จิ้งจก

จิ้งจก

จิ้งจก

นั่งพักอยู่ จิ้งจกตัวนี้ก็ตกลงมากลางท้อง… เป็นตัวที่สองในชีวิตที่ตกลงมาใส่ตัว ตัวแรกตกลงมาใส่หัวสมัยเด็ก ๆ

ที่นี่มีจิ้งจกเยอะมาก จิ้งจกแต่ละตัวอ้วนท้วนสมบูรณ์กันหมด เพราะมีแมลงเยอะ

จิ้งจกที่นี่ไม่ค่อยร้อง หากินกันเงียบ ๆ ตอนกลางคืนจะมาหากินรอบ ๆ มุ้ง เพราะมีมากแมลงมาก ซึ่งแมลงเหล่านั้นก็คงจะมาตามแสงไฟที่เปิดไว้

หญ้าเจ้าชู้

หญ้าเจ้าชู้

หญ้าเจ้าชู้

มาครั้งนี้หญ้าเต็มไปหมด โดยเฉพาะหญ้าเจ้าชู้ที่ติดถุงมือ เสื้อผ้ามาในระหว่างทำงาน

เวลาที่พักเหนื่อยจากการถางหญ้า ก็คือเวลาที่จะมาดึงฝักหญ้าเจ้าชู้ออกนี่แหละ ติดเต็ม ติดทั่วไปหมด ดึงใส่ขันแล้วเอาไปใส่เตาตอนทำอาหาร จะได้ไม่เพิ่มจำนวนมาก

หรือบางมุมก็ต้องดึงดอกหญ้าเจ้าชู้ออกก่อนเลย เพราะเยอะมาก ถ้าเกี่ยวหญ้าก่อนก็ต้องมาเสียเวลาดึงหญ้าเจ้าชู้ที่ติดตัวมาทีหลังอีก ก็เลยได้เป็นช่อหญ้าเจ้าชู้อย่างที่เห็นในรูป

จริง ๆ หญ้าเจ้าชู้นั้นก็อันตรายเหมือนกัน หากหนามของมันปักและฝังในเนื้อ ก็จะทำให้เจ็บปวด รำคาญได้ และการจะเอาออกนั้นก็ไม่ง่าย เพราะทั้งเล็ก ทั้งลึก บางทีต้องปล่อยทิ้งไว้เป็นอาทิตย์กว่าจะเอาออกได้

ข้าวโพด

ข้าวโพด

ข้าวโพด

ซื้อข้าวโพดมาจากตลาด เป็นข้าวโพดที่เขาเด็ดกันสด ๆ ใหม่ ๆ เราจะซื้อทั้งเปลือก เพราะจะเก็บไว้กินอีกวันสองวัน แต่เจ้าของร้านบอกว่าถ้าเก็บไว้กินวันอื่นมันจะจืดนะ เราก็ว่าไม่เป็นไร

เพิ่งรู้เหมือนกันว่าข้าวโพดที่เด็ดหลายวันแล้วจะจืดลง ไม่หวานเหมือนข้าวโพดที่เด็ดมาวันแรก ทั้งนี้ก็ยังไม่ได้ลองชิมหรอกนะ เป็นข้อมูลที่เขาให้มา เพราะปกติก็ได้กินแต่ข้าวโพดที่ขายกันตามซูเปอร์มาเก็ต มันก็คงจะหลายวันแล้วนั่นแหละ แต่ก็ยังหวานอยู่ดี ถ้าได้กินสดจะหวานขนาดไหน เดี๋ยววันหลังจะลองเปรียบเทียบดู

ข้าวโพดนี้ 4 ฝัก 20 บาท จำไม่ได้ว่ากี่กิโล น่าจะสองนะ?? เพราะฝักใหญ่เหมือนกัน ที่เห็นปลายมันไม่ค่อยสวยนั้นเพราะหมักอยู่ในถุงที่ซื้อมาวันนึง มันเลยเน่า ๆ ไปนิดหน่อย

วันแรกลองเอาข้าวโพดนี้ไปทอดสองฝัก สองฝักก็ทุนสิบบาท เอาไปชุบแป้งทอดละนะ สรุปก็กินได้แต่ไม่ค่อยดีเลยไม่ได้ถ่ายรูปไว้ เพราะนอกจาจะกทอดไหม้และอมน้ำมันมากแล้ว เมล็ดข้าวโพดยังระเบิดได้อีก การทอดข้าวโพดนี่น่ากลัวจริง ๆ

[10] ต้นกระถินที่ลอยมาตามน้ำหลาก

diary-0010-ต้นกระถินที่ลอยมาตามน้ำ

10. ต้นกระถินที่ลอยมาตามน้ำหลาก

ปีที่แล้วผมเคยสงสัยนะ ว่าอะไรที่เป็นเหตุให้ต้นกระถินต้นนี้ มาทับบันไดลงคลองที่ผมทำไว้…?

เนื่องจากเป็นบ้านริมคลอง ก็เลยทำทางลงคลองไว้ ซึ่งทางลงนี่ก็ค่อนข้างจะชันและไกล คลองนั้นสูงจากบ้านประมาณ 7-8 เมตรได้ ช่วงปีก่อนเลยทำบันไดลงไว้ด้วยปูน จะได้แข็งแรงประมาณหนึ่ง

ทีนี้พอมาดูอีกทีช่วงหน้าหนาวสิ้นปี ไม่รู้มีต้นกระถินยักษ์มาจากไหน พังบันไดที่ผมทำไว้อย่างที่เห็นในรูป และจุดที่ต้นกระถินอยู่นั้นสูงกว่าน้ำตั้งสามเมตร แถมกระถินต้นนั้นยังใหญ่กว่ากระถินทั่วไปมาก ใหญ่แบบที่ว่าเกิดมาไม่เคยเห็นกระถินใหญ่เท่านี้เลย

ก็งงอยู่เป็นปีว่ามันมาได้อย่างไร แถวนี้ก็ไม่น่าจะมีกระถินต้นใหญ่ขนาดนี้ ถ้ามีชาวบ้านเขาคงตัดไปใช้กันหมดแล้ว แล้วมันมาอย่างไร ???

จนในปีนี้เห็นน้ำหลากกับตาก็เข้าใจ น้ำนั้นแรงมาก และสูงมากพอที่จะพัดกระถินต้นนี้มาได้

สรุปที่บันไดพัง คือธรรมชาติลงโทษ…

ข้าวสารที่กินต่อวัน

ข้าวสารต่อวัน

ข้าวสารที่กินต่อวัน

วันก่อนผมนั่งอ่านบันทึกเก่า สมัยที่มาอยู่ที่นี่ใหม่ ๆ การทำอาหารเองนั้นต่างจากการกินอาหารที่คนอื่นทำให้มากนัก ซึ่งก็มีข้อดีข้อเสียและข้อจำกัดต่างกันไป

ในกรณีของผมคือต้องทำอาหารเป็นบนข้อจำกัดของทรัพยากร เพราะผมไม่มีตู้เย็น ดังนั้นการซื้อผักและวัตถุดิบอื่น ๆ จึงต้องวางแผนมากกว่าการซื้อมาเก็บตุนไว้

ข้าวก็เช่นกัน ผมซื้อข้าวมาจากกรุงเทพฯ เป็นข้าวไร้สารพิษที่ราคาไม่แพง ข้าวที่สีต่างกันนั้นให้พลังงานต่างกัน ข้าวกล้องก็อยู่ได้นานหน่อย แต่ต้องเคี้ยวละเอียดมากกว่า หุงแล้วแข็งที่สุด ข้าวซ้อมมือก็กลางๆ ส่วนข้าวขัดขาวผมไม่ได้กินเพราะให้พลังงานต่ำมาก กินไปแล้วหิวไว ไม่อยู่ท้อง

เมื่ออ่านบันทุึกไปก็พบว่า ผมเริ่มจากการหัดกินข้าวด้วยการตวง 2 กระป๋อง ทดลองว่าจะมีพลังงานพอไหม จนลดมาเรื่อย ๆ มาถึง 1 กระป๋องแบบไม่ต้องพูน เอาแค่ปริ่ม ๆ ก็มีพลังงานพอจะทำงานทั้งวันแล้ว

พลังงานทั้งวันนี้หมายถึงข้าวเท่านี้สำหรับหนึ่งวัน ไม่ใช่หนึ่งมื้อ(1/3 มื้อ) คือกินมื้อเดียวจบไปเลย สะดวกดี ยิ่งกินหลายมื้อชีวิตยิ่งจะยุ่งยาก กินมื้อเดียวชีวิตจะเรียบง่ายเป็นสุข

ผมเคยวัดตวงดูว่าข้าวที่กินนั้นวันหนึ่งกินเท่าไหร่ ลองแล้วก็ประมาณ 1 ขีด หมายความว่าเดือนหนึ่ง 31 วันผมจะกินข้าว 31 ขีด หรือ 3.กิโลกรัมกับอีกหนึ่งขีด

ข้าวซ้อมมื้อไร้สารพิษที่ซื้อกินอยู่นั้นเขาขายกันกิโลกรัมละประมาณ 35 บาท ดังนั้นหากผมกินข้าวในอัตราดังที่กล่าวมานี้ ถ้าคิดแบบเผื่อ ๆ ผมจะใช้ข้าวไม่เกิน 4 กิโลกรัมต่อเดือน คิดเป็นเงินประมาณ 140 บาท นั่นคือค่าข้าวสารต่อเดือนของผม

ปัดให้กลม ๆ ก็ 150 บาท อันนี้คือ ค่าข้าวสารต่อเดือนที่ที่คำนวณได้ ณ ข้อมูลขนาดนี้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามากไปหรือน้อยไป เพราะยังไม่ได้เทียบกับใคร แต่ถ้าเทียบกับตัวเองเมื่อก่อนก็ถือว่าน้อยลงนะ

[9] ฝนตก น้ำเชี่ยว คลองลึก

diary-0009-ฝนตก-น้ำเชี่ยว-คลองลึก

9. ฝนตก น้ำเชี่ยว คลองลึก

ช่วงวันสองวันก่อน มีฝนตกเกือบทั้งวัน ตกกันทีก็นาน อย่างวันก่อนก็ตกตั้งแต่ตี 3 จนเกือบ 10 โมง

บ้านที่ผมอาศัยอยู่นั้นก็สร้างอยู่ริมคลอง แต่ก็ไม่ได้ติดกันหรอก คลองนี้เป็นคลองที่ลึก เพราะจากตัวบ้านจะลงไปคลองนั้นมีความสูงประมาณ 7 เมตร ไม่เหมือนกับบ้านริมคลองทั่วไป

ผมก็เคยสงสัยว่าทำไมมันต้องสูงขนาดนี้ อยู่ที่นี่มาสามปีแต่ก็ไม่เคยมาอยู่ในช่วงเวลานี้เลย

ซึ่งครั้งนี้ก็ได้คำตอบว่ามันสูงไปตามน้ำที่ไหลมา อย่างวันก่อนที่ฝนตกนาน น้ำขึ้นสูงจากเดิมมาประมาณ 3 เมตร จากที่เคยเดินเสมอเข่า กลับสูงท่วมหัว และลดลงจนระดับน้ำเท่าเดิมภายในวันต่อมา

ในปี 2554 ที่น้ำท่วมใหญ่นั้น เขาว่าน้ำมันสูงถึง 7 เมตรเลย คือสูงประมาณบ้านผมนี่แหละ แต่ตอนนั้นยังไม่ได้สร้างบ้านนะ ยังไม่ได้มาอยู่ที่นี่ แต่คิดว่าถึงจะท่วมเหมือนเดิมอีกก็น่าจะไม่มีปัญหา เพราะไม่ใช่น้ำท่วมขัง คือมันผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ท่วมเร็วก็ลดลงเร็ว อย่างที่มันเป็นในวันนี้ เมื่อวานสูงสามเมตร วันนี้เหลือประมาณเมตรเดียว..

ใบสะเดา

ใบสะเดา

ใบสะเดา

ที่นี่มีต้นสะเดาปลูกอยู่บ้าง ซึ่งผมก็ซื้อมาปลูกเพิ่มเหมือนกัน เพราะสะเดานั้นโตเร็ว ต้นตรง ให้ร่มเงาได้ไว แถมใบยังมีคุณค่า แล้วยังกินได้อีก

สารพัดประโยชน์จริง ๆ สำหรับต้นสะเดา นี่ก็ค่อย ๆ ริดกิ่ง แล้วเอามาเด็ดใบออกมาคลุมและผสมกับดิน ถ้ารูดใบออกตอนสด ๆ จะรูดได้ง่าย

ใบสะเดานี่เขาเอามาขายกันด้วยนะ เขาเอาไว้กันแมลง ใบแห้งเขาก็ขาย พวกน้ำหมักใบสะเดาเขาก็เอาไว้ฉีดพ่นป้องกันแมลงกัน แต่ถ้าเราปลูกไว้เองนี่จะมีใช้ไปตลอด ดีสุด ๆ

มันต้ม

มันต้ม

มันต้ม

มันเทศที่ซื้อมาวันก่อน เอามาต้ม เป็นมันเทศสีส้ม ไม่หวานมาก กำลังดี บางทีหวานไปก็ไม่ดี จะติดหวานเปล่า ๆ เอาเท่าที่มี หาได้ง่าย กินพออิ่มนี่แหละ

ผมเลือกหัวมันที่ค่อนข้างเล็ก เพราะต้มให้สุกได้ง่าย มันหัวใหญ่ต้มสุกยากกว่า ใช้พลังงานมากกว่า แถมกินยากกว่าอีก แต่ก็อาจจะหวานกว่า เพราะสะสมธาตุอาหารมามากกว่า ก็ลองกินกันไป

ซื้อมันมา คิดว่าเอามาต้มนี่ง่ายที่สุดแล้ว ต้มแล้วก็เก็บไว้ได้ข้ามวันโดยไม่ต้องใส่ตู้เย็น ดีจริง ๆ มันต้ม

[8] พลังงานแสงอาทิตย์ ในชีวิตประจำวัน

diary-0008-พลังงานแสงอาทิตย์ในชีวิตประจำวัน

8. พลังงานแสงอาทิตย์ ในชีวิตประจำวัน

แสงอาทิตย์นี่นอกจากทำให้พืชได้เจริญเติบโต ผมยังสามารถเอามาใช้ได้ผ่านโซล่าเซลล์

พอดีว่าตัวบ้านนั้นค่อนข้างห่างจากถนนหลักก็มากอยู่ การจะลากสายไฟเข้ามาก็ต้องลงทุนสูง ก็เลยตัดสินใจใช้โซล่าเซลล์

พลังงานที่ได้มาก็ไม่ได้ใช้อะไรมาก จะใช้ก็แค่ แสงสว่าง ปั้มน้ำ ชาร์จแบตเตอรี่มือถือ คอมพิวเตอร์ ฯลฯ เพียงแค่นี้ก็เพียงพอที่จะใช้แล้ว เพราะผมเองก็ไม่ได้ดูทีวี ไม่ได้ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้ามากกว่านั้น

บางอย่างถ้ามีก็ดี แต่ไม่มีมันก็ไม่เป็นไร บางอย่างยังไม่ถึงเวลาของมัน มีเท่านี้ก็ใช้เท่านี้ มันก็พอใช้แล้ว

อย่างในรูปนี้ก็ซื้อที่แปลงไฟ 12v เป็น usb สะดวกดีเหมือนกัน อันละ 20 บาท สวิท 10 บาท สายไฟกับเทปก็อีกนิดหน่อย สมัยนี้มีสมาทโฟนมันก็ทำอะไรได้หลายอย่าง มันเลยไม่รู้สึกติดขัดอะไร

ถั่วลิสงคั่ว

ถั่วลิสงคั่ว

ถั่วลิสงคั่ว

ช่วงนี้ฝนตก อากาศเย็น ตอนกลางคืนก็ราว ๆ 25 องศา ปนความชื้นจากฝน ไม่หนาวทรมานเหมือนกับเปิดแอร์ แต่หนาวแบบเย็นสบาย

ถั่วลิสงเป็นถั่วฤทธิ์ร้อน ถ้ายิ่งเอาไปคั่วยิ่งร้อนใหญ่ แต่ก็เหมาะกับวันที่ร่างกายรู้สึกเย็น กินแล้วจะสบาย ดูดซึมได้เต็มที่ ไม่สร้างแก๊ส

ซื้อเมล็ดถั่วมากิโลละ 80 กว่าบาท แต่ถ้าซื้อถั่วถุงแบบที่เป็นขนมขายทั่วไป ตกถุงละ 20 -30 กรัม 5-10 บาท โลนึงก็ตก 200-300 บาท ดังนั้น ซื้อเมล็ดดิบมาคั่วเองถูกกว่าเยอะ ส่วนปลูกเองยังอยู่ในระหว่างศึกษา