[33] การใช้ประโยชน์จากกระถิน

diary-0033-การใช้ประโยชน์จากกระถิน

33. การใช้ประโยชน์จากกระถิน

ที่นี่มีต้นกระถินเยอะมาก เยอะมากจนเป็นปัญหา และปัญหานั่นแหละทำให้เราต้องใช้ปัญญา

เนื่องจากกระถินเยอะเกิน ก็ต้องขยันตัดมันออก ทั้งตัดแบบถอนรากถอนโคน ตัดเล็มกิ่ง ทำอย่างไรจึงจะมีพลังในการทำงาน เมื่อปริมาณของงานนั้นเยอะจนท้อเลยทีเดียว

ผมก็ใช้วิธีหาประโยชน์จากกระถินนี่แหละ กระถินนี่เป็นพืชที่มีพลังงานมาก สัตว์ชอบกิน คนเลี้ยงวัวจะเอากระถินไปให้วัวกิน แล้วสุดท้ายก็กลายเป็นปุ๋ยคอกมาใส่ต้นไม้

เราก็ลดขั้นตอนจากการเอากระถินใส่ไปในวัว มาใส่ในดิน ใส่ในต้นไม้เลย แน่นอนว่าไม่สมบูรณ์เท่าวัวย่อยหรอก แต่มันจะดีกว่าในหลาย ๆ ด้าน และในระยะยาวด้วย

ใบกระถินถ้าแดดดี ผมก็ทิ้งไว้ให้แห้งแล้วเอามาผสมดินปลูก หรือไม่ก็ผสมในแปลงผักเลย จะรูดใบออกทั้ง ๆ ที่ยังเขียวหรือวางตากแดดทิ้งไว้ให้แห้งแล้วค่อยรูดใบออกก็ได้ แล้วแต่ความเหมาะสมของสภาพอากาศในเวลานั้น ๆ

ส่วนกิ่งและต้น สมัยก่อนมองมันแล้วเป็นภาระมาก เดี๋ยวนี้คิดอะไรไม่ออกก็เอาไปเผาถ่าน เอาไปทำฟืน เอาไปทำเสาบ้าง ตอนนี้ก็สามารถใช้ประโยชน์และกำจัดกระถินส่วนเกินได้อย่างเต็มใจแล้ว ที่เหลือก็มีแค่ใช้แรงกายไปทำเท่านั้น

เป้าหมายของผมคือจะทำให้กระถินหายไปจากพื้นที่ โดยมีต้นไม้ที่ใช้ประโยชน์อื่น ๆ ได้มาทดแทน เราไม่ได้จำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากกระถินถึงขนาดจะต้องมีมัน แต่ในเมื่อมีมันแล้ว ก็ต้องรู้จักหาประโยชน์จากมัน

มะเขือเทศรุ่นสอง

มะเขือเทศรุ่นสอง

มะเขือเทศรุ่นสอง

หลักจากที่เด็ดมะเขือเทศไปแล้ว ก็ต้องรอชุดใหม่สุก มะเขือเทศมันจะสุกเป็นชุด ๆ ก็คงจะตามการดูแลของเรา ดูแลดีมันก็ออกดอกติดผล ไปเป็นช่วง ๆ

มะเขือเทศสามารถเอาไปประกอบอาหารและกินสดได้ คือใช้เป็นทั้งผักและผลไม้ได้ ตอนนี้ต้นที่โตเต็มวัยในชุดที่รอดมาจากการถูกปลูกแล้วทิ้งไปเฉย ๆ 3 เดือนนั้นมีแค่สามต้น

พอเวลาแต่ละต้นสุก ก็สุกไม่พร้อมกัน แม้จะมีลูกอยู่มาก แต่ก็จะสุกทีละ 3-4 ลูกเท่านั้น ดังนั้นวันหนึ่งอย่างเก่งก็เก็บผลกินได้เท่านั้นแหละ

ช่วงนี้ก็เลยปลูกเพิ่ม ก็อีกหลายสิบต้น ราว ๆ 50 ต้น ไม่รู้ว่าตอนโตแล้วออกดอกออกผลพร้อมกันจะเป็นอย่างไร รู้แต่สามต้นนี่ไม่พอกิน มีให้กินได้ทุกวันมันก็ดี

ซึ่งมะเขือเทศนี่เก็บผลไว้กับต้นได้นาน ไม่ต้องมีตู้เย็น กว่ามันจะแดง กว่ามันจะเหี่ยวก็นานอยู่ ดังนั้นถ้ามีหลายต้นก็คงจะได้กินทุกวัน

กินมะเขือเทศไร้สารพิษทุกวันแบบนี้ สุขภาพดีจะหนีไปไหน มะเขือเทศเป็นผักฤทธิ์เย็นด้วย ทำให้กินง่าย ปรับง่าย จะปรับให้ร้อนขึ้นก็แค่เอาไปปรุงเพิ่ม ถ้าอากาศร้อนก็กินสด ปลูกติดบ้านไว้ไม่เสียหาย

ผักนึ่งสามอย่าง

ผักนึ่งสามอย่าง

ผักนึ่งสามอย่าง

อาหารช่วงที่กินก่อนหน้านี้ เป็นช่วงที่เขาว่าอากาศร้อนที่สุดช่วงหนึ่ง ดังนั้นอาหารเลยปรับไปตามอากาศ

เป็นสัปดาห์ที่ผมแทบจะไม่ได้แตะอาหารที่ใส่น้ำมันเลย วนเวียนอยู่กับผักนึ่ง ผักต้ม ผักสด วันนี้มีเยอะชนิดหน่อย คือสามชนิด ปกติจะน้อยกว่านี้ ก็เอาเท่าที่กินทั้งหมดจัดใส่จานให้ดู จานมันเล็ก มันก็ล้น ๆ หน่อย

ผักที่มีก็มีฟักทอง ไชยา ตำลึง กินแค่ผักนึ่ง ข้าว แล้วก็ถั่วต้ม ก็อยู่ได้ทั้งวัน กินแบบนี้เป็นอาทิตย์น้ำหนักหายไปหลายกิโล เพราะไม่มีน้ำมันเหมือนเดิม

หน้าร้อนก็แบบนี้ ก็ต้องเอาน้ำหนักส่วนเกินออก แต่ไม่นานนักฝนก็ตกลงมา อากาศเย็นจนรู้สึกหนาว ก็ต้องกินของมัน ๆ หรือกินเพื่อไปเพิ่มน้ำหนักตัวบ้าง ไม่งั้นมันจะหนาวจนทรมาน มันจะอยู่ไม่ไหว ปรับร้อนปรับเย็นไปแบบนี้ตามสภาพอากาศ เราปรับตามอากาศ ไม่ใช่ให้อากาศปรับตามเรา ถ้าให้อากาศปรับตามเราเช่นเปิดแอร์มันก็จะเปลือง แถมยังทำให้เราอ่อนแออีกด้วย

ตั๊กแตนกิ่งไม้

ตั๊กแตนกิ่งไม้

ตั๊กแตนกิ่งไม้

ตั๊กแตนชนิดนี้ สมัยเด็ก ๆ ผมไม่เคยเห็นเลย เพิ่งมาเห็นก็ตอนโต เพราะเกิดในกรุงเทพฯ แม้สมัยก่อนจะมีที่รกร้าง มีต้นไม้อยู่มาก แต่ก็ยังไม่เคยเห็นมัน

พอมาเห็นในสวนแมลงที่เขาจัดไว้ให้ดูก็แปลกใจ เออมันมีแมลงแบบนี้อยู่ด้วยเหมือนกัน แต่ที่เขาเลี้ยงไว้ให้ดูนี่มันตัวใหญ่ ในธรรมชาติส่วนใหญ่จะตัวเล็กกว่า นาน ๆ จะเจอตัวใหญ่ ๆ สักที

สรุปว่าทุกวันนี้เจอตัวแบบนี้เกือบทุกวัน วันไหนไปขุดดิน ถางหญ้าเดี๋ยวก็เจอ ก็เหมือนกิ่งไม้ที่ขยับได้ มันไม่ไวเหมือนตั๊กแตนชนิดอื่นหรอก เจอแล้วก็ระวังมันนิดหนึ่ง มันหนีไม่เก่ง เดี๋ยวจะพลาดเหยียบมันตาย

[32] ฝนที่ไม่ได้อยู่ในแผน

diary-0032-ฝนที่ไม่ได้อยู่ในแผน

32. ฝนที่ไม่ได้อยู่ในแผน

ปกติแล้วเวลาจะทำงานอะไร ผมจะตั้งโครงขึ้นมา ว่าจะทำสิ่งนี้สิ่งนั้นในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ

ซึ่งก่อนหน้านี้ก็อากาศร้อนมาก เราก็วางแผนไว้แบบหนึ่งว่าจะทำงานแบบนี้นะ จะผสมปูน เทปูน ก็เลยซื้อปูนมารอ

แต่พอซื้อมาเสร็จ ฝนก็มาด้วย ทีนี้งานปูนกับฝนมันไปด้วยกันไม่ได้ ไอ้ที่ว่าจะไปเร่งงานก่อนฝนตกบางทีมันก็ไม่แน่เสมอไป เพราะที่เราเห็นฟ้าใส คิดว่าฝนมันจะไม่ตกแน่ ๆ ภายใน ครึ่งวัน บางทีผ่านไปแค่ครึ่งชั่วโมงฟ้าก็มืดมาพร้อมเมฆฝนเลยก็เป็นได้

ก็ต้องวางแผนเดิมกันไป วางงาน นั่งดูฝนตก เปลี่ยนเป็นกิจกรรมรองน้ำฝนไว้กินแทน ปูนไว้ทีหลังแล้วกัน ตารางงานมันจะเลื่อน มันจะโยกย้ายอะไรไปมันก็เป็นธรรมดา

ส่วนตัวผมว่า ฝนตกนี่เป็นช่วงที่อยู่ยากที่สุดแล้ว เพราะไม่ค่อยมีกิจกรรมอะไรให้ทำ หรือจะทำกิจกรรมอะไรหลังจากนั้นก็ลำบาก จะขุดดิน ดินก็ติดจอบติดเสียมกันจนต้องลำบากแงะ จะมีก็แค่งานเบา ๆ เช่น ถอนวัชพืชไปเรื่อย ๆ

จริง ๆ ฝนตกก็มีข้อดีมาก คือไม่ต้องรดน้ำต้นไม้ อัตราการรอดของต้นไม้ที่ลงไว้มีสูง อัตราการเติบโตของพืชผักที่ปลูกไว้ค่อนข้างดี ซึ่งมันจะดีมากหากสถานที่นี้ลงตัวดีแล้ว แต่หากยังอยู่ในขั้นตอนพัฒนา ก็ถือว่าเป็นอุปสรรครูปแบบหนึ่ง

[31] ใช้ฟืน ได้ไฟ ได้ถ่าน

diary-0031-ใช้ฟืน-ได้ไฟ-ได้ถ่าน

31. ใช้ฟืน ได้ไฟ ได้ถ่าน

หลังจากที่ผมใช้ฟืนมาได้สักพัก ก็ได้รับประโยชน์จากฟืนมากมาย ได้มากกว่าถ่านเสียอีก เลยเก็บมาบันทึกกันหน่อย

การได้ฟืนมานั้นก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร เพราะต้องถางป่าที่รกอยู่แล้ว ไหนจะกระถิน ไหนจะปอกระสา มันเยอะจนไม่รู้จะเอาไปทำอะไร ก็เอามาทำเป็นเชื้อเพลิงนี่แหละ สุดท้ายก็จะได้ถ่าน เอาไปใช้ปลูกต้นไม้ได้อีก

ถ้าซื้อถ่านที่เขาเผานี่มันไม่ง่ายนะ มันต้องเอารถไปขนมา ฟืนจึงเป็นความเรียบง่ายและพอเพียงชนิดหนึ่งที่เหมาะสมกับชีวิตบ้านไร่

ฟืนคือความไม่แน่นอน จะวางใจเหมือนใช้เตาแก๊สหรือกะทะไฟฟ้าไม่ได้ เพราะความร้อนที่ได้มันไม่แน่ แม้จะมีฟืนปริมาณเท่ากัน แต่ถ้าไม้ต่างชนิดก็ให้ความร้อนต่างกัน ไหนจะขนาด รูปทรง อีกที่มีผลต่อความร้อน ดังนั้นการทำอาหารด้วยฟืนจะต้องคอยสังเกตมากกว่า ต้องคอยเติมเชื้อเพลิงหรือลดมันลงบ้าง ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ยุ่งยากกว่าการปรับอุณหภูมิขึ้นลงของเครื่องใช้ไฟฟ้ามาก

การใช้ฟืนในหน้าฝนนั้น คงไม่เหมือนหน้าร้อน เพราะอากาศมีความชื้นสูง ต้องจัดเตรียมฟืน เก็บฟืนไว้ในที่แห้ง หรืออย่างน้อย ๆ ก็ไม่ให้โดนน้ำค้างหรือน้ำฝน

การใช้ฟืนนั้นยังสามารถจุดไฟให้ติดได้ง่ายกว่าใช้ถ่าน เพราะก่อกองไฟด้วยเศษไม้และฟืนนี่แทบจะไม่ต้องใช้พัด แต่ก่อเตาถ่านต้องใช้ ก็เลยเป็นอีกหนึ่งความสะดวกของการใช้ฟืน

การปลูกวอเตอร์เครส

การปลูกวอเตอร์เครส

การปลูกวอเตอร์เครส

จากที่ผมทดลองปลูกมา ดูเหมือนว่าถ้าเราปลูกในที่แดดรำไร ก็จะเห็นผลได้ดีกว่า คือต้นโต ใบใหญ่

ในตอนแรกผมเข้าใจว่ามันต้องได้แดดเยอะ ๆ ถึงจะดี จากข้อมูลที่ทดลองปลูกที่บ้านกรุงเทพฯ ถ้าเอาไว้ในร่มไม่ดี เอามาตั้งหน้าบ้านให้โดนแดดบ้างจะดี ก็เลยเอามาทดลองต่อกลางแดด

ทีนี้กลางแดดที่นี่มันแดด 100% ทั้งวัน มันก็เลยมากเกินไป ปลูกไปต้นก็ไม่งาม ใบก็สีอ่อน ต้นก็แห้ง ๆ เลยทดลองใหม่ ปลูกใต้ค้างตำลึง ก็มีตำลึงช่วยพรางแสงให้ สรุปผลออกมาดี ใบใหญ่ กรอบ ต้นไม่แข็ง

เลยได้ผลสรุปว่า ก็ปลูกกลางแดดนี่แหละ แต่ต้องอยู่ใต้ต้นไม้อื่นหรือ ใต้ค้างไม้เลื้อย ถึงจะดี

เมล็ดฟักทองญี่ปุ่น

เมล็ดฟักทองญี่ปุ่น

เมล็ดฟักทองญี่ปุ่น

ซื้อฟักทองญี่ปุ่นมา กะจะเอาเมล็ดมาปลูก เพราะด้วยเหตุที่ว่า ผลของมันมีผิวเกลี้ยง ทำความสะอาดได้ง่าย กว่าฟักทองทั่วไป

พอเอาผลมากินก็เหลือเมล็ด ส่วนหนึ่งก็แบ่งไปปลูก ส่วนหนึ่งก็ลองเอามาคั่วกิน มันไม่เหมือนเมล็ดฟักทองทั่วไป คือเมล็ดฟักทองญี่ปุ่นนั้นหนากว่า เปลือกนั้นหนาถึง 1 มิลลิเมตรเลยทีเดียว ต้องกัด แกะ กะเทาะเอาถึงจะได้กิน ไม่เหมือนเมล็ดฟักทองทั่วไปที่เคยคั่ว กินทั้งเปลือกได้เลยเพราะเปลือกมันบาง

แล้วเวลาคั่วนี่ก็ยากกว่าเพราะเปลือกมันหนา มันจะไม่แตกแล้วกระเด้งไปมาเหมือนฟักทองทั่วไป แต่มันจะระอุ สุกอยู่ข้างใน ดังนั้น จะคั่วให้ถึงขั้นเปลือกแตกก็คงจะสุกจนแห้งเกินไป ต้องคอยสังเกตมากกว่าเมล็ดฟักทองทั่วไป

พอรวมองค์ประกอบเรื่องการคั่วเมล็ดกินด้วยแล้ว การปลูกฟักทองญี่ปุ่นนั้นมีน้ำหนักลดลงไปทันที ไปหาพันธุ์ฟักทองไทยที่ผิวมันเรียบ ๆ มาเพาะดีกว่า ซึ่งก่อนหน้านี้ผมก็เก็บไว้ชุดหนึ่ง ซื้อฟักทองมาจากตลาด ผิวเรียบดี เดี๋ยวก็คงปลูกและคัดพันธุ์ไปเรื่อย ๆ

นก

นก

นก

ปกติแล้ว ที่นี่จะนกเยอะมาก มีมาให้เห็นทุกวัน มีหลายพันธุ์แต่ผมก็ไม่รู้จักมันหรอก มีทั้งตัวเล็กตัวใหญ่

และช่วงหลังนกมากขึ้นเนื่องจากปลูกต้นตะขบไว้ ซึ่งเขาก็บอกกันว่าถ้าปลูกตะขบนกจะเยอะ ซึ่งมันก็เยอะขึ้นจริง ๆ โดยเฉพาะช่วงที่ตะขบออกลูก ก็จะมีนกมากินลูกตะขบ

ผมปลูกตะขบไว้เพราะว่าจะเอาร่มเงา ด้วยเหตุที่มันเป็นต้นไม้ที่โตเร็วมาก แต่ก็ปลูกไว้แค่สองต้น เพราะคิดว่าสองต้นนี่ก็คงจะเยอะมากแล้ว คือมากพอที่สัตว์จะมากันเยอะ ที่มากันเยอะไม่ใช่แค่นก ยังมีสัตว์อื่นเช่น หนู อีกด้วย พอหนูมาล่ะทีนี้งูก็จะตามมาอีกเหมือนกัน

วันหนึ่งอาจจะโค่นตะขบทิ้ง แต่คิดว่านกก็คงไม่หายไปไหน เพราะถึงไม่มีต้นตะขบนกมันก็มากันประจำอยู่แล้ว ถึงตอนนั้นก็คงจะเป็นตอนที่ต้นไม้อื่น ๆ งอกงามกันหมดจนไม่จำเป็นต้องพึ่งร่มเงาของตะขบอีกต่อไป

[30] ลองกินมะเขือเทศ + เก็บเมล็ด

diary-0030-ลองกินมะเขือเทศ

30. ลองกินมะเขือเทศ + เก็บเมล็ด

หลังจากที่ปลูกมะเขือเทศแล้วได้ผล ก็เลยคิดว่าน่าจะทดลองปลูกมะเขือเทศพันธุ์อื่น ๆ บ้าง

เมื่อคิดอย่างนั้น ก็เลยไปลองซื้อมากินดู ว่าแต่ละพันธุ์นั้นมีรสชาติอย่างไร (ปกติกินแต่มะเขือเทศทั่วไป) ซึ่งก็ได้ผลมาว่า บางชนิดเนื้อแน่น บางชนิดเนื้อไม่แน่น บ้างก็ออกหวาน บ้างก็ไม่ค่อยหวาน และก็ได้ประสบการณ์ใหม่ว่า มะเขือเทศกินสดก็ดีเหมือนกัน โดยเฉพาะพวกผลเล็ก ๆ กินไปก็คล้าย ๆ องุ่น ก็น่าปลูกดีเอาไว้กินเป็นผลไม้

ที่ซื้อมาลองก็มะเขือเทศที่ขายในห้างทั่วไป ผมซื้อมาอย่างในรูปนี้ก็ 5 ชนิด ก็แพงอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้แพงที่สุด ตกแพคละ 20-50 บาท ไอ้ที่แพคละ 100-300 นี่ซื้อไม่ลง มันอาจจะหวานกว่าละมั้ง แต่ที่กินไป 5 ชนิดนี่แทบไม่ได้ต่างกันขนาดนั้น คือไม่มีนัยสำคัญในความหวาน ซึ่งการซื้อผลสดมาลองกินก็น่าจะดีกว่าซื้อเมล็ดพันธุ์ที่เขาขายเป็นซอง เพราะถ้าซื้อแบบนั้น กว่าจะรู้ว่ามันรสเป็นอย่างไร ก็ต้องรอโต

แต่วิธีของผมนี่จะเลือกปลูกจากที่ได้ทดลองกินแล้ว เหมือนย้อนขั้นตอนไปอีกขั้น กินแล้วก็เก็บเมล็ดเอง เคยลองแล้วได้ผล และมันไม่ยากก็เลยเลือกใช้วิธีนี้

การปลูกพืชผักของผม ไม่เหมือนเกษตรกรเขาทำ แต่จะทำเหมือนการวิจัย ทดสอบ ทดลองอะไรไปเรื่อย เน้นเอาความรู้ ส่วนผลผลิตนั้นเป็นผลพลอยได้

ถ้ามะเขือเทศชุดนี้เพาะสำเร็จแล้ว ลงปลูกแล้ว ได้ผลแล้ว จะเอามาให้ดูกันอีกที