เรียนจบโท หางานใหม่?

หลังจากเรียนจบ ก็จะมีคำถามนี้ขึ้นมาบ่อยมาก ซึ่งผมเองก็พยายามที่จะตอบให้มันเข้าใจง่ายๆหน่อยเพราะคำตอบในมุมของผมอาจจะต่างจากคนอื่นไปมากไปนิด

เริ่มจากจุดประสงค์ในการเรียน MBA ของผมกันก่อน…

ถ้าจะถามว่าหลังจากเรียนจบจะเปลี่ยนงานไหมก็ต้องกลับมาที่จุดประสงค์ในการเรียน ผมเลือกตัดสินใจเรียน MBA จากหลายๆตัวเลือกที่ได้คัดมาแล้ว ซึ่งเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดทั้งในด้านความรู้และการขยายโอกาส ซึ่งอาชีพของผมเองก่อนหน้านี้ก็คือ Animator ซึ่งสร้างอนิเมชั่นเป็นหลัก แน่นอนว่ามีอาชีพเสริมที่สร้างรายได้อีกมากมายคงจะกล่าวถึงกันไม่ไหวต้องตามดูกันเอง

และชัดเจนว่าจุดประสงค์ของผมคือ ด้านความรู้และการขยายโอกาส ซึ่งนี่คือสิ่งสำคัญที่สุดในการเรียน การได้รับปริญญามาอัพเกรดสถานะของตนนั้นไม่อยู่ในหัวผมเลย เพราะผมเองไม่ได้คิดจะไปสมัครงานที่ไหนอยู่แล้วเพราะฉนั้นใบปริญญา ใบทรานสคริป นั้นไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำ

เรียนจบโท หางานใหม่ไหม?

คำถามที่ต้องตอบกันบ่อยๆ ถ้าเป็นวันนี้ก็จะตอบว่าไม่ เพราะการเรียนโทเป็นการเสริมงานเก่าอยู่แล้ว เป็นงานที่วางแผนไว้ก่อนเรียนโท และอยู่ในแผนแต่แรกแล้ว ซึ่งก็รู้ก่อนเรียนแล้วว่าจะได้่รับอะไรมาพัฒนาความสามารถ ดังนั้นเมื่อเรียนจบผมจึงตัดสินใจพัฒนางานเดิมให้เติบโตขึ้นไปเรื่อยๆจะดีกว่า แม้ตอนนี้จะยังไม่เห็นดอกผลแต่คิดว่าวันหนึ่งก็คงจะเติบโตอย่างที่ผมหวังไว้แน่ๆ

ถ้าผมคิดจะเรียน ปริญญาโทใบนี้มาเพื่อจะได้รับเงินเดือนและโอกาสในการหางานใหม่ ถ้าผมอยากทำงานในรูปแบบออฟฟิศ หรืออยู่กับองค์กร ผมก็คงไม่ตัดสินใจลาออกจากบริษัทที่เคยทำเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งผลในการเรียนโทของผมอาจจะต่างไปจากคนอื่น ซึ่งมันอาจจะดูคลุมเครือไม่ชัดเจนเหมือนการได้เลื่อนตำแหน่งเพิ่มเงินเดือน แต่ผมเชื่อว่าการนำความรู้มาใช้จริงนั้นจะทำให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนมากกว่าการเรียนๆสอบๆให้จบๆไปเพื่อได้รับปริญญาอย่างแน่นอน ซึ่งการเรียนปริญญาโทของผมนั้น ผมเรียนเพื่อให้ได้มาซึ่ง ความรู้และโอกาสที่มากกว่าเดิมนั่นเอง

ซึ่งนี่เป็นคำตอบของผมซึ่งอาจจะต่างไปตามแต่ละจุดประสงค์ของแต่ละบุคคล เป็นเพียงแค่ความเห็นเท่านั้นเอง…

สวัสดี

มัน เป็ด มาก

บางครั้งในชีิวิตของเราก็จำเป็นต้องเลือกทางสักทางที่น่าจะดูดีที่สุด แต่ถ้าเกิดมันดีหรือเหมือนจะดี หรือดีพอๆกันทุกทางล่ะ จะเลือกยังไงดี…

คำตอบของผมอาจจะเป็น เลือกทั้งหมดนั่นแหละ…

การเลือกทำหรือเลือกเป็นหลายๆอย่างนั้น มักจะเป็นอะไรที่ไม่ชัดเจน ไม่เฉพาะทาง ไม่เก่งไปสักอย่าง หรือที่เขาเรียกกันว่า เป็ด … เหมือนทำได้ทุกอย่าง แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรได้ดีสักอย่าง แน่นอนว่าผมก็เป็นคนแบบเป็ดๆนั่นแหละ

มันเป็ดมากบทความตอนนี้คิดจะเขียนขึ้นมานานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีโอกาสสักที วันนี้โอกาสเหมาะ อากาศดี ก็เลยได้เขียนและบรรยายความเป็ดให้เป็นที่เข้าใจกัน ความเป็ดของแต่ละคนนั้นอาจจะแตกต่างกันออกไป ตามสิ่งแวดล้อม แต่ที่แน่ๆ มันไม่ได้เด่นสักอย่าง ซึ่งผมเองก็เป็นเป็ดอีกตัวหนึ่งที่มีชีวิตอยู่ในสังคมนี้

การเก่งเฉพาะทางหรือเฉพาะอย่าง คือสิ่งที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก มันเข้าใจง่าย มันดำเนินชีวิตง่าย มันทำให้ชีวิตไปถึงเป้าหมายได้ง่ายเพราะมันชัดเจนในแนวทาง เว้นแต่ว่ามันน่าเบื่อเท่านั้นเอง…

ในบทความตอนนี้เราจะมาบรรยายความเป็ดกับการทำงานกัน

ถ้าจนถึงตอนนี้ยังนึกถึงความเป็ดไม่ออกก็ให้นึกถึงเครื่องถ่ายเอกสารมัลติฟังชั่น fax ,print ,scan ,phone อะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด แต่ก็ทำได้แค่พอถูไถ เหมาะกับสถานที่ที่อาจจะเล็กนิดหน่อย หรือบริษัทที่งบไม่เยอะต้องการประหยัดอะไรแบบนี้

งานก็เหมือนกัน สำหรับบริษัทที่เริ่มต้นใหม่หรือมีขนาดไม่ใหญ่ก็มักจะอยากได้คนที่ทำได้หลายอย่าง ซึ่งต่างกับ บริษัทใหญ่ๆที่แบ่งแผนกชัดเจนจึงต้องการคนเฉพาะทางนั่นเอง และนี่คือกลไกง่ายๆ จากมุมมองง่ายๆของผมที่มองสังคมการทำงาน แน่นอนว่ามันคือสังคมการทำงาน เราคือฟันเฟืองที่ทำให้กิจการขับเคลื่อนไป ดังนั้นไม่ว่าเราจะเป็ดหรือไม่เป็ด ก็ขอแค่ให้มันเหมาะกับสถานที่หรือองค์กรที่เป็นอยู่ก็พอ

เมื่อการเปลี่ยนแปลงมาถึง

บางครั้งเมื่อองค์กรมีการปรับเปลี่ยนขนาด เป็ดบางตัวก็อาจจะเดือดร้อนก็ได้ เพราะความไม่ชัดเจนหรือไม่เฉพาะทางนั่น เป็ดบางตัวอาจจะได้ยกระดับเป็นผู้บริหารเพราะรู้หลายอย่าง แต่ไม่เก่งสักอย่าง ซึ่งนั่นแหละคือความเป็ด ผู้บริหารไม่ว่าจะเล็กกลางใหญ่จำเป็นต้องรู้ให้กว้าง แต่ไม่ต้องรู้ให้ลึก เพราะรู้ลึกก็ให้เป็นหน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านทำไป

ดังนั้นเมื่อรู้ตัวแล้วว่าเป็นเป็ด จึงจำเป็นต้องเพิ่มความสามารถในการบริหารให้มากขึ้นนั่นเอง เพราะเราคงจะไปเก่งสู้คนที่เก่งเฉพาะทางได้ ซึ่งการเลือกเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างในชีวิตมันก็ต้องใช้เวลา และเราจึงจำเป็นต้องรู้ตัวให้ชัดว่าเป็นเป็ดแบบไหน เป็ดบ้านๆที่รอถูกเชือด (เป็ดกินเงินเดือน) เป็ดป่าที่หากินเองตามธรรมชาติ (เป็ด freelance)  ลูกเป็ดขี้เหร่ ที่ไม่รู้ตัวว่าเป็นหงส์ (เป็ดโดนดอง) ซึ่งเราอาจจะนิยามอะไรอย่างไรก็ได้เพื่อมองให้เห็นความเป็นตัวเราเอง และนั่นคือสิ่งสำคัญที่สุดในความเป็ด คือรู้ว่าตนนั้นเป็นเป็ดแบบไหนและขนาดไหน…

บทความแบบเป็ดๆ คงเกริ่นกันไว้เท่านี้ ซึ่งอาจจะมีบทความเพิ่มขึ้นเรื่อยในอนาคตตามแต่ที่ผมจะจินตนาการได้

สวัสดี

ทำไมถึงต้อง MonkiezGrove ?

หลายคนที่เคยดูหรืออ่านผ่านตา ผ่านไปผ่านมาหลายครั้ง คงเคยสงสัยว่าทำไมถึงตั้งชื่อ MonkiezGrove วันนี้จะมาเล่าที่มาที่ไปให้อ่านกันครับ

แรกเริ่มเดิมที…

เดิมทีตอนแรกเริ่มนั้นคิดชื่อไว้โดยมีตีมเล็กๆน้อยๆ คือ สัตว์ป่า และธรรมชาติ เพราะงานการ์ตูนส่วนใหญ่ของผมจะออกไปทางแนวนั้น และตอนนั้นตัวละครเด่นๆของผมเลยก็คือ ไข่ลิง ( ตัวละครลิง สีน้ำตาล ) และไข่ลิงก็ถือเป็นแรงบัลดาลใจที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ผมได้เริ่มวาดการ์ตูนกันเลยทีเดียว

เริ่มแรกในตอนนี้จะต้องตั้งชื่อกลุ่ม ก้อน องค์กรขึ้นมาแล้วนั้น มันก็ต้องมีสักชื่อ ผมเองคิดอยู่นานมากๆ คิดแล้วคิดอีก กรองแล้วกรองอีก จนได้คำมาสองคำ นั่นคือ Monkey(ลิง)  กับ Forest (ป่า)  ซึ่งทั้งสองคำนั้น…ผมคิดว่า

Monkey(ลิง) คือตัวแทนของตัวละครที่สนุกสนาน “ลิงมันไม่อยู่นิ่ง มันชอบวิ่งกระโดดไปมา” คือท่อนหนึ่งของเพลงสมัยเด็กๆที่คุ้นเคย มันบ่งบอกว่านอกจากลิงจะเป็นสัตว์ที่ดูสนุกสนานกับกิจกรรมของมันแล้ว มันยังไม่หยุดนิ่ง เคลื่อนไหวตลอดเวลาอีกด้วย ผมจึงจับเอาจุดนี้ของลิงนี่แหละ มาใส่เป็นชื่อ

Forest (ป่า) เมื่อมีลิงก็ต้องมีป่า ป่าอาจจะใหญ่ไปสำหรับลิงน้อยๆของผม และดูเหมือนว่ามันจะออกเสียงยาก ไปนิดหน่อย MonkeyForest มันออกจะเป็นแนวสารคดีเกินไป ก็เลยเปลี่ยนคำว่า Forest (ป่า) มาเป็น Grove ซึ่งแปลว่า หมู่ไม้ กลุ่มไม้เล็กๆ หรือแปลว่าสวนผลไม้ พอเห็นคำนี้ก็ถูกใจเลยครับ เพราะมันไม่ใหญ่จนเกินไป เป็นมุมเล็กๆมุมหนึ่งที่ผมคิดว่ามันน่าจะพอดีเลยแหละ จนมาถึง…

Monkeygrove.com

เป็นเรื่องตลกที่แสนจะธรรมดา เมื่อคำที่เราคิดตั้งนานดันมีคนมาจดโดเมนไปก่อนหน้าเรา จริงๆแล้วมันก็ไม่ใช่ชื่อที่วิเศษอะไรนักหรอกนะครับ แต่ัมันก็ตรงตัวดี และดูแล้วน่าจะเข้าใจง่าย ผมเองซื้อต่อโดเมนไม่เป็นและ คิดว่ายังมีทางออกนั่นคือ เปลี่ยนชื่อของเราสักสองสามตัวมันคงจะไม่มีปัญหาอะไรหรอกนะ เพราะเราก็เป็นกลุ่มกิจการที่เริ่มต้นใหม่

เมื่อหาและคิดดูแล้วว่าจะเปลี่ยนตัวไหน ก็ลองมามองๆและทดสอบดูจนได้ Monkeygrove มาเป็น MonkiezGrove คำนี้คงจะไม่มีความหมายอะไร แต่สำหรับคนไทยแล้ว จะ monkey หรือ monkiez ก็คงจะคล้ายๆกัน หมายถึงการมองหรือฟังแบบหยาบๆนะครับ แน่นอนว่าอาจจะทำให้ผู้ที่สนใจเกิดความสับสนได้ แต่ผมมองว่ามันเอาไปเล่นอะไรได้อีกเยอะเลย

สุดท้ายด้วยความที่ยอมเปลี่ยนดีกว่ายอมซื้อ ก็เลยจดโดเมน monkiezgrove.com และใช้มาจนถึงทุกวันนี้ครับ และแน่นอนว่าจนวันนี้ก็ยังไม่คิดจะเปลี่ยนชื่อนี้เลยครับ มันชอบและชินไปเสียแล้ว

สวัสดี