ปลูกป่าลุยนา

เมื่อวันหยุดที่ผ่านมา ผมได้ไปร่วมกิจกรรมกับเครือข่ายฅนกินข้าวเกื้อกูลชาวนา  ซึ่งจัดโดยทีวีบูรพา อีกครั้งหลังจากไม่ได้ไปร่วมกิจกรรมแบบเดินทางไปต่างจังหวัดมานาน

สำหรับกิจกรรมในตอนนี้ก็มีชื่อว่า “หว่านข้าวสู่ผืนนา หว่านศรัทธาสู่หัวใจ” ครับ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดมาหลายครั้งแล้ว แต่ผมเองก็ไม่ว่างไปสักทีเพราะว่าส่วนใหญ่มักจะชนกับกิจกรรมที่มหาวิทยาลัย ไม่ก็ติดสอบก็เลยไปไม่ได้สักที

เครือข่ายฅนกินข้าวเกื้อกูลชาวนา
เครือข่ายฅนกินข้าวเกื้อกูลชาวนา

มาคราวนี้มีโอกาสได้ไปแล้ว ก็ยินดีมากๆสำหรับการได้ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในครั้งนี้ สำหรับรูปก็สามารถหาชมได้ในเฟสบุคของ เครือข่ายฅนกินข้าวเกื้อกูลชาวนา ได้เลยครับ หรือกดลิงก์ จากรูปภาพด้านบนได้ครับ

สำหรับตอนนี้ก็จะมาเขียนหัวเรื่องทิ้งไว้ก่อนเพราะว่า จากที่คิดๆแล้วน่าจะมีหลายประเด็นหลายตอนที่ผมเก็บเกี่ยวมาได้ซึ่งมีส่วนหนึ่งหรือหลายๆส่วนของเนื้อหาที่เกี่ยวพันกับการที่ผมได้ไปศึกษาจาก สวนลุงนิล จากกิจกรรม ฅนคอเดียวกันสัญจร วิถีแห่งความพอเพียง กับ ลุงนิลคนของความสุข ที่ผมได้เคยไปมาเมื่อ 3 ปีก่อน สำหรับบทความของกิจกรรมคราวนี้ขอเวลาสักครู่ใหญ่ๆในการเรียบเรียงทุกอย่างออกมานะครับ

ยังไงก็อยากจะฝากบทความเก่าๆ ซึ่งผมได้พิมพ์ประสบการณ์และเรื่องราวที่เก็บเกี่ยวไว้ได้จากสวนลุงนิล ในบทความ : วิถีแห่งความพอเพียง กับ ลุงนิลคนของความสุข ด้วยครับ

ทบทวนเรื่องราวระหว่างปี

ใกล้จะปีใหม่แล้ว ถือเป็นช่วงเวลาหยุดยาวที่จะได้คิดได้ทำอะไรหลายๆอย่าง หนึ่งในกิจกรรมที่ผมจำเป็นต้องทำนั่นคือนั่งทบทวนว่าหนึ่งปีทำอะไรไปบ้าง

สิ่งที่ทำในหนึ่งปีนั้นอาจจะอยู่ในเป้าหมายหรือไม่ได้อยู่ในเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งเมื่อถึงจุดนี้แล้วคงได้แต่ทำใจและวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นในหนึ่งปีนี้เท่านั้นและวางแผนใหม่ในอนาคตต่อไป

To do list ปีเก่าๆ ผมทำไว้เสมอเมื่อเข้าสู่ช่วงปีใหม่ ซึ่งในช่วงสิ้นปี 2554 ผมก็จะหยิบบันทึกเก่าตอนต้นปี 2554 ที่เคยเขียนไว้มาดูอีกครั้งว่าเคยทำอะไรไปบ้าง อะไรบ้างที่หลงลืม อะไรบ้างที่หล่นหายไป ซึ่งต่อจากนี้คงต้องคิดกันว่า สิ่งที่เคยประเมินไว้ว่าตัวเองน่าจะจำได้ แล้วทำไม่ได้นั้นควรจะปรับปรุงอย่างไร..

และจากที่ดูแล้วคิดว่าผมคงต้องให้เกรด C แก่ตัวเอง เพราะงานหลายๆอย่างที่ได้วางไว้ ไม่ได้ตามเป้าหมายเลยแม้แต่น้อย ซึ่งก็ไม่อยากโทษว่าติดเรียน หรือป้ายความผิดให้กับน้ำท่วม เหตุจริงๆนั้นก็เพราะผมประเมินสถานการณ์ไว้ผิดตั้งแต่แรกนั่นเอง…

สำหรับใครที่ยังไม่เคยลองทำเป้าหมายของตัวเองไว้ ปีใหม่นี้ก็ลองดูก็ได้นะครับ เริ่มจากการทบทวนเรื่องราวเก่าๆก่อนเพื่อที่จะได้เป็นพื้นฐานในการตั้งเป้าในปีต่อๆไปของตัวเอง ส่วนเป้าหมายของใครจะท้าทายแค่ไหน ก็ขอให้ทำได้สำเร็จแล้วกันนะครับ

สวัสดี

ลูกแมวกลางถนน

เป็นเรื่องราวแปลกๆที่ไม่คิดว่าจะเกิดได้ และก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต่อไปลูกแมวสีดำที่ผมเจอกลางถนนตัวนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป…

เมื่อวันก่อนผมเจอเรื่องราวแปลกเรื่องหนึ่ง ที่ไม่น่าจะเกิดได้บ่อยนัก มันเป็นความบังเอิญในจังหวะที่ลงตัวมากๆ

บ่ายวันเสาร์ผมขับรถออกจากบ้าน…

ผมขับวนออกจากบ้านโดยใช้เส้นทางเลียบทางด่วนรามอินทรา เอกมัย มุ่งหน้าไปยังเหม่งจ๋าย หลังจากที่กลับรถใกล้เกษตรนวมินทร์แล้ว ก็มาถึงช่วงที่รถจะติดนิดหน่อย เพราะว่าจะมีรถออกจากถนนทางลัดด้านซ้ายที่มาจากเกษตรนวมินทร์ ใครอยู่ใกล้ๆคงจะนึกภาพกันออก พอมาถึงจุดที่รถชะลอตัว ผมก็รู้สึกว่ามันชะลอกันแปลกๆ

รถสิบล้อที่อยู่ด้านขวาของผมหยุดนิ่ง สายตาผมมองไปถึงสาเหตุในการหยุดรถ มีลูกแมวสีดำอยู่กลางถนน (น่าจะอายุประมาณ 3-6 เดือน) ซึ่งอยู่ในเลนรถที่ 2 จากขวา มันมาถึงเลนนี้ได้อย่างไรก็ไม่รู้เหมือนกัน รถคันหนึ่งขับผ่านไปอย่างไม่ได้สนใจลูกแมว ลูกแมววิ่งสวนเข้าใต้ท้องรถ ขณะรถคันดังกล่าวขับผ่านไปด้วยความเร็วไม่มากนัก แต่ถ้าพลาดไปคงถึงชีวิต

เป็นเรื่องน่าตกใจที่ลูกแมวตัวสีดำ ตัวนั้นรอดจากการที่รถคันหนึ่งขับผ่าน จริงๆแล้วมันคงจะรอดมาหลายครั้งแล้วด้วย แต่นั่นคืออดีตก่อนที่มันจะมาอยู่กลางถนน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะรอดตลอดไป….

หลังจากที่รถเก๋งขับผ่านไปแล้ว ผมได้ตัดสินใจในวินาทีแห่งชีวิตแมว ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ผมขับปาดไปบังหน้าสิบล้อที่กำลังหยุดดูเหตุการณ์ เปิดไฟฉุกเฉิน แล้วเปิดประตูลงมา ในใจคิดว่าจะเอาลูกแมวขึ้นรถให้ได้ก่อนเท่านั้น แต่ด้วยประสบการณ์ของผม การจับแมวที่ตกใจอยู่นั้นเป็นเรื่องยากมาก เพราะถ้ามันตกใจแล้ว มันอาจจะวิ่งไปให้รถเหยียบก็ได้

ณ ตอนนี้รถทุกเลนหยุดนิ่งทั้งหมด ผมเปิดประตูลงไปเพื่อที่จะจับลูกแมว เดินเ้ข้าไปอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้มันตกใจ (จริงๆมันก็ตกใจมากอยู่แล้วละนะ) จังหวะัที่ลูกแมวหันหลังไปผมก็เดินเข้าไปตะครุบตัวมัน ด้วยสองมืออย่างระมัดระวัง…

ผมจับลูกแมวสีดำตัวนั้นไว้ได้ แต่จับได้ไม่เต็มมือเท่าไหร่ เพราะจับตอนจังหวะมันเดิน และสุดท้ายมันก็วิ่งพุ่งไปข้างหน้าด้วยความตกใจอย่างที่คาดไว้ ทิศทางที่มันวิ่งไปคือใต้ท้องรถแทกซี่ที่จอดดูอยู่เลนขวาสุด และวิ่งทะลุไปจนถึงเกาะกลางถนน ซึ่งเป็นพื้นที่ใต้ทางด่วนที่กว้างใหญ่มากๆ ผมเองเห็นอย่างนั้นก็คงหมดหวังที่จะตามไปจับ แต่ก็สบายใจที่มันไปถึงใต้ทางด่วนได้ เพราะอย่างน้อยก็มีที่กว้างพอให้ดำรงชีวิตได้สักพัก ถ้าข้ามถนนกลับมาตอนเช้าๆ รถน้อยๆ ก็คงจะข้ามกลับไปได้สักฝั่งหนึ่งที่เหลือก็คงจะเป็นชะตากรรมของมัน…ลูกแมวสีดำกลางถนน

หลังจากนั้นผมก็ขึ้นรถ และพี่แทกซี่แกก็ลงมาดูว่าแมวเข้าใต้ท้องรถแล้วไปไหนแล้ว ผมก็ส่งสัญญาณบอกว่ามันวิ่งไปที่ใต้ทางด่วนแล้ว จึงออกรถเดินทางไปยังจุดหมายเดิมที่วางไว้ต่อไป

เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ

หลังจากวันเกิดเหตุผมก็ขับผ่านถนนเส้นเดิม มุมเดิมอีกครั้งในใจภาวนาว่าอย่าเป็นซากอะไรสีดำๆบนถนนเลย และมันก็ไม่มีจริงๆ อย่างน้อยผมก็คิดว่าลูกแมวสีดำตัวนั้นมันยังไม่ถึงเวลาของมัน เป็นความบังเอิญมากๆที่มันรอดไปได้ ไม่รู้ว่าจะมีหมาแมวสักกี่ตัวที่เอาชีวิตมาทิ้งในการข้ามถนน เรามักจะเห็นซากหมาแมวตายตามถนนเป็นประจำ ซึ่งพวกมันคงจะไม่ได้ดวงดีรอดไปเสียทุกครั้ง ครั้งใดที่พลาดก็คงหมดทางแก้ตัว

เรื่องดวงดี ดวงไม่ดีนี่ก็เป็นความบังเอิญที่เกินจะคาดเดาได้เสมอ เพราะแม้แต่นกที่บินได้ก็ยังมาตายแบบแบนๆกลางถนนเลย เพราะวันนี้ผมเห็นซากนกพิราบ บนถนนใน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แน่นอนว่าในมหาวิทยาลัยนั้น เราจะขับรถกันไม่เร็ว แต่ถ้านกโดนทับตายได้มันก็เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ…

สวัสดี