เสียสละ หรือ ต้องช่วยกันเจ็บ ?

วันนี้ผมติดตามข่าวสารเกี่ยวกับน้ำท่วมเหมือนเคยครับ เพราะต้องคอยระวังที่บ้านไว้ด้วย และอีกอย่างคือวันนี้จะออกไปซื้อของด้วยก็เลยต้องตามข่าวกันติดหนึบหน่อย

ข่าวสารเนี่ยมันเป็นข้อมูลครับ ยิ่งฟัง ก็ยิ่งคิด ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด คนเราบางทีก็รับข้อมูลบางอย่างเข้าสมองมากเกินจำเป็นครับ การคัดกรองข่าวสารที่จำเป็นเพียงเล็กน้อยจากข้อมูลข่าวสารจำนวนมากเกินจำเป็น (Snow job คำนี้ผมได้มาจากการเรียน Negotiate และชอบมากๆ )  ซึ่งผมได้รับทราบมาว่ามีทั้งข่าวที่เกิดขึ้นจริง และข่าวที่บิดเบือน ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับข่าวสาร

ข่าวสารสำหรับผมนั้น ในโลกนี้ไม่มีข่าวใดจริงแท้เลย ทุกๆข่าว ผ่านสายตา สมอง และปากจนถึงปลายปากกาหรือมือที่พิมพ์ลงไป ระหว่างทางที่ข่าวนั้นๆ ผ่านมาจนถึงเราจะเจออะไรบ้าง ประสบการณ์ ความวิตก อคติ ลำเอียง การคิดไปเอง ฯลฯ ทำให้ข่าวสารเหล่านั้นถูกบิดเบือนแต่แรกแล้ว ดังนั้นการรับข่าวสารจำเป็นต้องกรองจากหลายแหล่งกันให้ดีนะครับ เพราะจะส่งผลในการตัดสินใจแก้ปัญหาได้ ซึ่งในเวลานี้ทุกอย่างดูจะแข่งกับเวลามากทีเดียว

เข้าประเด็นกันเลย…

ระหว่างที่ผมอ่านเว็บไซต์และเครือข่ายสังคมจำนวนมาก ก็ได้ปรากฏข้อความหนึ่ง ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมไทยตอนนี้เมื่อเปรียบเทียบกับญี่ปุ่นเมื่อโดนซึนามิว่า “ญี่ปุ่นพยายามกั้นแนวความเสียหายให้วงแคบที่สุด และทุกคนเสียสละและมีระเบียบ ความมีระเบียบทำให้ญี่ปุ่นจัดการทุกอย่างได้ไว แต่เมื่อมองคนไทยแล้ว คนไทยกลุ่มหนึ่งกลับมองว่าการเสียสละเป็นสิ่งที่ทำได้ แต่ทำไมไม่ช่วยกันแบ่งเบา ฉันโดนคุณช่วยกันโดนบ้าง ต้องโดนให้ทั่วๆกัน จะได้มาตราฐานเดียวกัน ” อะไรประมาณนี้

ในความเห็นนั้นมีกระทั่งคนที่บอกมาว่ามีคนไปทำลายแนวกระสอบทรายก็ยังมี ผมอ่านแล้วก็ไม่แปลกใจ เพราะจากที่ฟังวิทยุดูเหมือนจะมีการขัดแย้งกันในหลายพื้นที่ ซึ่งส่วนหนึ่งนั้นดูจะมาจากมุมมองทางการเมือง ซึ่งผมเองขอให้ความคิดเห็นตรงๆว่า เราน่าจะมองไปที่การจัดการปัญหาน้ำท่วมกันมากกว่า

ผมเองอยู่กรุงเทพฯ คงไม่มีหน้าไปบอกว่าให้คนต่างจังหวัดช่วยกันเสียสละให้กรุงเทพฯ เพราะเห็นภาพน้ำท่วมก็พูดไม่ออก แต่ถ้าเราคิดไปถึงระดับประเทศ เราควรจะรักษาอะไรเป็นอันดับแรก สิ่งที่ประเทศจำเป็นต้องรักษาคืออะไร? ถ้าให้ดีก็คิดไปถึงระดับโลกเลยก็ดีครับ เพราะจริงๆ ปัญหาที่เราเจอนั้นเป็นปัญหาระดับโลกทีเดียวนะครับ

ผมเองเป็นแค่ชีวิตเล็กๆในเมืองใหญ่คงจะไม่มีปัญญาไปช่วยอะไรเขาได้มาก จากสถานการณ์ตอนนี้คงได้แค่ภาวนาให้ฝนไม่ตกมากไปกว่านี้ และคิดว่าหลังจากนี้เราควรทำอะไรกันบ้าง

ประเด็นนี้เป็นประเด็นสังคมที่ค่อนข้างมีความเห็นที่หลากหลายพอสมควร แต่ผมยินดีต้อนรับทุกความคิดเห็นครับ

สวัสดี

แมวที่รักหายไปร่วมครึ่งปี

แมวหายไปนี่ปกติ ถ้ามันไม่ได้เป็นอะไร มันก็จะกลับมาเอง แต่แมวตัวนี้ของผมหายไปร่วมครึ่งปีแล้วครับ

จริงๆก็เป็นเรื่องที่รู้กันอยู่แล้วถ้าตามอ่านบล็อกนี้มา  ว่าจุ๊บแมวของผมนั้นหายไปตั้งแต่ช่วงก่อนปีใหม่ ที่ผ่านมาจนจะครึ่งปีแล้ว

ผมเองหมดหวังไปนานแล้วเหมือนกันว่ามันจะกลับมา แม้ว่าตอนแรกๆจะมีความคาดหวังเสมอ ว่าเปิดประตูบ้านไปตอนเช้าก็จะเจอจุ๊บนอนรอกินข้าวอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของเรื่องราวในวันก่อนที่จุ๊บจะหายไป

แต่ในวันนี้การเปิดประตูบ้านไปแล้วไม่เจออะไรเลยนี่กลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว เพราะตัวใหญ่ก็ไม่ค่อยจะได้มาสักเท่าไหร่ และตัวใหญ่ก็ไม่เคยมารออาหารเหมือนจุ๊บด้วย

….

วันก่อนเพิ่มหมวดหมู่สัตว์เลี้ยงขึ้นมา ทำให้ต้องทำการโยกย้ายบทความกันนิดหน่อย ผมก็พบว่าผมได้เขียนเรื่องเกี่ยวกับจุ๊บไว้มากเหลือเกิน เหมือนเป็นพวกเห่อแมวอะไรอย่างนั้น ก่อนหน้าที่จะเขียนบล็อกผมเองก็ไม่ได้ใส่ใจจุ๊บสักเท่าไหร่ แต่พอมาเขียนบล็อกทำให้ผมสนใจมันมากขึ้นกว่าเดิม และสังเกตุมันมากขึ้นกว่าเดิม เพราะเขียนเรื่องของมันแล้วสนุกมากๆ แต่ตอนนี้คงเป็นแค่อดีตให้ได้อ่านกัน

สวัสดี