจะต่อเนื่อง มั่นคง และยั่งยืนกว่าเคย อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในบทบาทบ้าง ตามความเหมาะสม แต่สุดท้ายสิ่งที่ยังเป็นงานหลักของมังกีซ์โกรฟ คือ การ์ตูนน่ารัก คำนี้จะฝังลงไปในทุกๆกิจกรรมของมังกีซ์โกรฟ

อีกอย่างก็คงจะเป็นการทำอัลบั้มภาพออนไลน์ที่ DINPhoto ( photo.dinp.org ) ภาพที่ถ่ายเก็บไว้เยอะมากๆ ภาพที่ไปเที่ยวถ่ายวิว ถ่ายนู่นถ่ายนี่ ตามประสาคนบ้าถือกล้่องไปที่ไหนก็ถ่ายที่นั่น จะได้นำมาลงแบ่งปันกันให้ชมเสียที เดี๋ยวเขาจะหาว่าเราอยู่แต่บ้านไม่ได้ออกไปดูโลกบ้าง ก็ค่อยๆติดตามกันเป็นระยะๆ นะครับ จะทยอยๆ ลงไปเรื่อยๆ
ส่วนงานอื่นๆ ก็คงกลับมารับทำเหมือนเดิมหลังจากงดรับงานมาเกือบสองปี เพื่อมุ่งเน้นไปในการเรียนรู้ให้คุ้มค่าที่สุด ณ ตอนนี้เหมือนจุดที่ทุกอย่างคลี่คลาย ค่อยๆกลับมาเป็นเหมือนปกติอย่างช้าๆ สำหรับปีนี้คงได้แค่ทำตามแผนที่วางไว้ สำหรับแผนใหม่คงยังไม่คิด เอาไว้คิดปีหน้าดีกว่า ตอนนี้สะสมทุนอีกครั้งก่อนจะเปลี่ยนแปลงอีกครั้งในโอกาสหน้า
สำหรับใครที่ยังไม่ได้วางแผนชีวิต ก็ลองใช้เวลานั่งคิด นั่งทบทวน นั่งคุยกับตัวเองดูก็ได้ ว่าชีวิตต้องการอะไร อะไรคือเป้าหมาย ได้มาแล้วยังไงต่อ คิดล่วงหน้าไว้ก่อน สุดท้ายค่อยสกัดด้วยคำว่า “อะไรที่จำเป็น”
สวัสดี
MonkiezGrove before 5th
ใกล้จะปีใหม่ ใกล้จะปีหน้า ใกล้จะครบรอบ 5 ปี มังกีซ์โกรฟกันอีกครั้ง ช่วงปีที่ 4 ถึงปีที่ 5 มานี้นั้น แทบจะเรียกได้ว่าไร้กิจกรรมใดๆกันเลยทีเดียว
เนื่องจากช่วงต้นปี 2555 ผมติดเรียน ค่อนข้างยุ่งมากจนกระทั่งกลางปีก็ยังไม่ลงตัวเท่าไรนัก พอปลายปีก็มีโปรเจคของ AIRA Garden เข้ามาอีก กว่าจะออกแบบกว่าจะทำเสร็จก็กินเวลากันเกือบ 3 เดือน ยังดีที่มีเวลาให้พอจินตนาการวาดรูปลงที่ MonkiezGrove Cartoon Book (facebook) กันบ้าง ทำให้ผู้สนใจหรือแฟนๆของมังกีซ์โกรฟพอหายคิดถึงกันได้บ้าง
MonkiezGrove ก่อนจะเข้าสู่ปีที่ 5
ก่อนจะเข้าสู่ปีที่ 5 นี้ก็ต้องยอมรับกันก่อนเลยว่าช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมานั้นแทบจะว่างเปล่า แต่ก่อนจะสิ้นปีนี้ ผมจะปรับปรุงเว็บไซต์มังกีซ์โกรฟอีกครั้ง เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ที่ปรับปรุงเพราะว่าจะทำให้มันใช้งานง่ายขึ้นกว่าเดิมอีก ง่ายขึ้นกว่าเดิมมากๆ ง่ายทั้งคนดูและคนเขียน เพราะก่อนหน้านี้บอกตรงๆ เลยว่าทักษะเขียนเว็บไซต์นั้นค่อนข้างจะน้อย แต่ตอนนี้ก็พัฒนามาอยู่ในขั้นที่พอจะใช้งานได้นานและไม่ปรับเปลี่ยนกันบ่อยๆ และคิดว่าในปี 5 นี่แหละ ที่จะเป็นปีที่ได้มีโอกาสสร้างผลงานมากมายออกมาให้ทุกท่านชม ติดตามกันต่อไปนะครับ
MonkiezGrove Cartoon Book
Social network ที่เข้ามาช่วยให้หลายๆท่านสร้างเครือข่ายโดยไม่ต้องมีเว็บไซต์ให้ยุ่งยาก มังกีซ์โกรฟเองก็เช่นกัน หากเป็นช่องทางหนึ่งที่เราจะได้พบกับผู้ที่สนใจงานของเรา เราก็จะสร้างมันขึ้นมา
ปัจจุบันมังกีซ์โกรฟ มีแฟนเพจอยู่ประมาณ 700 ท่าน แม้จะเพิ่มขึ้นไม่มากมายจนผิดหูผิดตา แต่เราก็ยังดีใจทุกครั้งที่ผลงานของเราที่สร้างนั้น ได้ทำให้แฟนเพจหลายๆท่านมีความสุขที่ได้พบเห็นงานน่ารักๆของเรา ซึ่งผลงานของมังกีซ์โกรฟนั้นก็จะเน้นไปในทางน่ารักสดใส และเชิงสร้างสรรค์ เพราะต้องการจะแบ่งปันภาพสวยๆ อารมณ์ดีๆ แก่ผู้รับชม
สำหรับผู้สนใจที่ยังไม่เคยเข้าไปดู MonkiezGrove Cartoon Book ก็เข้าไปแวะชมได้ใน MonkiezGrove Cartoon Book (https://www.facebook.com/monkiezgrovecartoon) ถ้าท่านใดมีบัญชีของเฟสบุคก็สามารถติดตาม like&share ได้ตามอัธยาสัย
ขอบคุณที่ติดตามกันมาจนถึงทุกวันนี้
สวัสดี
เรียนจบโท หางานใหม่?
หลังจากเรียนจบ ก็จะมีคำถามนี้ขึ้นมาบ่อยมาก ซึ่งผมเองก็พยายามที่จะตอบให้มันเข้าใจง่ายๆหน่อยเพราะคำตอบในมุมของผมอาจจะต่างจากคนอื่นไปมากไปนิด
เริ่มจากจุดประสงค์ในการเรียน MBA ของผมกันก่อน…
ถ้าจะถามว่าหลังจากเรียนจบจะเปลี่ยนงานไหมก็ต้องกลับมาที่จุดประสงค์ในการเรียน ผมเลือกตัดสินใจเรียน MBA จากหลายๆตัวเลือกที่ได้คัดมาแล้ว ซึ่งเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดทั้งในด้านความรู้และการขยายโอกาส ซึ่งอาชีพของผมเองก่อนหน้านี้ก็คือ Animator ซึ่งสร้างอนิเมชั่นเป็นหลัก แน่นอนว่ามีอาชีพเสริมที่สร้างรายได้อีกมากมายคงจะกล่าวถึงกันไม่ไหวต้องตามดูกันเอง
และชัดเจนว่าจุดประสงค์ของผมคือ ด้านความรู้และการขยายโอกาส ซึ่งนี่คือสิ่งสำคัญที่สุดในการเรียน การได้รับปริญญามาอัพเกรดสถานะของตนนั้นไม่อยู่ในหัวผมเลย เพราะผมเองไม่ได้คิดจะไปสมัครงานที่ไหนอยู่แล้วเพราะฉนั้นใบปริญญา ใบทรานสคริป นั้นไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำ
เรียนจบโท หางานใหม่ไหม?
คำถามที่ต้องตอบกันบ่อยๆ ถ้าเป็นวันนี้ก็จะตอบว่าไม่ เพราะการเรียนโทเป็นการเสริมงานเก่าอยู่แล้ว เป็นงานที่วางแผนไว้ก่อนเรียนโท และอยู่ในแผนแต่แรกแล้ว ซึ่งก็รู้ก่อนเรียนแล้วว่าจะได้่รับอะไรมาพัฒนาความสามารถ ดังนั้นเมื่อเรียนจบผมจึงตัดสินใจพัฒนางานเดิมให้เติบโตขึ้นไปเรื่อยๆจะดีกว่า แม้ตอนนี้จะยังไม่เห็นดอกผลแต่คิดว่าวันหนึ่งก็คงจะเติบโตอย่างที่ผมหวังไว้แน่ๆ
ถ้าผมคิดจะเรียน ปริญญาโทใบนี้มาเพื่อจะได้รับเงินเดือนและโอกาสในการหางานใหม่ ถ้าผมอยากทำงานในรูปแบบออฟฟิศ หรืออยู่กับองค์กร ผมก็คงไม่ตัดสินใจลาออกจากบริษัทที่เคยทำเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งผลในการเรียนโทของผมอาจจะต่างไปจากคนอื่น ซึ่งมันอาจจะดูคลุมเครือไม่ชัดเจนเหมือนการได้เลื่อนตำแหน่งเพิ่มเงินเดือน แต่ผมเชื่อว่าการนำความรู้มาใช้จริงนั้นจะทำให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนมากกว่าการเรียนๆสอบๆให้จบๆไปเพื่อได้รับปริญญาอย่างแน่นอน ซึ่งการเรียนปริญญาโทของผมนั้น ผมเรียนเพื่อให้ได้มาซึ่ง ความรู้และโอกาสที่มากกว่าเดิมนั่นเอง
ซึ่งนี่เป็นคำตอบของผมซึ่งอาจจะต่างไปตามแต่ละจุดประสงค์ของแต่ละบุคคล เป็นเพียงแค่ความเห็นเท่านั้นเอง…
สวัสดี
Blend me!
สำหรับผู้ติดตามบล็อกที่อาจจะสงสัยว่าทำไมผมจึงหายไปนานนั้น คิดว่าคงได้คำตอบกันแบบคร่าวๆกันไปแล้วในบทความก่อนหน้านี้ ซึ่งผมก็ได้ชี้แจ้งแบบรวมๆ และคร่าวๆ โดยไม่เจาะลึกให้เข้าใจยากนักไว้เรียบร้อยแล้ว
ที่หายไปนั้นก็ตามอ่านได้ตั้งแต่บทความ “เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง” ถึงบทความ “ผ่าน” แล้วก็คงจะได้คำตอบ ซึ่งจะมาต่อกันที่เนื้อหาในบทความนี้กันครับ
Blend แปลว่า การผสมผสาน การผสม การยำ…
…หรืออะไรก็ตามแต่ Blend me! คือชื่อของบทความนี้ เป็นบทความสั้นๆที่จะมาแจ้งเหตุแห่งความขลุกขลักในชีวิตผมในช่วงนี้ซึ่งคุณอาจจะไม่อยากรู้ก็เป็นได้ แต่แน่นอนมันส่งผลกับ Website ต่างๆของผมทั้งหมด Cactus Blog ,Sansevieria Blog ,Travel Blog etc. ซึ่งถ้าบอกเช่นนี้แล้วอาจจะน่าติดตามขึ้นมาอีกสักนิดหนึ่งก็ได้นะ
ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ผมเพิ่งเรียนจบใหม่ๆ เป็นช่วงเวลาแห่งความว่างเปล่าที่รอรับปริญญา แน่นอนว่า Freelance Artist หรือศิลปินอิสระ อย่างผมสามารถรับงานได้ตามใจต้องการ แต่ในเวลานี้ผมไม่ต้องการรับงานใดๆทั้งสิ้นก่อนถึงช่วงรับปริญญาที่จะเป็นดั่งสัญลักษณ์แห่งความจริงในการสำเร็จการศึกษา
แน่นอนว่าผมไม่ได้ปล่อยให้เวลาแต่ละวันผ่านไปเฉยๆ ผมพยายามใช้สมองที่มี คั้นเรื่องราวทุกเรื่อง ความสามารถของผม อนาคต อดีต ทุกๆความเป็นไปได้ของผมออกมาเป็นแผนๆหนึ่ง เป็นแผนใหม่ในการดำเนินชีวิตหลังจากเรียนจบ และแน่นอนว่าถ้าเรียนมาแล้วไม่ได้ใช้ก็คงจะไม่ใช่ผมแน่ๆ ผมจะเรียนสิ่งที่ใช้และใช้สิ่งที่เรียนนั่นคือความเป็นจริง เป็นความจริงที่ทำให้ผมมีทักษะที่หลากหลาย แม้ว่ามันจะไม่ได้ลงรายละเอียดลึกหรือเชี่ยวชาญไปในทางใดทางหนึ่งแต่ก็สามารถให้ผมดำรงชีวิตในโลกที่สับสนและงงๆไปได้ไม่ยากนัก
Blend me!
บอกกันอีกครั้งว่านี่คือการผสมผสาน ตอนนี้ 3 ทักษะหลักที่ผมมีกับอีก 1 วิธีการที่เพิ่มเข้ามาในชีวิตของผม มันทำให้ผมต้องคิดหนักมากๆในการจัดตารางและวางแผนกิจกรรมต่างๆให้เกิดประโยชน์และคุณค่ามากที่สุด ซึ่งจะบอกว่าจะทำอะไรได้บ้างก็คงจะเยอะไปหน่อย เอาเป็นย่อๆแล้วกันว่างานศิลปะ ,งานเว็บไซต์และิอินเตอร์เน็ต,ปลูกและขยายพันธุ์ไม้ สามงานนี้เป็นงานที่สามารถทำรายได้ แต่ทำได้แตกต่างกันไปซึ่งข้อดีก็เสียก็ต่างกันไป
ซึ่งสิ่งที่จะมาจัดการกับสิ่งที่ผมทำได้คือสิ่งที่ได้ร่ำเรียนมาล่าสุดนั่นคือวิชาการจัดการ เพื่อมาบริหารทักษะ รายได้ โอกาส เวลา และชีวิตของผมเอง แน่นอนว่าการเรียน MBA นั้นมีการเรียนหลายวิชา แต่ผมก็ได้เลือกวิชาที่จำเป็นต่อชีวิตของผมมากที่สุดมาช่วยในการออกแบบงานของผมแล้ว และสิ่งที่จะเห็นต่อจากนี้คือความเสถียร ความนิ่ง และความมั่นคงในชีวิต รวมถึงเนื้อหาต่างๆที่คุณกำลังจะติดตามจากผลงานของผมนับจากนี้ด้วย
สวัสดี
เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง
ณ วันนี้ดูเหมือนจะมีกิจกรรมที่หลายอย่าง ดูจะสับสนในชีวิตพิกล การมีกิจกรรมและงานที่หลากหลายดูจะเป็นข้อดีในชีวิต
แต่ในปัจจุบันนั้นความหลากหลายเหล่านั้นกลับมาเล่นงานผม ในวันหนึ่งผมมีสมาธิอยู่ปริมาณหนึ่ง แน่นอนมันสามารถเพิ่มเป็นอนันต์ได้ถ้าหากผมฝึกบ่อยๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วกิจกรรมหลายๆอย่างนั้น ทำให้ผมกลายเป็นคนสมาธิสั้นไป
การรับข้อมูลข่าวสาร จากทุกๆมุมของเรื่องที่สนใจ มีผลทำให้เราไขว้เขวไปจากเรื่องที่กำลังจดจ่อหรือมุ่งมั่นอยู่ ครั้นไอ้การจะไม่สนใจก็ดูจะเป็นการยากไปหน่อยเพราะส่วนใหญ่กิจกรรมเหล่านั้นก็มักจะอยู่รอบๆ หรือปนอยู่ในชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว ก็คล้ายๆกับกินกาแฟตอนเช้า แปรงฟันก่อนนอนอะไรอย่างนั้น
แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป…
แน่นอนว่าถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ ผมเองสามารถควบคุมความหลากหลายของตัวเองได้เป็นอย่างดี ซึ่งก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับมัน จนกระทั่งมาถึงตอนนี้ ณ จุดนี้ที่กำลังพิมพ์อยู่นั้นเป็นเวลาของเทอมสุดท้ายในการเรียนปริญญาโท ของผม ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมไม่ค่อยจะถนัดนัก นั่นคือการวิจัยเชิงสถิติและบรรยายในรูปแบบวิชาการ
ผมเองเรียนศิลปะมา ผมคิดว่าศิลปะเหมือนจักรวาล ไม่มีขอบ ไม่มีสูงสุด ไม่มีต่ำสุด ความคิดผมจึงไม่เคยมารูปแบบหรือกรอบใดๆทั้งนั้น มันกลายเป็นทัศนคติ กลายเป็นนิสัย และกลายเป็นอนาคตของผมไปในเวลาเดียวกัน แต่ในปัจจุบันนี้ผมจำเป็นต้องทำตามกฏเกณ หรือรูปแบบ หรือ แบบทดสอบใดๆก็ตามที่จำเป็นต้องผ่านไปให้ได้ การเปลี่ยนมุมมองที่เคยมีนั้น ไม่ยากเท่ากับการเปลี่ยนพฤติกรรมที่ทำกิจกรรมอย่างหลากหลายในแต่ละวัน
สถานการณ์เปลี่ยนคนก็ต้องเปลี่ยน
เมื่อสถานการณ์บีบคั้นกว่าที่คิด ผมจึงจำเป็นต้องตัดสินใจ และเข้าใจสภาพที่ตัวเองเป็นอยู่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะจำได้ ผมนึกถึงประโยคหนึ่งได้ในขณะที่ตั้งสมาธิ “เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง” ประโยคนี้พุ่งเข้ามาในหัวผมทันที โชคดีที่ผมเคยได้ยินและได้รับประสบการณ์เกี่ยวกับความหมายของประโยคนี้ ผมเองชินกับความหลากหลาย จนขาดความสามารถในการจดจ่อในสถานการณ์ที่จำเป็นเช่นนี้ เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง เป็นประโยคที่สามารถนำมาใช้ในสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างดี
เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง ทำให้ผมรู้ว่าผมควรจะเรียงลำดับความสำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดในสิ่งที่สำคัญมากมายนั้น ถ้าไม่ใช้สติคิดก็คงจะลำบาก เพราะผมเองมีสิ่งสำคัญหลายสิ่งที่ต้องทำไม่ทำก็อาจจะทำให้ชีวิตแย่ก็ได้ แต่สิ่งนี้ การทำวิจัยในครั้งนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้ ผมพิมพ์บทความนี้เพื่อบอกกับตัวเอง ทุกคำที่พิมพ์ลงไปได้ตอกย้ำข้อความเหล่านี้ในสมองของผม และเป็นสิ่งยืนยันแนวทางของผมเองด้วย ซึ่งเรื่องนี้คงไม่ต้องการ การพิสูจน์หรือการทดลอง แต่จำเป็นต้องทำอย่างจริงจัง เวลาที่เหลือไม่มากในช่วง 1-2 เดือนนี้ผมจะขอใช้เพื่อการทำวิจัยนี้เท่านั้น
สวัสดี
