ก็อาจจะนึกสงสัยกันได้บ้างว่าทำไมคนที่ทำธุรกิจบาปพวกนี้ เขาถึงไม่ตกนรกให้เห็นกันกับตาสักที
ถ้าเขาทำบาปคนเดียวรับคนเดียว น้ำหนักมันก็มาก แต่นี่เขาเลี้ยงฆ่าขายให้กับคนจำนวนมาก ผลมันก็แบ่งไปตามสัดส่วนที่เกี่ยวเนื่องนั่นแหละ มันมีผลบาป มันสะสม มันส่งผลอยู่ แต่ทุกข์จากบาปใช่ว่าจะรู้ได้ง่าย ๆ ต่อให้ชี้นิ้วบอกก็ใช่ว่าจะเชื่อ เช่นไปบอกคนเป็นมะเร็งว่าเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะกินเนื้อสัตว์ เขาจะทำใจเชื่อได้ไหม
สรุปมันก็เป็นนรกแบบแบ่งปันไปตามสัดส่วนของความหลงติดหลงยึด และความเบียดเบียน อันนี้ไม่ใช่แบ่งผลกรรมกันนะ กรรมของใครของมัน ใครทำอะไรก็ได้รับผลของคนนั้น
ส่วนที่เขารวยเอารวยเอาก็เพราะคนไปซื้อเนื้อสัตว์ ถ้าไม่หลงติดก็ไม่ซื้อ ไม่ซื้อเขาก็ไม่รวย ไม่เห็นจะมีอะไร ธุรกิจบาปของเขา ก็ร่ำรวยได้จากการเพิ่มความหลงติดหลงยึดหลงรสหลงสัมผัส ของคนกินนั้นแหละ
ธุรกิจที่ดำเนินไปตามความหลงของคน มันก็จะดูรวยตามแบบโลก ๆ ส่วนธุรกิจที่ดำเนินไปตามปัญญา นับวันมันจะมีแต่จนลง เพราะมีปัญญา สละออก แบ่งปัน ไม่สะสม กินน้อยใช้น้อย ชีวิตมันจะเอามาแบกให้เยอะทำไมให้โง่