Welcome to DUCK BLOG

เปลี่ยนแปลงกันอีกครั้ง ของบล็อกแห่งนี้ เมื่อหลายปีก่อนก็มีหลายชื่อแต่ในปัจจุบันก็ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น DUCK BLOG บล็อกเป็ด อะไร อย่างไร ทำไม เดี๋ยวเล่ากันต่อเลย

ความเปลี่ยนแปลง

เดิมทีบล็อกแห่งนี้เคยเป็นช่องทางการเผยแพร่ข่าวสารของ MonkiezGrove ในเวลาต่อมาก็ได้ปรับเปลี่ยนมาเป็น Dinh Blog ซึ่งจะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน ประสบการณ์ต่างๆของ Dinh เมื่อเวลาผ่านไปมีเรื่องราวมากมายค่อยๆถูกแยกออกไปเป็นบล็อกอื่นเรื่อยๆ เช่น cactus , caladium ฯลฯ และในครั้งนี้ก็เช่นกันเป็นความเปลี่ยนแปลงของเนื้อหาในบล็อกแห่งนี้อีกครั้ง

ในครั้งนี้เป็นการแยกเนื้อหาที่มีความจริงจังเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตของ Dinh ออกไปอีกบล็อกหนึ่ง ซึ่งจะเน้นไปทางการดำเนินชีวิต การแบ่งปันประสบการณ์ชีวิต และนั่นหมายถึงการหั่นความหมายของ Dinh Blog ออกไปจนเหลือเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น ดังนั้นจึงกลายมาเป็น DUCK BLOG อย่างที่เห็นกันอยู่นี่ บล็อกเป็ดๆ อะไรแบบเป็ดๆ หลายอย่างไม่จริงจัง ขำๆกันไป

สิ่งที่เหลืออยู่

ในปัจจุบันบล็อกแห่งนี้ก็ถูกแบ่งภาคออกไปจนความสำคัญ หรือสาระเริ่มจะไม่มีแล้ว คล้ายๆว่าเหลือแต่บ่นๆ ดินฟ้าอากาศ เล่านู่น กล่าวนี่ อะไรแค่ประมาณนี้ สิ่งที่เหลืออยู่ในตอนนี้อาจจะจับประเด็นไม่ได้นักว่าเหลืออะไร แต่บล็อกเป็ดก็จะดำเนินต่อไปแบบเป็ดๆ เมื่อมีอะไรสำคัญๆก็อาจจะแยกร่างออกไปอีกก็เป็นได้ ดังนั้นสิ่งที่เหลืออยู่ก็คือความเป็นเป็ดนั่นแหละ

ทำไมต้อง DUCK BLOG

ผมชอบเป็ดนะ เป็ดทำอะไรได้หลายอย่าง แน่นอนว่าดูเหมือนจะไม่เก่งสักอย่าง แต่นั่นมันมองจากสายตาของคน คำตัดสินของคนเป็นอย่างไรก็รู้กันอย่างนั้น แต่ถ้ามองในมุมเป็ด มันคงจะมีความสุขมากๆที่ทำอะไรได้หลายๆอย่าง เพราะความหลากหลายนี่เองจะทำให้เกิดการเรียนรู้ในภาพกว้าง

ผมเองเป็นคนไม่ชอบลงรายละเอียดในสิ่งไหนลึกๆ พอเข้าไปพบ ไปสัมผัส ก็มักจะถอนตัวออกมาในเวลาไม่นานนัก จะไม่จมอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งนาน ชอบเรียนรู้ไปเรื่อยๆมากกว่า เอาแค่พอรู้แล้วก็ถอยมาดูอีกที เพราะศาสตร์ต่างๆในโลกนี้ดูเหมือนจะไม่มีแก่นสารใดๆ ดังนั้นผมเองยังค้นหาต่อไปว่าสิ่งไหนหรือสิ่งใดที่ควรจะให้เวลากับมันจริงๆ หรือควรจะจริงจังกับสิ่งนั้นจริงๆสักที

MonkiezGrove Free stuff : การ์ตูนแจกฟรี กับมังกีซ์โกรฟ

ปี 2013 หลังจากเปิดตัวเว็บไซต์มังกีซ์โกรฟในรูปแบบ MG 2013 ไปแล้ว ซึ่งหลายๆ ท่านก็อาจจะได้เห็นและไม่ได้เห็นไปบ้างแล้ว แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงของมังกีซ์โกรฟ เท่านั้นเอง

ในปี 2013 ยังมีของขวัญ อีกชิ้นที่มังกีซ์โกรฟ จะนำมามอบให้กับทุกท่าน นั่นก็คือการ์ตูนแจกฟรี ซึ่งปกติเราก็จะแจกในช่องทางของ Social network อย่างเฟสบุคในหน้าของ MonkiezGrove Cartoon Book อยู่แล้ว ก็เลยมาทำหน้าแจกกันให้เป็นกิจจะลักษณะไปเลย คนเข้ามาดูเข้าจะได้แยกออกว่า อ่อหน้านี้แจก หน้านี้บ่น หน้านี้แสดงผลงานและแนวคิดอะไรประมาณนี้ ซึ่งก็จะแบ่งเพื่อให้ทุกท่านได้เข้าถึงและใช้งานเว็บไซต์ของเราได้ง่ายยิ่งขึ้น

MonkiezGrove Free stuff : การ์ตูนแจกฟรี กับมังกีซ์โกรฟ

MonkiezGrove Free stuff
MonkiezGrove Free stuff

ชื่อเว็บไซต์ของเราก็ง่ายๆ MonkiezGrove Free stuff หรือ ของฟรีมังกีซ์โกรฟ หรือมังกีซ์โกรฟแจกของฟรี ประมาณนี้ละนะ หน้าปก (รูปไตเติ้ล) ก็เพิ่งจะออกแบบไม่นานให้ออกมาน่ารักสดใสเบาๆ สามารถตามไปเกี่ยวกับแนวคิดในการออกแบบปกได้ที่ “Free stuff : Title image” แล้วจะรู้ว่าแต่ละภาพ ของการ์ตูนมังกีซ์โกรฟนี่ไม่ได้มาจากความว่างเปล่านะเอ้่อ มันมีที่มาที่ไปทั้งนั้น

มาถึงที่จะมาแนะนำเพิ่มเติมสำหรับผลงานต้นปีนี้ หลังจากปีใหม่ก็ปล่อยผลงาน ฟรีการ์ดปีใหม่ กันไปแล้ว มาคราวนี้ก็มาปล่อยผลงาน ฟรีการ์ดวาเลนไทน์ หรือ การ์ดความรัก กันบ้าง ซึ่งก็จะเป็นชุดผลงานในแนวคิด Love & Heart ความรักกับหัวใจ เกี่ยวกับความรัก ความหวาน หัวใจ เรื่องราวของความรัก ผสมปนเป ออกแบบมาสู่ผลงานทั้งหมด 8 แบบ ดังนี้

 Love & Heart : ความรักและหัวใจ ฟรีวาเลนไทน์การ์ด

Love & Heart : ความรักและหัวใจ
Love & Heart : ความรักและหัวใจ

สำหรับในตอนนี้ก็มีมาแนะนำเพียงเท่านี้ หากว่ามีผลงานเพิ่มก็อาจจะนำมาแนะนำอีกก็ได้ เพราะเห็นว่ายังเป็นของใหม่อยู่ หลายๆท่านอาจจะยังไม่คุ้นเคยนัก ถ้าสนใจก็สามารถติดตามไปอ่านได้ที่

Link : MonkiezGrove Free stuff

Link : Love & Heart : ความรักและหัวใจ ฟรีวาเลนไทน์การ์ด

สวัสดี

หลากหลายประสบการณ์กับทริปปลูกป่าลุยนา

ผ่านไปแล้วกับกิจกรรม “หว่านข้าวสู่ผืนนา หว่านศรัทธาสู่หัวใจ” โดยทีวีบูรพา ซึ่งเป็นช่วงเวลาสั้นๆเพียงสามวัน แต่สิ่งที่เก็บเกี่ยวมาได้นั้น สามารถใช้ต่อไปได้ทั้งชีวิต

สำหรับเรื่องราวที่ผ่านมาเกี่ยวกับกิจกรรมในครั้งนี้ ผมคิดว่าหลายท่านก็คงจะได้อ่านจากบทความก่อนหน้านี้มาแล้ว ซึ่งสิ่งที่ผมได้รับก็จะได้เห็นด้วยรูป และผ่านตัวอักษรที่เล่ามาก่อนหน้านี้แล้ว แต่สำหรับในบทความนี้ก็จะมาเล่าประสบการณ์ที่ได้มาและฝังอยู่ลึกๆ ในส่วนหนึ่งของสมองของผม

หลากหลายประสบการณ์กับทริปปลูกป่าลุยนา

หลากหลายประสบการณ์กับทริปปลูกป่าลุยนา
หลากหลายประสบการณ์กับทริปปลูกป่าลุยนา

จากกิจกรรมที่ผมได้ไปร่วมกับเครือข่ายฅนกินข้าวเกื้อกูลชาวนา ผมได้รับประัสบการณ์ และความรู้หลายๆอย่างนะครับ อาจจะไม่ได้พิมพ์เป็นข้อๆให้อ่านกันได้สะดวกนักแต่ก็จะเล่าให้พอเข้าใจครับ

สำหรับประสบการณ์และความรู้ที่ได้รับนั้น สิ่งแรกต้องบอกเลยว่าได้รับรู้ และรู้จักคำว่าคุณธรรม ในมุมมองของชาวนาคุณธรรมครับ มันมากมายเหนือความคาดหมายของผมมากว่า การเป็นชาวนาคุณธรรมจำเป็นต้องทำขนาดนี้เชียวหรอ แต่แน่นอนว่าถ้ามันคือสิ่งดีก็ควรจะทำครับ เพราะผลประโยชน์ก็จะตกกับตัวชาวนาคุณธรรม สังคม และสิ่งแวดล้อมเองครับ

ผมได้เรียนรู้วิถีชาวนาคุณธรรมแบบสั้นๆ ที่พอจะพบเห็นได้ผ่านภาพที่มองผ่านตา ซึ่งอาจจะไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดูได้ทั้งหมดครับ รวมถึงวิถีชีวิตในแต่ละวัน โดยผ่านข้าวของเครื่องใช้ตามที่ได้เห็น

สำหรับประสบการณ์การปลูกป่า การหว่านข้าว การดำนา ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่มีค่ามาก เพราะไม่เคยได้ลงมือทำเลย เป็นครั้งแรกที่ได้ลองทำซึ่งเป็นระดับเล็กๆ ขนาดเล็กๆ คิดว่าวันหนึ่งก็คงจะได้ทำจริงและวันนั้นก็จะได้พบความจริงอย่างที่สุด วันนี้ก็คงจะเป็นการทดลองเรียนรู้ไปก่อน

ได้รับรู้ถึงการส่งต่อและการขยายตัวของน้ำใจและการเกื้อกูลกันของมนุษย์ การส่งเสริมคนดี การส่งเสริมการทำสิ่งดีๆยังมีอยู่ให้เห็นตลอดสามวันที่ได้เดินทาง ไม่เหมือนข่าวสาร และสิ่งที่เรารับรู้กันในเมืองสมัยนี้ มีสักกี่เรื่องในแต่ละวันที่เป็นเรื่องดีๆบ้าง สำหรับผมที่ได้ออกเดินทางไปเรียนรู้ในครั้งนี้ บอกได้เลยว่า ผมได้รับรู้แต่สิ่งที่ดีๆเข้ามาในชีวิต

หลายๆสิ่งอีกมากมายที่ยังฝังอยู่ในสมองของผม อยู่ในความทรงจำของผม อาจจะคาดคั้นออกมาไม่ได้ในบทความนี้ แต่คิดว่าดอกผลของมันก็คงจะออกมาให้เห็นในอนาคตเป็นแน่ ถ้าวันหนึ่งมีความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีเกิดขึ้น ก็คงจะมีการเดินทางในครั้งนี้เป็นหนึ่งในแรงผลักดันนั้นก็เป็นได้

สวัสดี

หว่านข้าวสู่ผืนนา หว่านศรัทธาสู่หัวใจ หว่านข้าวดำนา

ยังอยู่กับวันที่สองแต่เป็นช่วงบ่ายครับ ในกิจกรรม “หว่านข้าวสู่ผืนนา หว่านศรัทธาสู่หัวใจ” โดยทีวีบูรพา เมื่อเช้าเราไปปลูกป่ากันชนกันมาแล้ว ช่วงบ่ายถึงเย็นนี่กิจกรรมเยอะเลยครับ

หลังจากปลูกป่ากันแล้วกิจกรรมต่อไปก็คือการไปหว่านข้าวดำนาครับ แต่ก่อนจะไปทำกิจกรรมกันต่อเราก็ต้องมากินข้าวเที่ยงกันก่อน

หลังจากปลุกป่ากันมาเสร็จก็ต้องมาต่อกันด้วยข้าวกลางวัน
หลังจากปลุกป่ากันมาเสร็จก็ต้องมาต่อกันด้วยข้าวกลางวัน

กินข้าวเที่ยงกันแล้ว แต่ผมยังอิ่มข้าวเช้าอยู่เลย ที่กินไปนี่มันอยู่ท้องนานมาก อาจจะเพราะกินข้าวเที่ยงกันเร็วไปด้วย? แต่ก็ตามเวลาที่เหมาะสมนะ อาจจะเพราะผมกินมากไปในตอนที่ปลูกป่าหรือไม่ก็ผมใช้พลังงานน้อยไปละมั้ง

เตรียมตั้งวงสนทนาเกี่ยวกับมาตราฐานเกษตรอินทรีย์เชิงคุณธรรม
เตรียมตั้งวงสนทนาเกี่ยวกับมาตราฐานเกษตรอินทรีย์เชิงคุณธรรม

ก่อนจะไปหว่านข้าวก็มีตั้งวงสนทนาแลกเปลี่ยนกันเกี่ยวกับเรื่องมาตรฐานของข้าวคุณธรรม หรือการผลิตพืชเกษตรอินทรีย์เชิงคุณธรรมกันเสียก่อน งานนี้มีอาจารย์จาก ม.เกษตร มาด้วย บังเอิญสุดๆว่าผมดันไปนั่งกลางวงอาจารย์ก็เลยได้คุยกับท่านนิดหน่อยครับ

เมล็ดข้าวพระราชทาน
เมล็ดข้าวพระราชทาน

หลังจากแลกเปลี่ยนกันเสร็จแล้วเราก็จะมาหว่านข้าวกันครับ ข้าวที่ได้มาเป็นเมล็ดข้าวพระราชทาน จากสมเด็จพระเทพฯ ครั้งที่ท่านเสด็จมามูลนิธิธรรมะร่วมใจแห่งนี้ครับ

เป็นเมล็ดข้าวที่คัดสรรมาแล้ว
เป็นเมล็ดข้าวที่คัดสรรมาแล้ว

เมล็ดข้าวที่ได้มาเป็นเมล็ดข้าวที่คัดสรรมาแล้ว ผมถามแม่ชาวนาคุณธรรมที่เดินมาด้วยกันว่า เราจะคัดข้าวดีไม่ดีโดยมองจากข้าวเปลือกนี่อย่างไร สรุปได้ความว่าที่เห็นมันคล้ายๆกันเพราะเขาคัดกันมาแล้วนั่นเอง

ควายข้างทาง
ควายข้างทาง

ควายข้างทางครับ ควายเป็นสัตว์ที่หน้าตาน่ารักมาก สายตาของควายนั้นดูซื่อบื้อจริงๆ แต่ก็ทำให้รู้สึกว่ามันไม่มีพิษมีภัย เวลาที่มันหันมามองเราเป็นกลุ่มนี่เหมือนโดนอะไรดึงดูดจริงๆ อยากเข้าไปทักทายควายเหมือนกันแต่ไกลและไม่ค่อยคุ้น เอาไว้ก่อนแล้วกันนะ

ผืนนาที่เตรียมไว้ให้เกลอเมืองหว่านข้าว
ผืนนาที่เตรียมไว้ให้เกลอเมืองหว่านข้าว

ผืนนาที่ทางมูลนิธิธรรมะร่วมใจเตรียมไว้ให้ นี่คือสัมผัสแรกในชีวิตที่เดินเข้าผืนนาที่จะต้องหว่านเมล็ดข้าว ทะเลที่ว่าทรายนุ่มที่สุดที่เคยเจอมายังไม่นุ่มเท่านี้ ดินปนทรายที่นี่นุ่มเท้ามากที่สุดเป็นสัมผัสที่ยากจะจินตนาการถ้าไม่ได้มาลองดู

ก่อนจะหว่านก็ต้องมีการสาธิตกันก่อน
ก่อนจะหว่านก็ต้องมีการสาธิตกันก่อน

ก่อนจะหว่านข้าวก็ต้องสาธิตท่าเสียก่อน อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะครับ ชาวนาเขามีท่าที่ฝึกและส่งต่อกันมาหลายพันปีแล้ว เป็นเหมือนการศึกษาการเคลื่อนไหว (Motion study) ตามธรรมชาติจนออกมาเป็นท่าหว่านข้าวอย่างที่เห็นครับ เกลอเมืองที่ไม่เคยหว่านควรดูไว้เป็นตัวอย่างครับ

สำหรับการหว่านข้าวนี่ผมได้คุณแม่จรัสพร เข้ามาเป็นพี่เลี้ยงช่วยแนะนำในการหว่านครับ แรกๆก็หว่านแล้วเมล็ดข้าวออกไปเป็นกระจุกๆเลยครับ หลังๆก็พอทำได้ดีขึ้น ผมสังเกตุว่าชาวนามืออาชีพนั้นมีการขยับที่น้อยแต่ได้ผลมากทีเดียว ไม่ใช่ง่ายนะครับ

จังหวะวัชพืช
จังหวะวัชพืช

หลังจากหว่านข้าวเสร็จ เราก็จะเดินมาดำนาครับ ระหว่างทางก็มีแปลงข้าวที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ยังไม่ได้ทำอะไร มีวัชพืชขึ้น ผมมองวัชพืชแล้วนึกถึงแพทเทิร์น ของกระเป๋าชื่อดังยี่ห้อหนึ่งครับ

กล้าข้าวสำหรับทำนาโยน
กล้าข้าวสำหรับทำนาโยน

มาถึงนาแล้วครับ นาส่วนหนึ่งมาชาวนากำลังดำนาอยู่ครับ สำหรับรูปที่เห็นด้านบนจะเป็นกล้าสำหรับทำนาโยนครับ โดยเขาจะเพาะข้าวไว้ในแผงเพาะชำครับ

จับก้านแล้วก็โยนไปเลย
จับก้านแล้วก็โยนไปเลย

เวลาใช้ก็ดึงออกมาจากแผงเลยครับ หน้าตาเป็นแบบนี้ครับ สามารถโยนไปได้เลย โดยใช้แรงเพียงนิดหน่อยครับ หลักการเดียวกับลูกแบตที่เราตีๆกันนั่นแหละครับ ตุ้มดินจะตกลงพื้น และฝังตัวลงในนาเองโดยใช้หลักแรงโน้มถ่วงนิดหน่อย สำหรับนาโยนเราควรเตรียมน้ำในนาให้พอขลุกขลิกนะครับ ไม่สูงจนเกินไปไม่งั้นน้ำจะท่วมต้นหรือไม่ก็โยนไปแล้วกล้าก็ลอยน้ำครับ

เตรียมใจก่อนลงนา
เตรียมใจก่อนลงนา

มีคนลงไปก็เยอะแล้ว ผมเองแม้จะเป็นกางเกงขาสั้นแต่ก็ต้องใช้เวลาพับกันขึ้นอีกหน่อย ถอดรองเท้าแล้วก็ลุยลงไปเลยครับ

ยวบๆดี แต่นุ่มละมุนสุดๆ
ยวบๆดี แต่นุ่มละมุนสุดๆ

นี่ก็อีกสัมผัสแรกในชีวิตครับ หนุ่มเมืองกรุงอย่างผมนี่โอกาสจะมาเดินในนานี่หายากครับ มีโอกาสแล้วมีหรือที่ผมจะพลาด เดินลงไปก็ยุบๆยวบๆ แต่ยังมีพื้นชั้นล่างที่แน่นอยู่ครับ มีแค่ชั้นโคลนบางส่วนเท่านั้นเอง สัมผัสที่ได้นั้น แว่บแรกที่เข้ามาในหัวรู้สึกเข้าใจสัตว์โลกอย่าง วัว ควาย หมูที่ชอบนอนจมปลักกันเลยทีเดียว มันสบายมาก นี่ถ้ามีนาส่วนตัวก็คงจะหาเวลาลงไปนอนเหมือนกัน ยิ่งเป็นนาอินทรีย์ด้วยแล้ว เลิกกังวลไปได้เลยสำหรับสารเคมี

กล้าข้าวสำหรับดำนา
กล้าข้าวสำหรับดำนา

นาโยนก็เพิ่งลองมาหมาดๆคราวนี้มาลองแบบท้องถิ่นบ้าง (Original style) งานนี้ยังได้แม่จรัสพรเป็นพี่เลี้ยงอยู่เหมือนเดิมครับ แน่นอนว่าไม่ยาก แต่ไม่สมบูรณ์ ต้องลองทำเองสักแปลงหนึ่งถึงจะรู้ได้ครับ อันนี้ผมลองได้ประมาณแค่ 1-2 ตารางเมตรเท่านั้นครับ จริงๆยังไม่หายอยาก เดี๋ยวค่อยหาเวลามาลองใหม่ คราวนี้ก็พอชิมๆไปก่อน

พอกโคลนแบบธรรมชาติ
พอกโคลนแบบธรรมชาติ

เดินขึ้นมาจากนา นี่ขาพอกโคลนมาเลยครับ พอกแบบนี้เลิกกังวลเรื่องยุงไปได้เลย เสียอย่างเดียวเข้าบ้าน เข้าชานไม่ได้แค่นั้นเอง

สภาพนาที่เราไปดำนา และ ทำนาโยนกัน
สภาพนาที่เราไปดำนา และ ทำนาโยนกัน

หันกลับมามองดูสิ่งที่ผมและชาวคณะทำทิ้งไว้ ดูไม่ค่อยเป็นนาสักเท่าไหร่ครับ  แต่ก็ได้เรียนรู้กันสนุกดีเหมือนกันครับ

กลับมาที่ศาลาไทวัตร
กลับมาที่ศาลาไทวัตร

กลับมาที่ศาลาไทวัตรเพื่อทำกิจกรรมส่วนตัวก่อนที่จะได้เวลากินข้าวครับ สำหรับผมก็ต้องขออาบน้ำกันสักหน่อย เพราะอบเหงื่อมาหนึ่งวันเต็มๆ

ทานมื้อค่ำกับแมว และเพลงประกอบอาหาร
ทานมื้อค่ำกับแมว และเพลงประกอบอาหาร

ระหว่างกินข้าวก็มีแมวมาเล่นด้วย แล้วก็มีเพลงบรรเลงประกอบด้วยครับ เพลงระหว่างทานข้าวนี่บรรเลงโดยพี่โต้งครับ เป็นชาวนาคุณธรรมคนหนึ่งที่มีเรื่องราวชีวิตที่น่าสนใจทีเดียวจริงๆ แต่เสียดายเวลาคุยน้อยไปหน่อย

พิธีบายศรีสู่ขวัญ
พิธีบายศรีสู่ขวัญ

ตอนกลางคืนหน่อยก็มีพิธีบายศรีสู่ขวัญกันครับ หลังจากพิธีนี่ก็เขามีช่วงให้พูดความในใจกันนิดหน่อย ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่ได้รับโอกาสพูด แต่ได้รับเร็วไปหน่อยยังคิดไม่เสร็จว่าจะพูดอะไร ก็เลยพูดเท่าที่คิดได้ละนะ เกี่ยวกับจุดประสงค์ในการมาของผม และมาในครั้งนี้แล้วได้อะไรกลับไป ซึ่งเล่าเรื่องคุณแม่ของผมที่เคยมาที่นี่และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นให้ทุกคนฟัง

หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันไปนอน ผมเองยังคุยเรื่องเกี่ยวกับต้นไม้อีกนิดหน่อยกับพี่ทิดโส แกเป็นผู้มีความรู้ด้านต้นไม้ น่าจะเชี่ยวชาญในเรื่องเกษตรสวนผสมด้วย เจอแกได้ที่เว็บเกษตรพอเพียงและเว็บไซต์ทิดโส ซึ่งผมจะคุยเกี่ยวกับต้นไม้ใหญ่เป็นส่วนมาก สำหรับข้าวนี่เดี๋ยวต้องรอมีที่ทางค่อยคุยกันอีกทีเพราะ ข้าวเป็นพืชที่เก็บเกี่ยวกันเป็นรอบๆ แตกต่างจากต้นไม้ที่ลงทีเดียวแล้วยาวเลย ดังนั้นผมจึงให้ความสำคัญกับต้นไม้ก่อน

แต่คุยไม่นานต้องบอกตรงๆว่าทนพลังของ ยุงป่า ไม่ไหวก็เลยต้องลาไปอาบน้ำนอน

สวัสดี

กลับมาจากหนีน้ำท่วม

จะว่าหนีน้ำท่วมก็คงจะบอกได้ไม่เต็มที่นัก เพราะในความจริงแล้วน้ำยังไม่ท่วมบ้านผมครับ แค่มาล้อมๆไว้เฉยๆ ปัจจุบันผมตัดสินใจกลับมาที่บ้านอีกครั้ง

ผมออกจากบ้านไปพักอยู่ในหลายๆสถานที่ รวม 23 วัน  เป็นช่วงเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วเพราะผมไม่ได้ไปอยู่อย่างลำบากมากนัก ในทางกลับกันออกจะสบายมากๆด้วยซ้ำ จริงๆแล้วควรจะเรียกว่า การหนีไปเที่ยว มากกว่าการหนีน้ำท่วม…

ผมกลับมาที่บ้านครั้งนี้ผมความเปลี่ยนแปลงมากมายต้นไม้ของผมเปลี่ยนแปลง บ้างก็ตาย แต่ส่วนใหญ่มักจะโต และสร้างความประหลาดใจให้กับผมอย่างมากมาย ผมคงใช้เวลาช่วงแรกๆในการดูแลต้นไม้ที่ปลูกไว้ และใช้เวลาต่อจากนั้นในการเรียบเรียงเรื่องราวมากมายที่ผมได้พบและเจอมาในช่วงน้ำท่วมนี้

สวัสดี