ช่วงหลัง ๆ มานี่เห็นโฆษณาร้านอาหารทางเฟสบุคบ่อย ส่วนใหญ่ก็เป็นบุฟเฟ่ต์ ซึ่งราคามันสุดแสนจะแพง
ถ้าตามสามัญสำนึกของคนเมืองรายได้ปานกลางทั่วไป มื้อละ 299 ก็คงจะไม่แพงเท่าไหร่นัก แต่สมัยนี้มันมีเด็ดกว่านั้น มื้อละ 500-1500 จนกระโดดไปมื้อละหลายพันจนหลักหมื่น
จริง ๆ แล้วคนเรากินข้าวให้เก่งแค่ไหนก็ได้แค่อิ่ม ผมลองคิดดูว่าไปสั่งอาหารตามสั่งข้างทางกินเต็มอิ่มก็คงเต็มที่แค่ 2-3 จาน คงไม่เกิน 150
ค่าอาหารวันหนึ่ง 150 สำหรับผมมันก็แพงมากอยู่แล้ว เพราะทุกวันนี้เฉลี่ยต่อวันค่าอาหารก็ประมาณ 20 บาท แล้วส่วนที่เกินจากนั้นคือค่าอะไร ?
ชีวิตปกติในอดีตผมอาจจะกินวันละเป็น 100 แต่พอมาศึกษาการอยู่ง่ายกินง่ายค่าใช้จ่ายมันก็ถูกลงเหลือเฉลี่ยวันละ 20 แล้วส่วนต่าง 80 บาทที่หายไปคืออะไร?
มันคือค่าของราคะ ที่เราเคยจ่ายไปนั่นเอง มีราคะมากก็จ่ายมากแปรผันตามกันไป จริงอยู่ที่ว่าค่าครองชีพบางที่อาจจะแพง บางคนทำงานห้างก็ต้องกินในห้างอันนั้นยกไว้ แต่เรามามุ่งเน้นกันที่ในเมื่อเราเลือกอิ่มได้ ทำไมเรายังเลือกอิ่มที่แพงมากกว่าอิ่มที่ถูกกว่า ซึ่งมันก็อิ่มเหมือนกัน ตกลงจะเอาอิ่มท้องหรืออิ่มราคะกันแน่
การกินอาหารแพง ๆ ในสายตาของผม ไม่ได้มองว่าเป็นสิ่งที่หรูหรา มีศักยภาพหรืออำนาจที่จะได้มา แต่มันคือราคะที่จัดและแรงกล้า…ดังนั้นเวลาที่มีคนอวดว่าได้กินของเขาว่าดี(และแพง) ผมไม่เคยอิจฉาเลย ในทางกลับกัน ผมล่ะสงสารเขาสุดหัวใจ เพราะเขาไม่รู้ว่าราคะนี่แหละมันร้าย และมันร้ายลึกด้วย คือมันมีโทษที่ไม่ชัด ลึกล้ำกัดกินใจ และเป็นกิเลสที่ล้างยากแสนสาหัสที่สุดตัวหนึ่ง และเขาเอามาอวดมันก็แพร่เชื้อราคะต่อ ๆ กันไปอีก เป็นวิบากร้ายที่ทำทับถมกันไปเรื่อย ๆ
ในสังคมที่พยายามโชว์ว่าตนได้ตนเสพสมใจในสิ่งที่มันแพงนี่แหละ เหมือนกับการแก้ผ้าโชว์ว่าข้ามีราคะจัด …ก็ว่ากันไปตามประสาโลก