มองดูวัวในรถก็สงสารมัน รถส่ายไปมา ยืนก็ลำบาก มือก็ไม่มีไว้เกาะ ก็ทรงตัวกันไปบนพื้นที่เต็มไปด้วยขี้เยี่ยวของพวกมันเอง
รถคันนี้ใส่วัวเข้าไป 3 ตัว วัว 3 ตัวต่างพยายามหาตำแหน่งที่ตนสบาย ตัวที่ใกล้ข้างรถก็เอาหัวออกไปรับลมได้ ตัวตรงกลางนี่ลำบากที่สุด นอกจากตัวเล็กแล้วยังไม่มีที่ให้ขยับตัวอีก ต้องยืนอยู่ข้าง ๆ ตูดเพื่อน ว่าแล้วเพื่อนวัวก็ขี้ออกมา แถมฉี่อีก 1 ยก ดูเป็นบรรยากาศที่แสนจะอึดอัดเมื่อนำมาเปรียบกับชีวิตคนเมือง
ตัวผมเองนั้นใช้บริการรถสาธารณะค่อนข้างบ่อยและใช้มายาวนาน เพราะรู้สึกว่ามันสะดวกและประหยัด แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความลำบาก เพราะในบางเวลาก็ต้องพบกับคนจำนวนมาก แออัด เบียดเสียด ขยับได้ยาก ร้อน เหม็น สารพัดสิ่งที่ไม่น่าอยู่
แต่ด้วยความที่ผมสูงกว่าคนทั่วไปพอสมควร ก็เลยได้พื้นที่สูดอากาศโปร่งมากกว่าชาวบ้านอยู่หน่อยนึง ก็คงเหมือนวัวที่สามารถยื่นหัวออกไปนอกตัวรถได้ละมั้ง แม้จะเบียดแต่อย่างน้อยก็พอหายใจหายคอได้
แต่คนส่วนใหญ่ ก็คงเหมือนวัวที่อยู่ตรงกลาง ถูกเบียดจากตัวที่อยู่ข้างหน้าและตัวที่อยู่ข้างหลัง คนไทยส่วนใหญ่ไม่สูงนัก โดยเฉพาะผู้หญิง สภาพที่เป็นอยู่ก็ค่อนข้างน่าเห็นใจ แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อชีวิตมีข้อจำกัด ถ้าคนสามารถเลือกได้โดยไม่มีข้อจำกัด ทุกคนก็คงอยากจะนั่งตากแอร์สบาย ๆ ในรถส่วนตัวกันทั้งนั้น
ผมเห็นวิบากกรรมของคนที่ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เพียงเพื่อจะให้ชีวิตมันดำรงอยู่ จริง ๆ การจะมีชีวิตอยู่นั้นมันก็ไม่ยากอะไร ก็มีแค่ปัจจัย 4 ที่พอเพียงเรียบง่ายไม่เป็นโทษ ก็พอจะอยู่ได้แล้ว แต่ชีวิตนี่มันมีวิบากกรรม มีสิ่งที่ส่งผล มีสิ่งที่บังคับ มีสิ่งที่เป็นเหมือนกรอบบังตาไว้ให้คนเดินไปตามเส้นทางนั้น
อย่างน้อย ๆ ถ้ารู้สึกว่าชีวิตมันลำบาก ไม่อยากเป็นอย่างวัวที่ยืนเบียดกันบนรถ ก็เลิกเป็นเหตุหนึ่งให้วัว หมู เป็ด ไก่ ฯลฯ ต้องไปยืนเบียดกันเช่นนั้น เลิกสะสมกรรมเช่นนั้น เพราะเมื่อไหร่ที่เราเป็นเหตุ หรือทำกรรมเช่นนั้น เราก็ต้องรับผลนั้น รับวิบากกรรมเช่นนั้น อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ได้รับในชาตินี้ ก็ไปรอรับในชาติหน้า หรือชาติอื่น ๆ ต่อไป