หายไปไหนช่วงน้ำท่วม

ช่วงที่ผมไม่อยู่นั้น เนื่องจากอพยพหนี (เที่ยว) น้ำท่วม ใช่ว่าผมจะไม่เดือดร้อนในช่วงน้ำท่วมเสียทีเดียว แต่ผมเลือกที่จะไปรับประสบการณ์ที่แตกต่างกับการอยู่บ้านต้่อนรับน้ำท่วม

แม้ว่าตอนนี้บ้านของผมดูเหมือนจะรอดพ้นวิกฤตน้ำท่วมแล้ว ซึ่งมันก็ยังไม่เคยท่วมส่วนสาเหตุนั้นจะเพราะอะไรก็ช่าง สรุปก็ถือว่าโชคดี เพราะดูในแผนที่น้ำท่วม น้ำมันท่วมรอบๆเขตบ้านไปหมดแล้ว แต่ที่หมู่บ้านยังปกติ แน่นอนว่าเรื่องราวเหล่านี้ผมรับรู้หลังจากกลับมาที่บ้านครับ

การอพยพหนี (เที่ยว) น้ำท่วม สำหรับผมนั้นถือเป็นโอกาสที่ผมจะได้ลองไปรับประสบการณ์ใหม่ๆ เพราะก่อนหน้าที่ผมจะตัดสินใจออกจากบ้านนั้น ผมได้ไปรับประสบการณ์ของคนที่โดนน้ำท่วมมาแล้วครับ นั่นคือการลุยน้ำเข้าไปช่วยพี่สาวย่านดอนเมืองอพยพออกมา สิ่งที่ผมได้รับในวันนั้น คงจะเล่าในบทความต่อไป แต่ผมบอกได้เลยว่านั่นคือประสบการณ์ที่ทำให้ผมมั่นใจที่จะออกไปดีกว่าที่จะทนอยู่

โอกาส กับทางเลือก

แน่นอนว่าประชาชนทุกคนคงจะทำอย่างผมไม่ได้ เพราะเราไม่ได้มีเท่ากัน ทางเลือกเราไม่เท่ากัน ผมมีทางเลือกที่พอจะเป็นไปได้อยู่หลายทาง แน่นอนว่าผมจะไม่เอาตัวเองไปเบียดเบียนคนที่มีความจำเป็นกว่าแน่นอน สิ่งที่ผมคิดนั่นคือการตัดโอกาสการกลายเป็นภาระทางสังคมของตัวผมทิ้งเสีย และย้ายตัวเองไปมองดูจากวงนอก ซึ่งน่าจะดีกับคนส่วนใหญ่มากกว่า

พื้นที่ในกรุงเทพฯนั้นเต็มไปด้วยผู้คน ผมไม่เคยคิดว่ากรุงเทพฯ นั้นสำคัญที่สุดในประเทศ แต่ผมมองในเรื่องของรายละเอียดมากกว่า เมื่อมีคนมาก การจัดการก็ยาก ตรอกซอกซอย ชุมชนสารพัด ซึ่งน่าจะเรียกว่ามหาศาล เมื่อน้ำเข้ากรุงเทพ การช่วยเหลือ การจราจร ทุกอย่างดูจะเป็นสิ่งที่ไม่มีทางจัดสรรได้อย่างลงตัวแน่นอน และนั่นคือเหตุที่ผมตัดสินใจอพยพหนี (เที่ยว) น้ำท่วมไปดีกว่า

อพยพหนี (เที่ยว) น้ำท่วมไปไหน?

ผมเคยคิด เคยฝันไว้ว่าผมจะได้เดินทาง ไปเที่ยวโดยไม่มีกฏอะไรมาหยุดไว้ (ยกเว้นเงิน) ผมอยากจะหยุดในที่ผมอยากจะหยุด ผมอยากจะอยู่ในที่ ที่ผมอย่างจะอยู่ ผมอยากจะทำอะไรก็ได้ในช่วงเวลาที่เป็นของผมอย่างแท้จริง น้ำท่วมครั้งนี้คือโอกาสครั้งยิ่งใหญ่ที่ผมจะได้ไปค้นหาอะไรในตัวเองเพิ่มขึ้น นี่คือจินตนาการของผม

ความเป็นจริงก็คือผมไปได้ในระยะที่พอจะไหว เขตใกล้ๆกรุงเทพที่น้ำไม่ท่วมและเดินทางไม่ไกล เพราะงบประมาณมีจำกัดมาก และไม่รู้ว่าต้องอยู่นานแค่ไหน เลยต้องคิดคำนวนกันให้ดี ที่พักส่วนใหญ่จะเป็น บ้านเพื่อน บ้านญาติ โรงแรม อะไรประมาณนี้ ซึ่งจะเน้นประหยัดไว้เป็นหลัก เพราะถ้างบหมด นั่นหมายถึงอิสระแห่งจินตนาการของผมก็คงต้องดับลงไป

สรุปแล้วช่วงที่ผมไม่อยู่ ผมก็แทบไม่ได้เข้าอินเทอร์เน็ต เลยครับ จะมีเข้าบ้างก็บางทีเพราะอุปกรณ์ไม่ค่อยอำนวยเท่าไหร่ ส่วนเรื่องผมไปเที่ยวไหนอะไรยังไง รายละเอียดเดี๋ยวค่อยมาเขียนกันอีกทีนะครับ เอาแค่ว่าหนีน้ำท่วมไปเที่ยวแล้วกันนะ

สวัสดี

เรื่องเล่าไม่ประจำวัน ความหิวของจุ๊บ ความฝันของตัวใหญ่

เรื่องเล่าวันนี้ ที่ไม่เล่าประจำวันก็เพราะว่า มันไม่ได้เกิดขึ้นทุกวัน วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องแมวสองตัวให้อ่านกัน…

เริ่มจากจุ๊บก่อน วันนี้ผมเปิดประตูหลังบ้านไปชมบอนสีตามปกติ และก็เหมือนเดิมตามปกตินั่นคือจุ๊บจะนอนอยู่ที่ประตู พอเปิดไปก็ชนมันพอดี ก็ดันๆมันไปมันก็ลุกออกไป ทีนี้พอมันเดินไปนิดหนึ่งก็หันกลับมาร้อง ผมก็ยืนดูบอนสีอยู่ หันไปมองมันก็ร้องอีก มันเดินไปอีกนิดก็หันมาร้องอีก หลาย เหมียวมาก ซึ่งปกติหลายปีผ่านมาผมแทบจะไม่ได้ยินเสียงจุ๊บร้องเลย คนที่บ้านก็คิดว่ามันเป็นแมวใบ้ แต่ตอนนี้มันเริ่มร้องบ่อยขึ้น

กลับมาที่หลังบ้าน บอนสี และแมวจุ๊บ ผมยืนดูมัน มันหันกลับมาดูผม มองหน้าผม และร้องอีกครั้ง ผมพอจะเดาความต้องการของมันได้เลยบอกมันว่า ” รอแปปหนึ่ง เดี๋ยวจะไปเทให้ ” เทที่ว่านี้คือเทอาหารแมวนั้นเอง ผมเข้าบ้านปิดประตูหลัง เปิดตู้เย็นหยิบแก้ว หยิบขวดน้ำ เทน้ำ กินน้ำและเอาขวดใส่ตู้เย็นและวางแก้วไว้ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูหน้าบ้านเพื่อออกไปกินข้าว

เมื่อเปิดประตูหน้าบ้านก็พบจุ๊บอยู่หน้าบ้านนอนพิงประตูอยู่เลย เหมือนว่ามาจองที่อย่างไรอย่างนั้น ผมดันมันออกไปและลูบหัวมันทีหนึ่งเล่นกับมันนิดหน่อยแล้วเทอาหารแมวให้มัน

ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติไปแล้ว แต่ผมเพิ่งคิดได้เมื่อกี้ว่า ที่จุ๊บมันมานอนหลังบ้านมันรู้หรือเปล่าว่าผมจะออกมาดูบอนสี หรือมันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ…?

————————————————–

กลับมาที่เรื่องตัวใหญ่กันบ้าง หลังจากผมออกไปกินข้าวและขับรถกลับมานั้น ในระหว่างเข้าซอยในหมู่บ้านผมเป็นฝูงแมวสามตัว และหนึ่งในนั้นคือตัวที่ผมคุ้นเคยดี…

tuayai

ตัวใหญ่เป็นแมวที่อยู่กับบ้านผมมานาน และไม่นานนี้หลังจากเราได้ย้ายมาบ้านใหม่ที่นี่นั้น ตัวใหญ่เริ่มจะออกไปข้างนอกบ่อยขึ้น และบ่อยขึ้นจนไม่กลับมาให้เห็นเป็นเดือนๆเลย ซึ่งก่อนหน้านี้ผมคิดว่ามันตายไปแล้วด้วยซ้ำ

ตัวใหญ่เป็นแมวหนุ่มที่ดูเหมือนจะเก็บกด ตอนเด็กๆก็โดนเจ้านายรังแก ( ผมเอง ) โตมาแม้จะตัวใหญ่ก็ไม่มีความมั่นใจ อยู่ที่บ้านเก่าที่ลาดพร้าวก็ต้องกลัวแมวเจ้าถิ่นเขาเดินมาก็ยอมให้อาหารกิน โดนขู่ก็วิ่งหนี…

และหลังจากที่ผมพบฝูงแมวสามตัววันนี้ และหลังจากที่ผมรู้ว่าหนึ่งในนั้นคือตัวใหญ่ ผมจึงขับรถไปเทียบเพื่อลองเรียกมันดู ตัวใหญ่นั่งนิ่งมองดูผม ในขณะที่แมวตัวอื่นดูงงๆและตกใจ ผมรู้ทันทีว่าตัวใหญ่ได้อยู่ในที่ ที่มันชอบแล้ว มันมีฝูงของมัน มีกลุ่มของมัน มีเพื่อนของมัน และมันก็ดูจะอาวุโสที่สุดในกลุ่มเสียด้วย

แม้ว่ามันจะไม่ได้กลับบ้าน แต่เห็นมันวนเวียนอยู่แถวบ้านก็ยังอุ่นใจ อย่างน้อยที่แน่นอนเลยคือต้องมีคนคอยให้อาหารมันแน่ๆ เพราะมันไม่ได้ดูผอมอย่างที่คิดเลย และปลอกคอของตัวใหญ่นั้นก็ยังติดอยู่ แต่ของจุ๊บนั้นหลุดไปแล้ว

จุ๊บไม่ชอบปลอกคอเอามากๆ อยากจะถอดจะเป็นจะตาย แต่ตัวใหญ่ไม่มีอาการแบบนั้น เมื่อถึงสถานะการที่มีข้อจำกัดดูเหมือนตัวใหญ่จะทนได้ดีกว่าจุ๊บหลายเท่านัก จริงๆอาจจะไม่เรียกว่าทนก็ได้ อาจจะเป็นไม่รู้อะไรเลย หรือไม่ก็ไม่สนใจอะไรเลยนั่นเอง

สำหรับวันนี้ ผมดีใจที่ได้เจอตัวใหญ่อีกครั้ง

สวัสดี