[37] หลักการจ่ายตลาด

diary-0037-หลักการจ่ายตลาด

37. หลักการจ่ายตลาด

เวลาไปตลาด ผมจะมีกรอบความคิดในการจับจ่ายตามสิ่งที่คิดไว้ว่าจะศึกษา

ซึ่งก็อยู่ที่ว่าตอนนั้นอยากจะศึกษาอะไร หัวข้ออะไร ยกตัวอย่างเช่น ทำอย่างไรจึงจะใช้ชีวิตโดยมีค่าอาหารน้อยที่สุดแต่มีพลังมากที่สุดโดยที่ยังต้องพึ่งพาการจ่ายตลาดอยู่ ซึ่งก็เป็นหัวข้อที่กำลังศึกษาในตอนนี้ ซึ่งต่อไปอาจจะเป็น การเลือกซื้อพืชผักที่สะอาดปลอดภัย หรือ การเลือกซือสินค้ากับร้านค้าที่มีศีลธรรม หรือ การงดเว้นจากการสนับสนุนร้านค้าที่ไม่มีศีลธรรม

แน่นอนว่าบางหัวข้ออาจจะทำควบคุ่กันไปได้ แต่บางหัวข้อก็ไม่ได้ เช่นถ้าตั้งกรอบหัวข้อที่กำลังจะศึกษาว่า การดำรงชีวิตโดยพึ่งพาเฉพาะผักในสวน มันก็จะไม่ได้ไปตลาด หรือถ้าบอกว่าจะเน้นของถูกได้ปริมาณมาก แต่มันก็อาจจะไม่ได้คุณภาพและความปลอดภัย

โดยหลักการรวม ๆ ของการจ่ายตลาด คือต้องประหยัด เรียบง่าย มีคุณค่า ปลอดภัย แต่มันก็อาจจะแกว่งไปขาด ๆ เกิน ๆ บ้างตามหัวข้อที่กำลังศึกษา

ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้คือการทำประโยชน์ให้ชีวิต เพราะการซื้อหรือการกินสิ่งใดโดยไม่พิจารณาก่อนนั้นว่ามีประโยชน์หรือเป็นโทษ ซื้อหรือกินตามความอยาก ตามความเคยชิน หรือตามใจคนอื่น ผมว่ามันไม่เจริญ อย่างน้อยเราก็เสียโอกาสในการได้ความรู้ไป แต่ส่วนมากจะเสียโอกาสให้กิเลสทั้งนั้น

แกงฟักทอง

แกงฟักทอง

แกงฟักทอง

ก็ไม่รู้จะตั้งชื่ออะไรเหมือนกัน ก็เอาของที่มีใส่ไป แล้วต้มรวมกัน…

ช่วงก่อนหน้านี้เป็นฤดูร้อนที่อากาศหนาว ก็เลยทำอาหารที่มีพลังความร้อนหน่อย คือจะต้มแล้วใส่พริกไทย

ก็เอาฟักทองมาต้มแล้วยีให้เละ เอามะเขือเทศลงไป เอาใบไชยาใส่ลงไป ปรุงให้พอเหมาะ ปิดฝา แล้วก็รอให้สุก

กินเข้าไปก็ช่วยคลายความเย็นในร่างกายได้ดี ถ้าอากาศร้อนจะกินแบบนี้ไม่ได้ เพราะกินแล้วจะร้อนไปทั้งตัว

ซึ่งเมนูนี้ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรเหมือนกัน ก็ผักต้มเปื่อยใส่พริกไทย แต่จะสรุปเรียกว่าแกงฟักทองแล้วกันนะ

แมงป่อง

แมงป่อง

แมงป่อง

แม่งป่องตัวนี้มาตายอยู่ในถังน้ำที่วางไว้ จะว่ามันคิดสั้นฆ่าตัวตายก็คงไม่ใช่ คงจะพลาดตกลงไปแล้วขึ้นไม่ได้มากกว่า

แมงป่องนี้น่าจะเป้นแมงป่องบ้าน ตัวไม่ใหญ่ ยาวจากหัวถึงหาง ราว 4 ซม แต่ต่อยเจ็บเหมือนกัน เคยโดนไปทีหนึ่ง แต่ใช้การกัวซาพร้อมทาน้ำมันเขียวฤทธิ์เย็น ครึ่งวันอาการปวดก็หายไป

แมงป่องชนิดนี้นี่มันไต่กำแพงได้ด้วย มันก็เลยจะไปอยู่มุมไหนของบ้านก็ได้ ดังนั้น จะหยิบจะเก็บอะไร ก็ควรจะดูก่อน ถ้าไม่โดนมันต่อยเอา ก็อาจจะไปโดนมันตาย อย่างดีก็เจอกันแล้วแยกย้าย

เพาะเมล็ดถั่วพุ่ม

เพาะเมล็ดถั่วพุ่ม

เพาะเมล็ดถั่วพุ่ม

เป็นเมล็ดถั่วพุ่มที่เก็บมาจากต้นที่ปลูกจากเมล็ดผักซองที่ขายทั่วไปตามห้าง

มีหลายคนบอกว่า ผักซองจะเอามาปลูกต่อไม่ได้ หรือถึงจะปลูกต่อได้ ผลผลิตก็ไม่งอกงาม แต่ผมไม่เชื่ออย่างเขาหรอกนะ

ผมเชื่อว่าทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงได้เสมอ โดยไม่มีข้อจำกัดอย่างที่ว่ามาก่อนหน้านี้เลย ยกตัวอย่างชีวิตผมเองก็ได้ เกิดมาในครอบครัวนี้ เขาก็ไม่ได้สนใจธรรมะอะไรกันมากมาย แต่ก่อนผมเองก็ไม่ได้สนใจเหมือนกัน แล้วทำไมทุกวันนี้มันกลายเป็นชีวิตจิตใจไปเสียแล้ว

จริงอยู่ที่ต้นไม้ไม่มีวิญญาณ จึงไม่มีกรรมที่เป็นตัวส่งผล แต่ผมนั้นมีวิญญาณ มีกรรมเป็นผู้ให้ผล ดังนั้น ถึงจะเป็นต้นที่เขาบอกไม่โต โม่งาม ผมเอามาปลูกเลี้ยงอาจจะงามก็ได้ เพราะว่ามันต่างกรรมต่างวาระ

ดังนั้น ผมคิดว่าถ้าเรามุ่งทำดี หน้าด้านปลูกสลับหมุนเวียนไปเรื่อย ๆ วันหนึ่งเราจะได้เมล็ดพันธุ์ที่ดี ต้นพันธุ์ที่ดี สิ่งเหล่านี้ผมเคยได้รับมาแล้วสมัยศึกษาทดลองเลี้ยงแคคตัส มันไม่แน่นอนหรอก ในการจะได้รับสิ่งใด ๆ มา แต่เราก็ใช้โอกาสในความไม่แน่นอนนี่แหละในการคัดเลือกและพัฒนาพันธุ์ คนก็เช่นกัน เราก็ใช้ความไม่แน่นอนในชีวิตนี่แหละ พัฒนาตนเอง

[36] ผลผลิต

diary-0036-ผลผลิต

36. ผลผลิต

การทำเกษตรนั้น เป้าหมายก็คือการได้ผลผลิต ถ้าเป็นชาวนา ชาวไร่ ชาวสวน ฯลฯ เขาก็ต้องเอาผลผลิตเป็นตัวตั้ง แต่ผมไม่ใช่

ผมเองไม่ได้มีเป้าหมายของการปลูกต้นไม้เป็นผล แต่ก็จำเป็นจะต้องได้ผลเป็นที่สุด สิ่งที่ผมมุ่งเน้นคือกระบวนการในการเรียนรู้ ว่าเราได้เรียนรู้องค์ประกอบเหตุปัจจัยอะไรที่ิก่อให้เกิดผล

ความรู้ที่ได้มา จะสร้างผลได้ยั่งยืนกว่า คนที่มุ่งที่ผล เพราะถ้ากระบวนการถูก การได้ผลจะแน่นอน แต่ถ้าไม่เข้าใจกระบวนการ ผลที่ได้นั้นก็ไม่แน่เสมอไป

เพราะความไม่เที่ยงในโลกนี้มีเสมอ มีเหตุปัจจัยเปลี่ยนแปลง เรายังรักษาสภาพที่จะทำให้เกิดผลได้หรือไม่ หรือเราเข้าใจเหตุของการเกิดผลไปในเชิงรูปแบบตามที่จำ ๆ กันมา

เรื่องผลผลิตทางการเกษตรนั้นเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่าย เพราะจับต้องได้ ส่วนผลผลิตทางด้านจิตวิญญาณนั้นจับต้องไม่ได้เลย จึงวัดผลได้ยาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าวัดผลไม่ได้

ผมไม่ได้ใส่ใจประเด็นเรื่องพืชผักเท่าใดนัก แต่ให้ความสำคัญกับการลดกิจกรรมที่ฟุ่มเฟือย และเพิ่มกิจกรรมที่เป็นประโยชน์มากกว่า ซึ่งนั่นหมายความว่าต้องเรียนรู้สิ่งที่ถูกสิ่งที่ผิดในเงื่อนไขที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ

แม้วันหนึ่งผมจะมีสวนที่เต็มไปด้วยพืชผักธัญญาหารที่อุดมสมบูรณ์ แต่สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่ผลผลิตที่เป็นเป้าหมายของผม ผลผลิตที่ผมมุ่งหวังนั้นคือการดำเนินกระบวนการเรียนรู้ไปสู่ความพอเพียงเรียบง่ายที่ปราศจากความโลภโกรธหลงอันเป็นเหตุแห่งทุกข์ ถ้าได้ตามนั้นละก็ นั่นก็เรียกว่าได้ผลจากการผลิตแล้วนั่นเอง>

ผัดวอเตอร์เครสใส่เห็ดออรินจิ

ผัดวอเตอร์เครสใส่เห็ดออรินจิ

ผัดวอเตอร์เครสใส่เห็ดออรินจิ

ถ่ายมาสามรูป ตั้งแต่เก็บยอดมันมา เอามาเด็ดใบออก สุดท้ายก็เอาไปผัด จากที่ล้นภาชนะก็เหลือแค่นิดเดียวเอง

ในวันหนึ่ง ๆ ผมจะกินกับข้าวไม่หลากหลาย แต่อาหารโดยรวมจะหลากหลาย ที่แน่ ๆ จะมีถั่วหลายชนิด ข้าว และกับข้าว ซึ่งจะเป็นผักสดบ้าง ผักที่ปรุงบ้าง และมีผลไม้บ้างในบางวัน

การกินผักน้อยชนิด จะให้พลังและความเสถียรของกำลังมากกว่า เพราะร่างกายย่อยชนิดเดียว เหมือนกับเรามีงานอยู่แบบเดียว ทำไม่นานก็จบ ไม่ต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการเยอะ

แม้จะกินวันละไม่กี่อย่าง แต่ก็จะไม่กินซ้ำกัน สลับกันไป ซึ่งจากที่ทดลองดูก็ยังมีพลังทำงานทุกวัน ทั้งงานหนักงานเบา งานใช้แรง งานใช้สมอง มันก็ไปได้หมด

ช่วงหลัง ๆ เริ่มจับอาการได้ว่ากินผักที่ปลูกเองจะให้พลังงานมากกว่าผักที่ซื้อมาจากตลาด ผัดตลาดเหมือนจะหมดกำลังไวกว่า คือมันจะออกอาการเบื่อ ๆ เพลีย ๆ ล้า ๆ ถ้ากินผักที่ปลูกเองและปรุงได้ถูกสมดุลร่างกายจะไม่มีอาการเหล่านี้

อย่างเมนูที่ทำในวันนี้เป็นเมนูทดลอง ว่าถ้าเอาวอเตอร์เครสมาผัดแบบผัดผักทั่วไปนั้นจะออกมาเป็นอย่างไร พอดีมีเห็นออรินจิเหลือจากที่ซื้อมาทดลองทำอาหารบางอย่างวันก่อนก็เลยใส่ไปด้วย ไม่มีนัยสำคัญอะไรหรอก ก็แค่ใส่ไปให้มันหมด ๆ เท่านั้นเอง

สรุปว่า เมนู “ผัดวอเตอร์เครส” ก็จะเป็นเมนูที่เอาไว้ใช้รับแขกอีกหนึ่งเมนู เพราะว่ากินได้ง่าย ไม่ได้มี รูป สี กลิ่น รส สัมผัสที่มันทำให้รู้สึกแปลก ๆ ในการกินแต่อย่างใด กินไปก็คล้าย ๆ เด็ดแต่ใบของผักบุ้งมาผัดนั่นแหละนะ

ข้าวออกรวง

ข้าวออกรวง

ข้าวออกรวง

ข้าวที่ปลูกไว้ ออกรวงแล้ว มีเมล็ดข้างในด้วย ลองแกะกินแล้วอีกต่างหาก ที่เหลือก็คงรอแค่ให้ข้าวแก่พร้อมเกี่ยวเท่านั้นเอง

ที่เห็นอยู่นี้เป็น “ข้าวพอเพียง” ที่ได้รับแจกหลังจากเข้าสักการะพระบรมศพในหลวง ร.๙ ก็ปลูกพลาดไปรอบหนึ่ง รอบแรกนั้นข้าวจมน้ำตายหมด

พอมารอบสองก็เรียนรู้ อย่างน้อยเราก็จะไม่ไปพลาดแบบเดิม ก็ปลูกไป ได้ต้นกล้า แล้วก็เอาไปแช่น้ำ ต่อมาก็เอาไปวางกลางแดด ใส่พวกกะละมังจากร้าน 20 บาท มันใหญ่ดี ต่อมาไม่นานเจอปัญหาน้ำแห้งไว สุดท้ายก็เอาใส่อ่างผสมปูนซะเลย เพราะใหญ่และใส่น้ำได้เยอะกว่าเดิม

ที่เล่านี่ปลูกไม่เยอะ แค่ 12 กอเท่านั้นเอง ปลูกเพื่อเรียนรู้เป็นหลัก ตอนนี้ก็คิดว่าได้ผลแน่ ๆ แล้ว ข้าวไม่ลีบ เพราะจากที่แกะมากินหลายเมล็ดก็สมบูรณ์ดีอยู่ เดี๋ยวจะรอดูว่าผลสุดท้ายจะออกมาอย่างไร แล้วจะมาเล่ากันอีกทีหลังข้าวเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง

หนอนในฝักถั่วพุ่ม

หนอนในฝักถั่วพุ่ม

ผมมักจะเจอหนอนในฝักเกือบจะแก่ของถั่วพุ่ม แต่ถ้าฝักอ่อน ๆ จะไม่มี ฝักแก่ไปเลยก็ไม่มีเหมือนกัน

ดังนั้นเวลาจะกินฝักที่เกือบจะแก่นี่จะแกะดูก่อน แต่ถ้าไม่แกะก็คงจะได้โปรตีนเพิ่มจากหนอน สายโปรตีนก็คงชอบ ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนตัวผมก็เลี่ยงดีกว่า

หนอนมันจะกินเมล็ดถั่วพุ่มเป็นหลัก เพราะเนื้อในฝักมันไม่ค่อยมี ถ้าจะเอาสบายใจก็เก็บฝักอ่อนกิน เพราะถึงแม้มันจะมีแมลงมาวางไข่ไว้ แต่ตอนนั้นมันก็อาจจะยังไม่ทันโตเป็นตัวก็ได้

เอาเถอะ คิดมากไปก็ปวดหัว ดูเอาให้เหมาะดีกว่า เพราะทุกวันนี้ก็กินหนอนไปเยอะ อยู่ในพวกผักนี่แหละ บางทีล้างออกไม่หมดก็บ่อย

มะเขือเทศเนื้อหนา

มะเขือเทศเนื้อหนา

มะเขือเทศเนื้อหนา

จากคราวที่แล้วที่เล่าถึงมะเขือเทศที่ไม่ยอมสุกเป็นสีแดง ผมก็เริ่มค้นข้อมูลเกี่ยวกับมะเขือเทศมากขึ้น จนพบว่ามะเขือเทศมันก็มีเกือบทุกสีนั่นแหละ สีเขียวก็มีเหมือนกัน

ทีนี้พอมันเป็นสีเขียว มันก็รู้ได้ยากว่ามันสุกเมื่อไหร่ สำหรับต้นนี้ผมได้มาจากการเพาะเมล็ดมะเขือเทศที่ซื้อจากตลาดในตำบล มีลักษณะเด่นคือ ไม่เปลี่ยนสี มีรอยแตก ตอนแรกไม่รู้จะเอายังไงกับมันดี จนมาเห็นรอยแมลงแทะ ซึ่งปกติมะเขือเทศแดง ๆ ลูกอื่นในต้นอื่นจะไม่มีรอยแบบนี้

ก็เลยลองเอาลูกที่โดนแทะนี่แหละมากิน พอผ่าดูก็พบว่าเนื้อของมะเขือเทศหนามาก เมื่อเทียบกับมะเขือเทศทั่วไปก็ดูจะเนื้อหนาเกือบสองเท่า ตามรูปขวาล่างเป็นมะเขือเทศทั่วไปทั้งแบบสุกและไม่สุก

จากที่ลองกินดูก็พบว่ามันหวาน แม้ไม่หวานมากแต่แทบจะไม่มีรสเปรี้ยวเลย สรุปคือมันไม่ค่อยเหมือนมะเขือเทศทั่วไปสักเท่าไหร่

วันก่อนผมก็เอามากินเล่นอยู่หลายลูก ก็กินเพลินดี กินสดนั่นแหละ ว่าแล้วก็นึกสนุก เลยเก็บเมล็ดของมันไปเพาะ มันก็แปลกดี กับมะเขือเทศชนิดนี้ จุดเด่นของมันคือเนื้อหนาและแน่นขนาดนี้ ถ้าพัฒนาเรื่องสีและความหวานได้ ก็จะเป็นพันธุ์มะเขือเทศที่น่าสนใจมากทีเดียว

แมวบนคาน

แมวบนคาน

แมวบนคาน

เช้าวันก่อนเห็นแมวขึ้นไปอยู่บนคาน แล้วลงไม่ได้ น่าจะขึ้นไปตั้งแต่เช้ามืด

ผมก็รอดูมันสักพัก มันก็เดินไต่ไประหว่างคานอยู่นาน แต่ก็ลงไม่ได้สักที จนเกือบเที่ยงผมก็เลยลองเอาบันไดขึ้นไปจับมันลง แต่มันก็กลัว ไม่ยอม เกาะคานแน่นเลย เราก็ไม่ได้ฝืนอะไร พอรู้ว่ามันไม่เอาก็ปล่อยมันไป

พอหลังเที่ยงนิด ๆ มันก็เริ่มหาทางลงอีกที สุดท้ายก็ลงได้ ลงมาแล้วก็เดินหายไป แถมตอนเย็นยังเดินมาทักทายแลบลิ้นให้ดูอีก

เคยมีคนบอกให้ผมเลี้ยงแมวไว้จับหนู แต่ที่ผ่าน ๆ มา แมวมันก็แวะวนเวียนมาตลอดนะ แมวบ้านไหนไม่รู้มีปลอกคอด้วย ที่เห็นมาก็สามตัวแล้วที่มาวนเวียนอยู่บ่อย ๆ

ถึงจะมาที่นี่ก็ไม่มีอะไรให้มันนะ มันมาเดินเล่นของมันเฉย ๆ อาจจะมาหาอะไรก็เรื่องของมัน นี่ขนาดเราไม่เลี้ยงมันยังมาเลย ส่วนเรื่องมีหนูมาอยู่นี่มันเรื่องเล็กกว่าแมวนัก ถ้ามีหนูจะลำบากนิดหนึ่ง แต่ถ้าเลี้ยงแมวจะลำบากหนักเลย