การปฏิบัติ ศีล สมาธิ ปัญญา

แนะนำบทความที่ดีที่สุดบทหนึ่งของปี 2557 นี้สำหรับผมเลย เพราะสรุปเรื่องด้วยภาพที่สวยงามและกระชับ ทำให้เห็นภาพรวมได้ง่าย รวมทั้งอธิบายขั้นตอนทั้งหมดลงในบทความที่มีความยาวไม่มากไม่น้อยเหมาะสมกับเนื้อหา  84000 พระธรรมขันธ์ นั้นย่อลงเหลือ ศีล สมาธิ ปัญญา ซึ่งผมก็ได้นำศีล สมาธิ ปัญญานั้นมาขยายขึ้นอีกทีเพื่อให้เข้าใจได้ง่าย นำไปสู่การปฏิบัติที่ถูกต้อง คือการลดกิเลส

การปฏิบัติศีล สมาธิ ปัญญานั้น หลายสายหลายสำนักก็มีวิธีการปฏิบัติที่แตกต่างกันออกไป และก็มักจะมีมรรคผลที่แตกต่างกันออกไป สิ่งนั้นไม่ได้มีสาระสำคัญเท่ากับการกระทำนั้นๆสามารถลดกิเลส ลดความอยากได้อยากมี ลดความยึดมั่นถือมั่นได้หรือไม่ การปฏิบัติที่ถูกทางพุทธจริงๆนั้น คือการปฏิบัติไปสู่ความไม่มี ไม่ได้ ไม่เสพ ไม่ยึดอะไรที่ฟุ้งเฟ้อ เกินความจำเป็นหรือการไม่มีกิเลสนั่นเอง

โดยที่เราจะแสดงมรรคคือทางเดิน ของการปฏิบัติศีล สมาธิ ปัญญา พร้อมกับอธิบายผลที่จะเกิดขึ้น ซึ่งในบทความนี้จะอธิบายแบบสรุป รวบยอดเพื่อให้เข้าใจได้ง่าย กระชับ ใช้เวลาในการอ่านไม่นานนัก เพื่อให้ผู้ปฏิบัติได้เห็นขอบเขตของการปฏิบัติธรรม ข้อควรรู้ และข้อควรระวังต่างๆ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติธรรมได้เรียนรู้แนวทางปฏิบัติของพุทธ ซึ่งเป็นศาสนาที่ประกอบไปด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา รวมอยู่ด้วยกันเป็นก้อนเดียว ไม่แยกจากกัน

ผู้ใดที่สนใจเรียนรู้เรื่อง ศีล สมาธิ ปัญญา สนใจแลกเปลี่ยน สอบถาม หรือสงสัยในข้อปฏิบัติใด ขอเชิญร่วมซักถาม ซึ่งแนะนำให้ติดตามไปยังเฟสบุ๊ค ที่ facebook : ศีล สมาธิ ปัญญา ภาคปฏิบัติ

อ่านต่อได้ที่บทความ : ศีล สมาธิ ปัญญา ภาคปฏิบัติ

ศีล สมาธิ ปัญญา ภาคปฏิบัติDownload ภาพขนาดเต็ม กดที่นี่

อ่านบทความอื่นๆ แนะนำ ติชม ทักทายกันได้ที่…

Facebook : ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์

Blog : Minimal life : Dinh Airawanwat

เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง

ณ วันนี้ดูเหมือนจะมีกิจกรรมที่หลายอย่าง ดูจะสับสนในชีวิตพิกล การมีกิจกรรมและงานที่หลากหลายดูจะเป็นข้อดีในชีวิต

แต่ในปัจจุบันนั้นความหลากหลายเหล่านั้นกลับมาเล่นงานผม ในวันหนึ่งผมมีสมาธิอยู่ปริมาณหนึ่ง แน่นอนมันสามารถเพิ่มเป็นอนันต์ได้ถ้าหากผมฝึกบ่อยๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วกิจกรรมหลายๆอย่างนั้น ทำให้ผมกลายเป็นคนสมาธิสั้นไป

การรับข้อมูลข่าวสาร จากทุกๆมุมของเรื่องที่สนใจ มีผลทำให้เราไขว้เขวไปจากเรื่องที่กำลังจดจ่อหรือมุ่งมั่นอยู่ ครั้นไอ้การจะไม่สนใจก็ดูจะเป็นการยากไปหน่อยเพราะส่วนใหญ่กิจกรรมเหล่านั้นก็มักจะอยู่รอบๆ หรือปนอยู่ในชีวิตประจำวันของเราไปแล้ว ก็คล้ายๆกับกินกาแฟตอนเช้า แปรงฟันก่อนนอนอะไรอย่างนั้น

แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป…

แน่นอนว่าถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ ผมเองสามารถควบคุมความหลากหลายของตัวเองได้เป็นอย่างดี ซึ่งก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับมัน จนกระทั่งมาถึงตอนนี้ ณ จุดนี้ที่กำลังพิมพ์อยู่นั้นเป็นเวลาของเทอมสุดท้ายในการเรียนปริญญาโท ของผม ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมไม่ค่อยจะถนัดนัก นั่นคือการวิจัยเชิงสถิติและบรรยายในรูปแบบวิชาการ

ผมเองเรียนศิลปะมา ผมคิดว่าศิลปะเหมือนจักรวาล ไม่มีขอบ ไม่มีสูงสุด ไม่มีต่ำสุด ความคิดผมจึงไม่เคยมารูปแบบหรือกรอบใดๆทั้งนั้น มันกลายเป็นทัศนคติ กลายเป็นนิสัย และกลายเป็นอนาคตของผมไปในเวลาเดียวกัน แต่ในปัจจุบันนี้ผมจำเป็นต้องทำตามกฏเกณ หรือรูปแบบ หรือ แบบทดสอบใดๆก็ตามที่จำเป็นต้องผ่านไปให้ได้ การเปลี่ยนมุมมองที่เคยมีนั้น ไม่ยากเท่ากับการเปลี่ยนพฤติกรรมที่ทำกิจกรรมอย่างหลากหลายในแต่ละวัน

สถานการณ์เปลี่ยนคนก็ต้องเปลี่ยน

เมื่อสถานการณ์บีบคั้นกว่าที่คิด ผมจึงจำเป็นต้องตัดสินใจ และเข้าใจสภาพที่ตัวเองเป็นอยู่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะจำได้ ผมนึกถึงประโยคหนึ่งได้ในขณะที่ตั้งสมาธิ “เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง” ประโยคนี้พุ่งเข้ามาในหัวผมทันที โชคดีที่ผมเคยได้ยินและได้รับประสบการณ์เกี่ยวกับความหมายของประโยคนี้ ผมเองชินกับความหลากหลาย จนขาดความสามารถในการจดจ่อในสถานการณ์ที่จำเป็นเช่นนี้ เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง เป็นประโยคที่สามารถนำมาใช้ในสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างดี

เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง ทำให้ผมรู้ว่าผมควรจะเรียงลำดับความสำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดในสิ่งที่สำคัญมากมายนั้น ถ้าไม่ใช้สติคิดก็คงจะลำบาก เพราะผมเองมีสิ่งสำคัญหลายสิ่งที่ต้องทำไม่ทำก็อาจจะทำให้ชีวิตแย่ก็ได้ แต่สิ่งนี้ การทำวิจัยในครั้งนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้ ผมพิมพ์บทความนี้เพื่อบอกกับตัวเอง ทุกคำที่พิมพ์ลงไปได้ตอกย้ำข้อความเหล่านี้ในสมองของผม และเป็นสิ่งยืนยันแนวทางของผมเองด้วย ซึ่งเรื่องนี้คงไม่ต้องการ การพิสูจน์หรือการทดลอง แต่จำเป็นต้องทำอย่างจริงจัง เวลาที่เหลือไม่มากในช่วง 1-2 เดือนนี้ผมจะขอใช้เพื่อการทำวิจัยนี้เท่านั้น

สวัสดี

กว่าจะวาดได้รูปหนึ่ง ใช้เวลานานไหม?

วันนี้มีเรื่องให้คิดถึงคำถามนี้ขึ้นมา อาจจะเพราะไม่ได้วาดรูปมาก็นานแล้ว ก็เลยนึกย้อนไปถึงวันที่มีคำถามนี้เกิดขึ้น…

กว่าจะวาดได้รูปหนึ่ง ใช้เวลานานไหม?

กว่าจะวาดได้รูปหนึ่ง ใช้เวลานานไหม? เป็นคำถามที่มีลูกค้าถามตอนที่ผมไปเปิดร้านขายโปสการ์ดมังกีซ์โกรฟในงานปล่อยแสง ที่หอศิลป์แถวๆสยาม ตอนนั้นผมจำได้คับคล้ายคับคลาว่าจะตอบไปประมาณว่าวาดรูปหนึ่งไม่นาน แต่คิดนาน

มาถึงวันนี้ดูเหมือนจะมีอีกสิ่งหนึ่งที่ผมลืมตอบไปด้วย…นั่นคือกว่าจะคิดจะวาดก็นานเหมือนกัน..

วันก่อนมีลูกค้าถามถึงลายใหม่จะมีเมื่อไหร่ แน่นอนว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนถาม แต่ผมเองไม่ค่อยได้นึกถึงคำตอบที่แน่นอนเท่าไหร่ จนกระทั่งนึกไปถึงคำถามที่ว่า กว่าจะวาดได้รูปหนึ่ง ใช้เวลานานไหม? นั่นเอง

เมื่อสองความรู้สึกนี้มาบรรจบกัน “จะมีลายใหม่เมื่อไหร่ + วาดรูปหนึ่งใช้เวลานานไหม” ก็ทำให้มีคำตอบที่เหมาะสมสำหรับคำถามว่ากว่าจะวาดได้รูปหนึ่ง ใช้เวลานานไหม? นั่นคือนานมาก… เพราะกว่าจะมีโปสการ์ดออกมาใบหนึ่ง ต้องใช้เวลาขบคิดจินตนาการไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ว่าคิดแล้วออกมาเลย แต่ต้องคิดต้องวาดรูปในอากาศ ร่างภาพในความคิด ทำอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า กว่าจะออกมาเป็นภาพต้นแบบ และปรับแก้ภาพในหัวอีกนับเดือนกว่าจะออกมาเป็นภาพร่างโดยใช้ดินสอ

กว่าจากภาพดินสอจะถูกวาดเป็นโปสการ์ดอย่างที่เห็นนั้น ไม่ได้มีขั้นตอนต่อเนื่องกันอย่างที่คิด เพราะว่าหลังจากร่างแบบแรกแล้ว ผมจะปล่อยให้่มันตกผลึก “มัน” ในที่นี้คือความคิดและจินตนาการ ซึ่งบางทีก็มีการปรับแก้อีกที และบางทีก็วาดใหม่ยกเลิกรูปเดิมทิ้งไปเลยก็มี

และขั้นตอนที่สำคัญที่สุดนั่นคือการวาด แต่ปัญหาคือเมื่อไหร่จะวาด น่าจะเป็นคำถามที่ชัดเจน มันยากมากที่จะบอกว่าเมื่อไหร่จะวาด เหมือนการวาดงานครั้งหนึ่งนั้นต้องใช้สมาธิและความตั้งใจสูงมากๆ ผมมักจะล็อควันเวลาไว้ก่อนจะวาดจริง จะไม่ไปไหนหรือไม่ทำธุระอะไรทั้งนั้น ทั้งๆที่เป็นงานวาดโปสการ์ดการ์ตูน แต่ก็จำเป็นต้องใช้สมาธิและอารมณ์ในการสร้างสรรค์รูปออกมา เพราะว่าโปสการ์ดรูปหนึ่งผมจะวาดครั้งเดียว หมายถึงให้งานจบ ณ ตรงนั้นเลย จะไม่มีแก้นั่นแก้นี่เยอะนัก เพราะทุกอย่างต้องพร้อมก่อนจะวาดแล้ว ทั้งภาพในหัว ทั้งสมาธิ ซึ่งตรงนี้แหละที่จะทำให้มันมาบรรจบกันได้ยาก ความพอดี ที่จะเกิดโปสการ์ดได้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ไม่ใช่เรื่องที่ว่าอยากทำก็จะทำได้ (ซึ่งจริงๆก็อาจจะทำได้ แต่คงไม่ได้ดีเท่าที่ใจคิด)

เพราะฉะนั้น การที่มีโปสการ์ดมังกีซ์โกรฟใบใหม่ออกมานั่นหมายถึงผมว่างพอที่จะมีสมาธิและความสร้างสรรค์ ที่มากพอที่จะสร้างผลงานดีๆออกมาได้

ผลงานของผมในมังกีซ์โกรฟ ติดตามชมได้ที่ monkiezgrove.com

สวัสดี