วันสิ้นโลก

ถ้าตอนนี้ วันนี้ ปีนี้ ไม่มาพิมพ์เรื่องนี้สักหน่อย เดี๋ยวจะกลายเป็นคนตกเทรนด์ระดับโลกไป เพราะวันนี้เป็นวันที่เขาว่า เป็นวันสิ้นโลก!!

เกริ่นกันก่อน….

บทความที่เล่าให้อ่านกันต่อไปนี้ มาจากมุมมองของผมที่ไม่ได้สนใจเรื่องวันสิ้นโลกเลยครับ ไม่ตระหนก ไม่ตามข่าว แต่ก็ไม่ประมาทในการใช้ชีวิตในแต่ละวันครับ ถือว่าโลกแตกก็ช่างมัน โลกไม่แตกก็เดินต่อไปแค่นั้นเอง ดังนั้นสิ่งที่จะได้อ่านกันต่อไปนี้ก็คือความคิดเห็นที่มาจากข่าวที่อ่านแบบผิวเผินเท่านั้นครับ  เชื่อผมเถอะว่่า..คนที่รับข้อมูลประมาณนี้ แบบผมนั้น เป็นคนหมู่มาก ใครจะมีเวลาไปหาข้อมูลที่เป็นจริงได้ขนาดนั้นละ เสียเวลาทำมาหากินจริงๆ…

MonkiezGrove Go Green : Heal the World : Piglet
Heal the World

ตามปฏิทินของชาวมายัน เขาว่าวันที่ 21 ธันวาคม 2012 หรือ 2555 นี้เป็นวันสิ้นโลกนะครับ ส่วนใครไปขุด ไปหา ไปแปล ไปตีความมายังไง เป็นใครก็ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่ที่ผมสงสัยคือมันดูขัดๆกับความเป็นจริงในยุคปัจจุบันมาก แต่ก็อย่างว่านะ ในยุคสมัยที่จิตใจคนอ่อนแอขาดที่พึ่งพิงอะไรวิ่งเข้าไม่ก็ไม่สามารถต้านทานได้ ก็เป็นธรรมดา

วันสิ้นโลกเป็นข้อมูลจากคนที่ตายมาไม่รู้กี่ปีแล้ว ตีความโดยคนยุคสมัยนี้ ตีความโดยเชื่อมั่นว่าคนในอดีตแม่น??? ปัญหาคือคนในอดีตรู้อะไร แล้วเรารู้อะไรจากคนในอดีต จริงๆเราก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยครับอุปทานไปเองทั้งนั้น ประัวัติศาสตร์ที่ได้แต่สมมุติฐานแล้วเอามาสรุปเป็นเรื่องจริง ทำให้เกิดข้อมูลชุดหนึ่งขึ้นมา… แต่ในตอนนี้ผมคงไม่สนใจว่าเชื่อกันได้อย่างไร ไปคิดต่อกันเองละกันนะ คงจะเขียนแค่ว่า เชื่อแล้วได้อะไร

ถ้าเชื่อว่าโลกแตก

คนเชื่อว่าโลกแตกมีไม่น้อย เป็นปัญหาระดับชาติของหลายๆชาติ หลายคนคิดจะทิ้งชีวิตปัจจุบันไปเสพสุขเพราะเชื่อว่าวันนี้คือวันสุดท้ายโดยไม่คิดเผื่อว่า “แล้วถ้ามันไม่แตกล่ะ…” นี่คือการเอาความเสี่ยงทั้งหมดทุ่มลงไปที่ข้อมูลที่ใครก็ไม่รู้หามา ผมต้องถามจริงๆว่า รู้จริงหรือเกี่ยวกับปฏิทินมายัน? ตีความถูกหรือ? เคยคุยกับคนที่ทำปฏิทินหรือ? จึงเชื่อ ก่อนจะเชื่ออะไรนั้นควรพิจารณาแหล่งข้อมูลมากกว่าใครๆก็เชื่อกันหรือการประโคมข่าวเพื่อหาข่าวมาขายของคนขายข่าว

แต่การเชื่อก็ไม่ใช่ว่ามีแต่ข้อเสีย คนที่คุมสติได้และเชื่อว่าโลกแตกก็มีไม่น้อย อาจจะเป็นโอกาสอันดีที่ได้ทำสิ่งที่ดี สิ่งที่อยากทำมานาน ได้กลับไปอยู่กับครอบครัว ได้คุย ได้เปิดใจกัน โดยใช้โอกาสที่เรียกว่าวันสิ้นโลกในการสร้างโลกใหม่ ดังนั้นคนที่เชื่อแล้วใช้ประโยชน์จากวันสิ้นโลกนี้ ถึงโลกไม่แตกแต่ผมเชื่อว่าชีวิตของเขานับจากวันนี้จะดีขึ้นแน่นอน

ถ้าไม่เชื่อว่าโลกแตก

มีคนจำนวนมากที่เชื่อว่าโลกไม่แตก หรือวันสิ้นโลกไม่มีจริงหรอกจะเป็นไปได้ไงราวๆนี้ อาจจะเพราะข้อมูลที่มีไม่มากเพราะ เอาง่ายๆว่าเขาไม่เชื่อในข้อมูลเหล่านั้นแล้วกัน ปฏิทินชาวมายันและความหมายเหล่านั้นถือเป็นเรื่องตลกสำหรับคนไม่เชื่อ ซึ่งคนที่ไม่เชื่อก็จะดำเนินชีวิตไปตามปกติแบบไม่มีอะไรเกิดอันนี้ก็ถือว่าดี เพราะถ้าโลกแตกก็ตายอยู่ดีจะไปกังวลทำไมใช้ชีวิตแบบปกติไปน่ะดีแล้ว

แต่การที่โลกไม่แตกก็ใช่ว่าจะไม่ตาย เพราะคนเราสามารถตายกันได้ตลอดเวลา นั่งก็ตาย ยืนก็ตาย นอนก็ตายได้ ดังนั้นการใช้ชีวิตอย่างมีสติ ระรึกถึงความตายที่สามารถเข้ามาหาได้ทุกวินาที เป็นชีวิตที่ไม่ประมาท ไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง ทุกวันของชีวิตก็จะมีคุณค่าขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์

ถ้าทั้งเชื่อและไม่เชื่อล่ะ?

เชื่อและไม่เชื่อ คือเชื่อในความไม่แน่นอนอะไรก็เกิดขึ้นได้ การเตรียมตัวเตรียมใจอย่างมีสติพร้อมการวางแผนในอนาคตอย่างเป็นธรรมชาติก็จะเกิดขึ้น ข้อมูลทุกอย่างหากเรานำมาคัดกรองในส่วนที่มีประโยชน์มันก็จะมีประโยชน์ นี่คือสิ่งที่ยาก แต่ถ้าคิดเป็นทำได้ ก็จะดีกับชีวิตตัวเอง

เราต้องเจอกับข่าววันสิ้นโลกอีกกี่ครั้งจนถึงจะหันมารักษาโลก… ขอจบบทวันสิ้นโลกไว้แต่เพียงเท่านี้ เพราะถ้าคุณได้อ่านถึงตรงนี้หลังจากวันนี้ มันคงจะไม่มีอีกแล้วล่ะ

สวัสดี