เมล็ดฟักทองคั่ว

เมล็ดฟักทองคั่ว

เมล็ดฟักทองคั่ว

หลังจากที่เรากินเนื้อฟักทองแล้ว ก็แยกเมล็ดไว้ ล้างแล้วตากให้แห้ง แห้งแล้วก็เอาไปคั่วไฟอ่อน ๆ ก็จะได้เมล็ดฟักทองคั่วที่กินได้ทั้งเปลือก

ถ้าใช้ไฟแรงไป หรือเมล็ดถึงระยะที่สุกดี เมล็ดจะพองออกแล้วแตกคล้าย ๆ ข้าวโพดคั่ว คือ อาจจะมีเด้งออกจากกระทะบ้าง ก็หาอะไรมาปิดกันไป คั่วได้สักระยะหนึ่งเอาพอสีเปลี่ยน ไม่ถึงกับไหม้ ก็เลิกได้ เอามาพักไว้ให้เย็นก็กินได้แล้ว กรอบ ๆ กินได้ทั้งเปลือก เก็บไว้กินได้หลายวัน

ส่วนใหญ่แล้วจะเหลือเมล็ดฟักทองมาคั่วเสมอ เพราะเมล็ดที่เก็บไว้ปลูกต่อ ก็ไม่ได้เก็บทุกลูก เก็บเฉพาะลูกที่ดูดีตามที่เราต้องการ เช่น ขนาดพอเหมาะ ผิวสวย เมล็ดโตแข็งแรง เป็นต้น

เมล็ดที่เก็บไว้ทำพันธุ์นี่ไม่ต้องใช้เยอะ อย่างในรูปนี่ปลูกได้เยอะเลย สำหรับตอนนี้ผมปลูกแค่ 10 – 20 ต้นก็พอแล้ว ดังนั้นตอนนี้ก็เลยเก็บเมล็ดไว้ปลูกนิดหน่อยเท่านั้น ส่วนที่เหลือเอามาคั่วกิน

ผัดกะเพราฟักทอง

ผัดกะเพราฟักทอง

ผัดกะเพราฟักทอง

หลัก ๆ ก็มีแค่กะเพรากับฟักทองนั่นแหละ เครื่องปรุงก็มี เกลือ พริกแห้ง น้ำตาล สามอย่าง วิธีที่ทำก็เอาฟักทองไปต้มหรือนึ่งก่อน จะได้สุกทั่วกัน แล้วก็เอามาผัด ถ้าไม่ต้มหรือนึ่งฟักทองก่อน ก็ต้องหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ จะได้สุกง่ายขึ้น

เมนูนี้ทำในวันที่อากาศเย็น เลือกเอาแต่วัตถุดิบฤทธิ์ร้อน เช่นพริก กะเพรา ฯลฯ ถ้าอากาศร้อน กินแบบนี้จะไม่ค่อยสบาย แต่ถ้าหนาว ๆ ก็กินแล้วสบาย

ฟักทองนี่สรุปไปค้นมาแล้ว ว่าเก็บได้นานเท่าไหร่ โดยเฉลี่ยก็เดือนสองเดือน แต่มีบางคนให้ข้อมูลกันว่าคนที่ปลูกฟักทองเขาเก็บกันกว่าครึ่งปี ซึ่งก็มีวิธีเก็บผลผลิต คือปล่อยให้สุกคาต้น ต้นแห้งตายไปเลย แล้วก็เก็บไว้ในที่อากาศถ่ายเท ไม่อับ จะเก็บได้นาน

พอได้ข้อมูลแล้ว ก็เอาเมล็ดฟักทองที่ได้ส่วนหนึ่ง ลงเพาะกันเลย จะได้มีฟักทองไว้กิน ฟักทองนี่ปลูกแล้วไม่ได้กินง่าย ๆ ต้องรอกันหลายเดือน 4-6 เดือนนู่น กว่าจะได้กิน ก็ปลูกและรอกันไป ดีกว่าซื้อแน่ ๆ แต่ช่วงที่มันยังไม่โตก็ซื้อกินไปก่อน

ใบกะเพรา

ใบกะเพรา

ใบกะเพรา

ผมเด็ดใบกะเพรามาก็นึกถึงเมื่อตอนไปสั่งผัดกะเพราในร้านอาหารตามสั่งสมัยก่อน เรามักจะได้ใบกะเพรานิดเดียว

ต่อมาผมลองหัดปลูกกะเพราที่บ้านกรุงเทพฯ ก็ได้ผลดี แต่มันก็อยู่แต่ในกระถาง ไม่โตมาก ทำให้ไม่ทันกิน หรือบางทีลืมดูแลมัน มันก็ตายจากไปก็มี

มาตอนนี้ลงกะเพราไว้ที่สวน ลงดินไว้เลย มันก็ติดดี ตอนนี้อยู่ได้แม้ทิ้งไว้ตามธรรมชาติ แถมยังแพร่พันธุ์ไปในอาณาเขตข้างเคียงอีกด้วย

ผมเคยคิดว่ากะเพราต้องอยู่ในที่ร่มถึงจะงาม แต่พอเอาไปลองปลูกกลางแดด โดยที่แทบจะไม่ได้รดน้ำเลย มันก็ยังโต แตกกิ่งก้านใบให้พอกินได้

สรุปว่าตอนนี้มีกะเพรามากพอกิน เด็ดเท่าไหร่ก็ได้ วันไหนจะกินผัดกะเพราก็เด็ดมากิ่งหนึ่ง ได้ใบมากพอจะมาผัดที่เรียกได้ว่าผัดกะเพราจริง ๆ สักที

[21] ฟักทองจากตลาด

diary-0021-ฟักทองจากตลาด

21.ฟักทองจากตลาด

หลายวันก่อนได้ฟักทองจากตลาด 5 ลูก 30 บาท กิโลกรัมละ 10 บาท เฉลี่ยลูกละ 6 ขีด เขาแถมมาอีกลูกกลายเป็น 6

ก็ถามแม่ค้าว่าลูกเล็กแบบนี้สุกรึยัง เขาก็ว่าสุกแล้ว อายุมันได้แล้ว แค่ผลมันไม่ใหญ่ มันแล้ง ฯลฯ เราก็นึกในใจ เอ้อดีนะ ฟักทองลูกไม่ใหญ่ กินง่ายดี ดีกว่าลูกใหญ่แล้วผ่ามา อันนั้นเราไม่มีที่เก็บ แต่ลูกเล็กนี่ดี กินวันละครึ่งถึงหนึ่งลูกก็ยังได้ ไม่เป็นภาระเท่าลูกใหญ่

ปกติเวลาหาซื้อฟักทองในซูเปอร์มาเก็ตก็จะเลือกลูกเล็ก ๆ อยู่แล้ว ได้เจอเล็กแบบนี้ก็เหมาะเลย และที่สำคัญ กิโลกรัมละ 10 บาท นี่ก็เป็นราคาที่ถูกที่สุดของฟักทองที่เคยเห็นในตลาดด้วย (ถ้าเป็นมันเทศ เคยซื้อโลละ 5 บาท)

จริง ๆ จะซื้อมาเยอะกว่านี้ก็ได้ แต่ไม่รู้ว่ามันจะเก็บได้นานขนาดไหน ก็ไม่เคยลอง แต่เดี๋ยวถามคนขายเอาจะง่ายกว่า เพราะซื้อมาเดี๋ยวก็กินหมดตลอด ไม่เคยเก็บไว้ข้ามเดือนข้ามปีสักที

ฟักทองนี่เป็นอาหารสำรองสำหรับผม ซื้อติดไว้เผื่อไม่มีอะไรกิน ก็กินฟักทองนี่แหละ มันเก็บได้นานโดยไม่ต้องมีตู้เย็น ผักอีกชนิดที่กำลังหัดนำมาประกอบอาหารคือฟัก ฟักนี่ก็เก็บได้นาน เคยลองเอามาทำแต่ฟักอ่อน ฟักแก่นี่ไม่เหมาะ เพราะใหญ่เกินไป กินภายในวันสองวันไม่หมดจะเสียของ

สรุปแล้ว ไม่ว่าจะฟักทอง หรืออะไร ถ้าสามารถเก็บได้นาน และเหมาะกับแบ่งกินเป็นมื้อ ๆ ก็จะดีมาก ดูจะสวนทางกับกระแสการปลูกพืชผักนะ ของเขาต้องให้ได้ลูกใหญ่ ของผมเน้นเล็ก ๆ พอกินไปวัน ๆ ….

เลยคิดว่าถ้าปลูกแล้วแห้งแล้งได้ผลแบบนี้ ก็เอานะ ไม่รู้จะใหญ่ไปทำไม กินลำบาก เดี๋ยวปีนี้จะลองปลูกฟักทองกันอีก หวังว่าคงได้ผลมากกว่าหนึ่งลูกนะ

นึ่งข้าวเหนียว

นึ่งข้าวเหนียว

นึ่งข้าวเหนียว

ได้ข้าวเหนียวมาจากตลาด เขาว่าเป็นข้าวใหม่ เขาขายโลละ 30 บาท จะขอซื้อครึ่งกิโลกรัมเขาก็ไม่ขาย ก็เลยซื้อมากิโลเดียวนั่นแหละ

ที่ซื้อมาก็ไม่ใช่อะไร ก็จะเอามาทำข้าวคั่วใส่ลาบที่ทำวันก่อนนั่นแหละ คือเคยไปซื้อข้าวคั่วแบบสำเร็จ เขาก็คั่วมาดีนะ แต่มันแพงไง 10 บาทได้นิดเดียว ไอ้เราจะกินแพงก็ใช่เรื่อง ออกแรงเองจะดีกว่า

ทีนี้ข้าวคั่วมันก็ใช้นิดเดียว ข้าวเหนียวก็เหลือ แถมไม่มีที่เก็บอีก ก็เลยเอามานึ่งกินกับลาบนั่นแหละ นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมนึ่งข้าวเหนียว เรียนรู้ไปตั้งแต่หุงแบบข้าวปกติ เอามานึ่งใส่น้ำน้อยบ้างเยอะบ้าง แช่ข้ามคืนบ้าง ก็ได้ความรู้ดี

ที่นึ่งแบบในรูปนี่ก็จำมาจากที่เขาขายข้าวตามตลาด เรามีแค่ซึ้ง ไม่มีหวด ไม่มีหม้อที่เขาใช้กันทั่วไป เราก็เลยประยุกต์ดูให้มันเหมาะกับของที่มี ก็กินได้นะ จะว่าออกมาดีไหม มันก็ตอบไม่ถูก เพราะสาระมันไม่ได้อยู่ที่ออกมาเหนียวนุ่มหรืออะไร มันอยู่ที่ได้เรียนรู้อะไร แต่ผลที่ออกมาไม่ว่าจะเหนียวนุ่มแข็งแฉะมันก็กินอิ่มได้อยู่ดีนั่นแหละน้า…

ลาบเต้าหู้

ลาบเต้าหู้

ลาบเต้าหู้

อยู่ ๆ ก็นึกอยากลองทำลาบดู แต่ก่อนก็ทำบ่อยแล้ว แต่ทำที่กรุงเทพฯ มันก็หาวัตถุดิบง่ายจัดเก็บสบาย เลยลองมาทำที่นี่บ้าง

สรุปว่าลาบเป็นเมนูที่ยุ่งยากมาก นอกจากจะใช้ผักหลายชนิดแล้ว ยังมีขั้นตอนเยอะด้วย ไหนจะต้องหั่นหอม ไหนจะต้องคั่วข้าว&ตำข้าว ไหนจะต้องเด็ดใบสะระแหน่ ฯลฯ

ไอ้ขั้นตอนการปรุงนี่ก็ไม่เยอะหรอก เยอะตรงเตรียมของนี่แหละ มันอาจจะดูเป็นเมนูธรรมดา แต่ก็เป็นเมนูที่กินแรงพอสมควรเมื่อเทียบกับผัดผักหรือไม่ก็ผักนึ่งที่แทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย…

ก็ฝึกไว้เป็นมนูรับแขกได้ดี เอาไว้ทำให้คนอื่นกิน แต่ถ้าส่วนตัวแล้วไม่เอาดีกว่า ลำบากและเปลือง

ราคะจัด พาฟุ่มเฟือย

ช่วงหลัง ๆ มานี่เห็นโฆษณาร้านอาหารทางเฟสบุคบ่อย ส่วนใหญ่ก็เป็นบุฟเฟ่ต์ ซึ่งราคามันสุดแสนจะแพง

ถ้าตามสามัญสำนึกของคนเมืองรายได้ปานกลางทั่วไป มื้อละ 299 ก็คงจะไม่แพงเท่าไหร่นัก แต่สมัยนี้มันมีเด็ดกว่านั้น มื้อละ 500-1500 จนกระโดดไปมื้อละหลายพันจนหลักหมื่น

จริง ๆ แล้วคนเรากินข้าวให้เก่งแค่ไหนก็ได้แค่อิ่ม ผมลองคิดดูว่าไปสั่งอาหารตามสั่งข้างทางกินเต็มอิ่มก็คงเต็มที่แค่ 2-3 จาน คงไม่เกิน 150

ค่าอาหารวันหนึ่ง 150 สำหรับผมมันก็แพงมากอยู่แล้ว เพราะทุกวันนี้เฉลี่ยต่อวันค่าอาหารก็ประมาณ 20 บาท แล้วส่วนที่เกินจากนั้นคือค่าอะไร ?

ชีวิตปกติในอดีตผมอาจจะกินวันละเป็น 100 แต่พอมาศึกษาการอยู่ง่ายกินง่ายค่าใช้จ่ายมันก็ถูกลงเหลือเฉลี่ยวันละ 20 แล้วส่วนต่าง 80 บาทที่หายไปคืออะไร?

มันคือค่าของราคะ ที่เราเคยจ่ายไปนั่นเอง มีราคะมากก็จ่ายมากแปรผันตามกันไป จริงอยู่ที่ว่าค่าครองชีพบางที่อาจจะแพง บางคนทำงานห้างก็ต้องกินในห้างอันนั้นยกไว้ แต่เรามามุ่งเน้นกันที่ในเมื่อเราเลือกอิ่มได้ ทำไมเรายังเลือกอิ่มที่แพงมากกว่าอิ่มที่ถูกกว่า ซึ่งมันก็อิ่มเหมือนกัน ตกลงจะเอาอิ่มท้องหรืออิ่มราคะกันแน่

การกินอาหารแพง ๆ ในสายตาของผม ไม่ได้มองว่าเป็นสิ่งที่หรูหรา มีศักยภาพหรืออำนาจที่จะได้มา แต่มันคือราคะที่จัดและแรงกล้า…ดังนั้นเวลาที่มีคนอวดว่าได้กินของเขาว่าดี(และแพง) ผมไม่เคยอิจฉาเลย ในทางกลับกัน ผมล่ะสงสารเขาสุดหัวใจ เพราะเขาไม่รู้ว่าราคะนี่แหละมันร้าย และมันร้ายลึกด้วย คือมันมีโทษที่ไม่ชัด ลึกล้ำกัดกินใจ และเป็นกิเลสที่ล้างยากแสนสาหัสที่สุดตัวหนึ่ง และเขาเอามาอวดมันก็แพร่เชื้อราคะต่อ ๆ กันไปอีก เป็นวิบากร้ายที่ทำทับถมกันไปเรื่อย ๆ

ในสังคมที่พยายามโชว์ว่าตนได้ตนเสพสมใจในสิ่งที่มันแพงนี่แหละ เหมือนกับการแก้ผ้าโชว์ว่าข้ามีราคะจัด …ก็ว่ากันไปตามประสาโลก

ถั่วต้ม(จนแห้ง)

ถั่วต้ม

ถั่วต้ม(จนแห้ง)

ปกติเวลาผมจะต้มถั่ว ก็จะแช่ถั่วทิ้งไว้ก่อนหนึ่งคืน คือต้องประมาณสมดุลร้อนเย็นล่วงหน้าหนึ่งวัน ถั่วที่มีก็มีหลากหลาย เช่นถั่วเขียว ถั่วแดงหลวง ถั่วขาว ถั่วเหลือง ถั่วดำ ถั่วลิสง กินสลับกันไป วันละ 2 ชนิด ปน ๆ กันไป

ด้วยความที่ต้องประหยัดน้ำดื่ม ผมเลยไม่ได้ใช้น้ำต้มถั่วมากเท่าไหร่ คือจะกะปริมาณน้ำเอาแค่ถั่วพอสุก น้ำแห้งคือถั่วสุกนิ่มพอดี

ซึ่งก็มักจะพลาดคือบางทีต้มถั่วอยู่ ก็ไปทำอย่างอื่น ก็มีบ่อยครั้งที่ถั่วไหม้บ้าง แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก เพราะถ้ามากก็อาจจะกินไม่ได้ ที่กินได้เพราะไหม้ไม่มาก…

เคยกินถั่วที่ไหม้มาก ๆ กินไปก็ร้อนไปทั้งตัวเลย เหมือนมันสะสมพลังงานความร้อนมาด้วย เคยเข้าใจว่าเหมือนกินถ่าน แต่มันก็มีความต่างของมันอยู่เหมือนกัน

[18] เก็บน้ำฝนไว้กิน

diary-0018-เก็บน้ำฝนไว้กิน

18. เก็บน้ำฝนไว้กิน

ช่วงหลายวันมานี้ ฝนตกบ่อย เลยใช้เป็นโอกาสในการเก็บน้ำฝน ก่อนหน้านี้ผมนึกไม่ออก เลยปล่อยให้น้ำฝนตกไปแบบนั้น

อยู่มาวันนึงก็คิดว่า เออเรามีกะละมังซักผ้าอยู่ ก็เลยเอามารองน้ำฝน ได้เยอะเหมือนกัน แม้จะมีฝุ่นบ้าง แต่ก็ไม่มีปัญหา

เพราะก่อนจะเอามาเก็บหรือกิน ก็จะเอาไปกรองผ่านผ้าขาวบางก่อน ให้ได้มั่นใจว่าสะอาดพอประมาณเป็นใช้ได้

การใช้น้ำฝนนี่ก็ประหยัดดีเหมือนกัน ไม่ต้องซื้อน้ำกิน เดี๋ยวจะค่อย ๆ หาโอ่งมาใส่น้ำ จะได้เก็บไว้กินได้นานขึ้น

ผักต้ม

ผักต้ม

ผักต้ม

ถ้าวันไหนที่อากาศร้อน ๆ รู้สึกอึดอัด ผมก็จะเปลี่ยนเมนูมาเป็นผักต้ม

ก็ไม่ได้กินกับอะไรหรอกครับ โรยเกลือเฉย ๆ นี่แหละ โรยไปที่ข้าวแล้วกินกับผัก เป็นเมนูอาหารสุขภาพที่มีประโยชน์มาก เป็นการถอนพิษและปรับสมดุลไปในตัว แม้จะไม่เป็นที่นิยมนักในสังคม เพราะมันเป็นเมนูที่กินได้ยาก ฝืนกิเลสมาก แต่มันก็มีประโยชน์มากทีเดียว เรียกว่าแค่กินแต่ผักต้ม, ผักลวก, ผักสด ก็ปราบมะเร็งได้แล้ว (ศึกษาเพิ่มเติมได้จากองค์ความรู้ยา ๙ เม็ด, แพทย์วิถีธรรม)

ผักที่ได้มานั้นฟรีครับ ฟักทองเพื่อนบ้านให้มา ส่วนผักบุ้งปลูกเอง แม้จะดูเยอะไปหน่อยสำหรับฟักทอง เพราะต้องจัดการฟักทองที่เหลือในวันนี้ พอดีไม่มีตู้เย็นเลยต้องวางแผนจัดการวัตถุดิบให้ดี

กินแบบสบาย ๆ ไม่ต้องรีบ ค่อย ๆ เคี้ยว ผักบุ้งนี้เคี้ยวนานหน่อย แต่ฟักทองไม่นานมาก เพราะถ้ามันสุกเนื้อมันก็จะร่วน กินง่าย