โปรตีนเกษตร และ เนื้อสัตว์เทียม กับ การกินมังสวิรัติ

ประเด็นเนื้อสัตว์เทียม หรือโปรตีนเกษตรนั้น ก็คงเป็นเรื่องที่คนไม่กินมังสวิรัติ ไม่กินเจ ให้ความสนใจ ว่าในเมื่อคนที่อยากลด ละ เลิกเนื้อสัตว์แล้ว ยังต้องแสวงหาสิ่งเทียมเนื้อสัตว์อยู่อีก ทำไมไม่กินผักไม่กินวัตถุดิบที่ไม่พาให้ออกจากเนื้อสัตว์ไปไกลๆ ทำไมยังวนเวียนอยู่กับรสสัมผัสที่คล้ายเนื้อสัตว์อยู่อีก

ชาวมังสวิรัติและชาวเจก็คงจะคุ้นเคยกับโปรตีนเกษตรดี แต่จะมีใครรู้ว่า กิเลสตัวใดที่ซ่อนอยู่ภายในสิ่งเทียมเนื้อสัตว์เหล่านี้ ผมได้แบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ในมุมมองของผม เป็นความคิดเห็นของผู้ที่ไม่เคยสนใจโปรตีนเกษตรหรือสิ่งเทียมเนื้อสัตว์เหล่านี้ แต่ก็ต้องกลับมาพิจารณาถึงการมีอยู่ของมันอีกที เพื่อตอบคำถามในประเด็นเหล่านี้

อ่านต่อได้ที่บทความ : โปรตีนเกษตรและเนื้อสัตว์เทียมกับการกินมังสวิรัติ
โปรตีนเกษตรและเนื้อสัตว์เทียมกับการกินมังสวิรัติ

อ่านบทความอื่นๆ แนะนำ ติชม ทักทายกันได้ที่…

Facebook : ดิณห์ ไอราวัณวัฒน์

Blog : Minimal life : Dinh Airawanwat

เปลี่ยนเมนูเนื้อ เป็นเมนูผัก

ตอนก่อนก็ชวนกันมากินผัก มาตอนนี้ก็มาดูกันดีกว่า ว่าเราจะสามารถแทนที่เนื้อสัตว์ด้วยผักอะไรกันได้บ้าง ยิ่งถ้าเป็นคนที่ทำครัวเดินตลาดบ่อยๆละต้องรู้แน่ แต่ครั้งนี้ขอคนชอบกินผักแบบผมแบ่งปันมุมเล็กๆมุมนี้แล้วกันนะ

แกงเขียวหวานเป็นเมนูที่บ้านผมชอบทำมา ในปีนี้ก็ได้กินมาหลายครั้งแล้ว แต่ทุกครั้งก็จะเป็นแกงเขียวหวานไก่อยู่แบบนั้น อะไรทำให้คิดว่าแกงเขียวหวานต้องไก่ด้วย เป็นแกงเขียวหวานอย่างอื่นได้ไหม แกงเขียวหวานเห็ด แกงเขียวหวานหน่อไม้ ล้วนได้ไหม แน่นอนว่าจริงๆก็คงจะมีขายอยู่บ้าง แต่เวลาเราทำกับข้าวกินเองที่บ้าน เราก็มักจะสุดๆกับวัตถุดิบจนลืมความสร้างสรรค์ไปเลยก็ได้

แกงเขียวหวานผัก

ย้อนไปในอดีตเมื่อไม่นานมานี้นิดหนึ่ง มีวันหนึ่งที่ผมออกไปซื้อกับข้าวช่วงสายๆที่ร้านที่ซื้อบ่อยๆ เพราะเขาทำรสชาติจัดจ้านทีเดียว แต่วันนั้นไปสายแม่ค้าบอกว่า แกงเขียวหวาน ในหม้อไก่และเนื้อหมด (สมัยนั้นยังกินเนื้อเป็นปกติอยู่นะ) ผมเองมองไปที่หม้อก็เห็นว่าเหลืออยู่บ้างแต่ส่วนใหญ่เป็นมะเขือลอยเต็มไปหมด ด้วยความที่ไม่อยากเสียเที่ยวก็เลยถามแม่ค้าว่า น้ำแกงเขียวหวานที่เหลือกับมะเขือนี่ยังขายอยู่ไหม เอาถุงนึง

สรุปว่าแม่ค้าก็ขายให้ ถูกกว่าเดิม แต่ก็ยังอร่อยเหมือนเดิม เพราะสิ่งที่เราชอบไม่ใช่ไก่หรือเนื้อวัว แต่เป็นรสชาติของแกงเขียวหวานนั่นเอง ครั้งนั้นเป็นการกินผักลดเนื้ออย่างไม่ได้ตั้งใจจนมาเป็นไอเดียให้กับทุกวันนี้

แกงเขียวหวานยอดมะพร้าวอ่อนและมะเขือ

ที่บ้านของผม แม่ของผมจะเป็นคนทำครัว ซึ่งเราก็มีหน้าที่กินและชม รวมถึงเสนอเมนูต่างๆ ขึ้นมา ในครั้งนี้ก็เช่นกัน ผมได้ร้องขอให้แม่ช่วยทำแกงเขียวหวานที่ไม่ใส่เนื้อสัตว์ให้หน่อย และเสนอวัตถุดิบ ที่ผมกิน เช่นมะเขือ ข้าวโพดอ่อน เห็ด เต้าหู้ ผมไม่รู้หรอกว่ามันเข้ากันได้รึเปล่า รู้แต่ผมกินได้แน่นอน เพราะเป็นคนกินง่าย

สุดท้ายแม่ก็ทำให้กินดั่งใจหวัง การกินผักลดเนื้อสำเร็จไปอีกขั้นแล้ว การที่ครอบครัวเข้าใจและส่งเสริมนี่มันเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่มากจริงๆ ใครที่สามารถกินผักลดเนื้อกันได้ทั้งบ้าน นอกจากจะสุขภาพดีแล้วน่าจะใจดีกันด้วยนะ เพราะว่าการที่เราลดเนื้อเราก็จะมีความเมตตาให้สัตว์ที่เรากินอยู่แล้ว ซึ่งมักจะเมตตาต่อๆไปถึงคนรอบๆตัวและสังคมด้วย

สวัสดี

ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับการลดเนื้อสัตว์ มากินผักได้ที่ Veggie kitchen , facebook (Veggie Kitchen)

ปริญญา

ห่างหายกันไปนานมากกับการพิมพ์บล็อกการอัพเดทบล็อกในหลายๆส่วนของผม ซึ่งก่อนหน้านี้มันนิ่งมากจนแทบจะเรียกได้ว่าหายไปเลยก็ว่าได้

ช่วงสองปีกว่าที่ผ่านมาจนกระทั่ง ล่าสุดหนึ่งสัปดาห์ได้ผ่านไป ผมได้ไปปฏิบัติภารกิจอย่างหนึ่ง นั่นคือไปเรียนปริญญาโท เป็นการเรียนหาความรู้ใหม่ๆ หาประสบการณ์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีกในจังหวะที่มีโอกาสที่ดี

ผมเลือกเรียนบริหารธุรกิจจากกว่า 4 -5 ทางเลือกและเหตุผลที่ได้คัดมาแล้วด้วยน้ำหนักอันเหมาะสมและความเป็นไปได้จนถึงการใช้ประโยชน์จากมันในอนาคต จึงได้เลือกเรียนโครงการบริหารธุรกิจภาคค่ำ (YMBA) และเน้นเรียนเวลาค่ำหรือหลังพระอาทิตย์ตกนั่นเอง แม้ว่าโครงการจะมีวันเสาร์อาทิตย์ไว้เป็นตัวเลือก แต่ผมเลือกลงทะเบียนเพียงสาขาเดียวนั่นคือการจัดการวันธรรมดา

ปริญญา

ปริญญา

การเรียนนั้นผ่านมาร่วม 2 ปีกว่า ผมได้เรียนรู้อะไรมากมายจาก YMBA KU แห่งนี้ ซึ่งผมเองเป็นรุ่นที่ 20 และแต่ละรุ่น แต่ละสาขา แต่ละกลุ่ม ก็จะมีธรรมชาติที่แตกต่างกันไป แล้วแต่จะเลือกสรรตามใจ ตามธรรมชาติ

ปริญญาใบแรกของผมนั้นคือศิลปบัณฑิต (BFA) ได้มาจากคณะศิลปกรรม มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นศิลปะประยุกต์โดยเรียนรู้ทั้ง Fine Art และ Digital Art ควบคู่กันไปจนในที่สุดผมได้สำเร็จการศึกษาโดยมีทักษะหลักติดตัวหลายอย่างเช่น อนิเมชั่น การวาดภาพประกอบ และอื่นๆอีกมากมาย

ปริญญาใบที่สอง เป็นปริญญาโท ได้มาเป็นปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (MBA) จากโครงการปริญญาโท สาขาบริหารธุรกิจภาคค่ำ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นการเรียนรู้โดยใช้ประสบการณ์เก่ามาประยุกต์เพราะโครงการนี้เขาต้องการประสบการณ์ทำงานอย่างน้อย 3 ปีก่อนเข้ามาสมัครเรียนได้ สิ่งที่ได้รับมาจากการเรียนบริหารธุรกิจคือการรู้โลกที่ไม่เคยได้รับรู้ ซึ่งแตกต่างกันไปกับตอนปริญญาตรีเมื่อครั้งเรียนศิลปกรรม เป็นการเติมเต็มจินตนภาพและความจริงให้สมดุลกันมากขึ้น

ถ้าจะเปรียบ…

ศิลปกรรมที่ได้เรียนรู้มาก็คงจะเป็นเหมือนวัตถุดิบ เป็นการปรุงอาหาร เป็นการจัดวาง เป็นส่วนผสม เป็นรสชาติ เป็นสิ่งที่จะขาย และบริหารธุรกิจก็คงจะเป็นสูตรอาหาร เป็นกระบวนการ เป็นการมองจากวัตถุดิบจนไปถึงปากของผู้บริโภค การดูแลผู้บริโภค การนำเสนออาหารใหม่ๆ การเข้าใจพฤติกรรมของผู้กิน รวมๆแล้ว ศิลปกรรม+บริหารธุรกิจก็คงจะเป็นสิ่งที่ทำให้การทำอาหารสักจานได้ผลมากกว่าความอร่อยนั่นเอง

เป็นการเปรียบเปรยง่ายๆ เพื่อที่จะตอบคำถามที่ว่า “เรียนปริญญาโทแล้วได้อะไร” เป็นคำถามง่ายๆแต่ต้องฟังกันยาวๆ เพราะมันไม่ได้มีแค่ปริญญาโท มันต้องนับก่อนปริญญาโทด้วย เพราะว่าต้นทุนของแต่ละคนมาไม่เท่ากัน ดังนั้นเรียนแล้วได้อะไรคาดหวังในอะไร คงไม่มีคำตอบที่ครอบจักรวาล ซึ่งผมเองก็คงจะไม่ตอบง่ายๆเช่นกัน เพราะมันดูมักง่ายเกินไปที่จะย่อสิ่งที่เรียนรู้มา 2 ปี รวมกับประสบการณ์เกือบ 20 ปีก่อนหน้านั้นมาเป็นคำพูดสั้นๆ ให้คนเข้าใจ

สำหรับตอนนี้ผมได้เรียนจบและได้รับปริญญาเรียบร้อยแล้ว ถือเป็นจุดเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหลังจากได้พักมานาน

สวัสดี