แมว

แมว

แมว

มาอยู่ที่นี่ แม้จะมีหนู แต่ผมก็ไม่ได้เลี้ยงแมว เพราะเลิกเลี้ยงสัตว์แล้ว แต่ก็ยังมีแมวของชาวบ้านแวะเวียนมาเป็นบางครั้ง

ผมเคยเห็นข้อมูลที่คนเขาเอามาแชร์ ว่าด้วยเรื่องวัน ๆ หนึ่งแมวของคุณไปที่ไหนมาบ้าง ทำให้ผมเข้าใจใหม่ว่าขอบเขตของมันกว้างมาก

ถ้าหนูหากินได้ในระยะมากกว่า 100 เมตร (เท่าที่รู้) แต่แมวไปได้ไกลกว่านั้นมาก และนี่ก็เป็นแมวตัวหนึ่งที่แวะมาที่บ้านผม ในรัศมีประมาณ 500 เมตรรอบบ้าน ไม่มีใครเลี้ยงแมวเลย

ดังนั้นถึงจะมีหนูก็ไม่ต้องเลี้ยงแมว เดี๋ยวแมวมันก็หาหนูได้เอง และถึงจะไม่มีแมว ก็ยังมีงูที่คอยมากินหนูอยู่ดี

ยอดไชยา

ยอดไชยา

ยอดไชยา

ไชยานี่เป็นเหมือนไพ่ตายของผมเลย ไม่มีอะไรกินก็กินไชยา เขาว่ามันคล้าย ๆ คะน้า

วันก่อนผมลองกินยอดดู ทั้งยอดอ่อนและก้านแก่ ยอดอ่อนนั้นกินสดได้เลย หวาน กรอบ ส่วนยอดแก่ต้องลอกเปลือกออกก่อน มันจะแยกเป็นชั้นชัดเจน ถ้ากิ่งไม่แก่มาก จะกินได้ทั้งกิ่งเลย

ทีนี้เราก็เลี้ยงแบบปล่อยตามธรรมชาติ แบบที่เห็นในรูปคือถ้าไม่ได้อยู่รดน้ำเป็นประจำ ยอดมันก็ไม่เติบโต แต่ถ้าได้รดน้ำติดต่อกันสักระยะหนึ่ง ยอดก็จะเขียว

ไชยาเติบโตได้ทั้งในร่มและกลางแจ้ง ผมยังไม่เคยเทียบชัด ๆ ว่าแบบไหนมันโตดีกว่า แต่จากที่ลองสังเกตดูมันก็ผลิตใบได้ทั้งสองสภาพ โดยหลัก ๆ น่าจะเป็นน้ำมากกว่าแสง ถ้าน้ำเพียงพอมันก็โตไว ถ้าแดดดีแต่น้ำไม่พอ มันก็เตี้ยตันอยู่แบบนั้น

ตอนนี้ผมมีไชยาต้นที่ค่อนข้างโตอยู่ 3 ต้น ก็เด็ดกิน ตัดกินมากิน ปกติจะไม่ได้กินกิ่ง เพราะจะเอาไปปักชำต่อ เป้าหมายคือสัก 100 ต้น จะได้มีกินตลอดปี 3 ต้นที่มีนี่กินติดต่อกันสักสัปดาห์หนึ่งก็หมดต้นแล้ว พอหมดแล้วพักฟื้นอีกนานเลย กว่าจะโตให้ได้กินใหม่ ดังนั้นจึงต้องขยายพันธุ์ไชยาเพิ่มนั่นเอง

[24] ขี้เถ้า

diary-0024-ขี้เถ้า

24. ขี้เถ้า

ช่วงหลังมานี่ขี้เถ้าชักจะเยอะขึ้นมาก เป็นขี้เถ้าที่เก็บสะสมไว้ตั้งแต่มาที่นี่แรก ๆ เก็บจนได้เป็นถัง ก็เลยต้องหาวิธีใช้มัน

มีครั้งหนึ่งที่เคยก่อกองไฟกันบนพื้นดิน ก็ก่อกันหลายชั่วโมง ใช้ฟืนไปพอประมาณ พอฤดูกาลผ่านไป กลายเป็นว่าวัชพืชที่ขึ้นอยู่ในพื้นที่กองไฟนั้น เจริญเติบโตได้ดีกว่าวัชพืชในพื้นที่อื่น ๆ

ผมเคยคิดว่าขี้เถ้านี้มีความเป็นด่างมาก ใช้แล้วเป็นอันตรายต่อต้นไม้ แต่จากสิ่งที่ได้เห็น จึงเข้าใจใหม่ว่ามันขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใช้ จริง ๆ แล้วมันดี มันมีธาตุอาหารอยู่ แต่ก็ต้องใช้มันให้พอเหมาะไม่มากจนเกินไป

มีความรู้เกี่ยวกับการใช้ขี้เถ้าแบ่งปันอยู่ในอินเตอร์เน็ต ผมก็ได้ประโยชน์จากการค้นหาข้อมูลเหล่านั้นนั่นแหละ สุดท้ายเลยได้วิธีการกำจัดขี้เถ้าที่เต็มถังได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด นั่นคือเอามันไปใส่พืชผักที่เราปลูกนั่นเอง

ลูกหนู

ลูกหนู

ลูกหนู

นี่คือลูกหนูที่แตกรัง โดนแม่ทิ้ง คือผมไปเก็บกวาดห้องเก็บของ แม่หนูก็วิ่งพรวดออกมา ลูกมันก็กระเด็นไปตามทาง มีตัวหนึ่งมาซุกอยู่มุมบ้าน ผมก็ดูมันไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่เช้าจรดเย็น นึกว่ามันจะตายแล้ว เพราะมันนั่งอยู่แล้วมันก็นอนแผละ สักพักก็ลุกขึ้นมานั่งใหม่ ไม่นานนักมันก็หายไป มีสองกรณีคืองูคาบไปกินกับแม่มันพากลับไป เพราะลูกหนูมันยังเดินไม่เก่ง ได้แค่คลาน ๆ สุดท้ายมันไม่มีแรงคลาน นอนอยู่กับที่หลายชั่วโมง

นี่เป็นเรื่องเมื่อสองอาทิตย์ก่อน มาวันนี้เหมือนลูกหนูชุดนี้จะโตแล้ว และหนำซ้ำดูเหมือนว่าแม่หนูจะคลอดลูกอีกคอกแล้ว

ที่นี่ก็ไม่มีอาหารอะไรให้มันกินนะ ผมจัดการเก็บอย่างดี แต่ตอนเก็บซากรังมัน เห็นมะขามอยู่ ซึ่งมีต้นมะขามห่างไปจากบ้านผมราว ๆ 150 เมตร นั่นหมายถึงรัศมีการหากินของหนูมันกว้างกว่าที่ผมคิดค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว สรุปคือมันมาอยู่อย่างเดียว แล้วไปหากินที่อื่น

มันเทศ

มันเทศ

มันเทศ

ผมได้ทดลองปลูกมันเทศมาสักพัก โดยการซื้อหัวมันมา และวางไว้ รอให้มันแทงยอดออกมา แล้วค่อยเด็ดยอดนั้นไปปักชำต่อ

วิธีดังกล่าวค่อนข้างให้ผลดี พอปักชำแล้วต้นโต ก็ตัดลำต้นไปปักชำต่ออีก ซึ่งเวลาผมเอาไปปัก ก็เอาไปปักฝากไว้กับกระถางต้นไม้อื่น ๆ ที่ปลูกไว้ อย่างในรูปทางซ้ายบน ก็เอาไปฝากไว้ในกระถางประดูอ่อนที่เพาะเตรียมไว้ ได้ผลเป็นมันหัวเล็ก แต่จริง ๆ มีอีกหัว แต่ดันอยู่ใต้รากประดู่ เอาออกไม่ได้ เดี๋ยวประดู่จะเสียหาย

มันเทศหัวอ้วน ๆ ด้านหลัง เป็นมันที่ได้หัวเดียวจากกระถางที่วางทิ้ง ๆ ไว้หน้าบ้าน เป็นกระถางที่เอาไว้ชำไม้ เน้นวัสดุปลูกที่โปร่ง ไม่เน้นสารอาหาร แต่ก็ได้ผล ได้หัวมันมาอยู่

ผมเคยลองเอายอดมันที่ชำไว้แล้วมาลงแปลงที่นี่ เพราะคิดว่ามันน่าจะโตได้ดีกว่าในกระถาง กลายเป็นว่าตายเรียบ เอามาปัก 10 ก็ตาย 10 นั่นคือมีรากแล้วนะ แต่มันทนร้อนทนแล้งไม่ไหว

ผมเคยดูรูปก็เห็นเขาปลูกกันในไร่เลย แต่จริง ๆ มันเป็นพืชที่ดูเหมือนจะอ่อนไหวต่ออากาศมากอยู่เหมือนกัน ก็ไม่รู้ว่ามันอ่อนแอเพราะผมเลี้ยงให้มันอ่อนแอ หรือมันต้องดูแลมากกว่านี้

เพราะตอนปักชำนั้นจะอยู่ในร่ม บ้านที่กรุงเทพฯ ไม่ค่อยโดนแดดเท่าไหร่ มันอาจจะชินกับสภาพนั้น แต่พอมาเจอแดดเต็มวัน แถมให้น้ำยังไม่พอ หนำซ้ำลมยังแรงอีก ไปกันใหญ่เลย

ซึ่งคราวนี้ก็ลองปลูกลงแปลงใหม่อีกครั้ง เลือกแปลงที่โดนแดดไม่เต็มวัน อยู่ใต้ร่มไม้ เผื่อมันจะรอด จะได้มีมันเทศไว้กินเป็นประจำสักที

[23] การเลือกวัสดุอุปกรณ์ (ลวด)

diary-0023-การเลือกวัสดุอุปกรณ์-ลวด

23. การเลือกวัสดุอุปกรณ์ (ลวด)

วันนี้จะมาเล่าเรื่องลวด ในรูปนี้มีลวดสองเส้น เส้นหนึ่งเป็นของเก่า อีกเส้นพึ่งซื้อมาใหม่…

เส้นที่เป็นของเก่าซื้อติดบ้านไว้นานแล้ว อยู่ด้านขวา แขวนไม้ไว้เป็นปีก็ไม่มีสนิมกิน แต่ลวดด้านซ้ายซื้อมาไม่นาน เอามาผูกไม้ก็ไม่นาน สนิมกินในเวลาไม่นาน

บางครั้งการเริ่มทำอะไรหลายสิ่งหลายอย่าง เราก็ต้องเสียเวลาให้กับความไม่รู้ อย่างเช่นเราไม่มีความรู้ในเรื่องวัสดุอุปกรณ์ เห็นหน้าตามันเหมือนจะกันสนิมได้ก็ซื้อมา แต่จริง ๆ แล้วก็เป็นสนิมเหมือนกับลวดผูกเหล็กทั่วไปได้

ของแต่ละอย่างมีวิธีใช้ของมัน ลวดด้านซ้าย ถ้าใช้ในร่มในที่แห้งก็คงไม่มีปัญหาอะไร

เหมือนกับของหลายอย่างที่ผมใช้แล้วใช้ผิดวิธีเพราะไม่มีความรู้ บุ้งกี๋มันยกของหนักมากไม่ได้ แรงเรามีจริง แต่มันตามแรงเราไม่ไหว มันก็หัก มันก็พัง หรือมีดที่ดูเหมือนจะแข็งแรง แต่พอฟันผิดเหลี่ยมนิดหน่อย กลับงอไปทั้งเล่ม

เราก็ได้เรียนรู้จากความผิดพลาดนี่แหละครับ พวกนี้เป็นรายละเอียดปลีกย่อยที่ไม่ได้มีชุดความรู้เผยแพร่อยู่ทั่วไป อาจจะมีก็เช่นพวกในกลุ่มของคนที่ทำอาชีพหรือคนที่เผชิญกับปัญหาเดียวกันเอามาแบ่งปัน แต่ส่วนใหญ่เราก็พลาดก่อนทั้งนั้น เพราะไม่รู้ยังไงล่ะครับ มันก็เลยประมาณผิดไป

ผัดกะเพราฟักทอง

ผัดกะเพราฟักทอง

ผัดกะเพราฟักทอง

หลัก ๆ ก็มีแค่กะเพรากับฟักทองนั่นแหละ เครื่องปรุงก็มี เกลือ พริกแห้ง น้ำตาล สามอย่าง วิธีที่ทำก็เอาฟักทองไปต้มหรือนึ่งก่อน จะได้สุกทั่วกัน แล้วก็เอามาผัด ถ้าไม่ต้มหรือนึ่งฟักทองก่อน ก็ต้องหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ จะได้สุกง่ายขึ้น

เมนูนี้ทำในวันที่อากาศเย็น เลือกเอาแต่วัตถุดิบฤทธิ์ร้อน เช่นพริก กะเพรา ฯลฯ ถ้าอากาศร้อน กินแบบนี้จะไม่ค่อยสบาย แต่ถ้าหนาว ๆ ก็กินแล้วสบาย

ฟักทองนี่สรุปไปค้นมาแล้ว ว่าเก็บได้นานเท่าไหร่ โดยเฉลี่ยก็เดือนสองเดือน แต่มีบางคนให้ข้อมูลกันว่าคนที่ปลูกฟักทองเขาเก็บกันกว่าครึ่งปี ซึ่งก็มีวิธีเก็บผลผลิต คือปล่อยให้สุกคาต้น ต้นแห้งตายไปเลย แล้วก็เก็บไว้ในที่อากาศถ่ายเท ไม่อับ จะเก็บได้นาน

พอได้ข้อมูลแล้ว ก็เอาเมล็ดฟักทองที่ได้ส่วนหนึ่ง ลงเพาะกันเลย จะได้มีฟักทองไว้กิน ฟักทองนี่ปลูกแล้วไม่ได้กินง่าย ๆ ต้องรอกันหลายเดือน 4-6 เดือนนู่น กว่าจะได้กิน ก็ปลูกและรอกันไป ดีกว่าซื้อแน่ ๆ แต่ช่วงที่มันยังไม่โตก็ซื้อกินไปก่อน

กล้วยกับปลี

กล้วยกับปลี

กล้วยกับปลี

ตั้งแต่เอากล้วยมาลง มีประมาณ 3 ครั้งที่เห็นมันออกลูก แต่ไม่เคยได้กินลูกมันเลย มันสุกช่วงกลับกรุงเทพฯ ทุกที จะตัดก่อนก็จะอ่อนเกินไป…

แต่ปลีนี่ได้กินทุกรอบ เมนูสิ้นคิดสำหรับปลีกล้วยคือเอาไปชุบแป้งทอด แต่หลัง ๆ เริ่มต้องคิดแล้วเพราะการทอดนั้นค่อนข้างเปลืองน้ำมันและทรัพยากรอื่น ๆ และยิ่งถ้าเอาไปทอด จะกะยากว่าจะได้อาหารปริมาณเท่าไหร่

ถ้าตามประสบการณ์ที่เคยทำมา การเอาหัวปลีไปชุบแป้งทอด จะแบ่งกินได้หัวหนึ่งถึงสองวัน แต่วันหลังจะลองไม่ทอดดู คงจะเอาไปผัด นึ่ง ต้มประกอบอาหารอื่น ๆ อาจจะได้สัดส่วนที่ต่างออกไป

เรื่องหัวปลีก็จบไป มาถึงเรื่องกล้วย ที่ไม่เคยได้กิน ครั้งนี้ตั้งใจว่าจะอยู่รอกินให้ได้ เพราะมันก็ออกผลมาให้เราหลายทีแล้ว เราก็ไม่อยู่กินมันสักที ไม่นกก็ค้างคาวเอาไปกินหมด

ที่เห็นนี่เป็นกล้วยน้ำว้า พันธุ์อะไรไม่รู้ ชาวบ้านให้มา แต่ไปขุดเองนะ ขุดมาเยอะ ขุดกันหลายรอบ รอบละ 10 กว่าต้น แต่รอดจริง ๆ ก็เหลือแค่หลักสิบนั่นแหละ ทดลองปลูกไปเรื่อย หลาย ๆ แบบ สุดท้ายถ้าจะให้อยู่ดี ต้องประคบประหงมมันช่วงหนึ่ง หลังจากนั้นก็ค่อยปล่อยมันตามธรรมชาติ แต่ถ้าปลูกแล้วปล่อยตามธรรมชาติเลย ตายแน่นอน หน้าฝนก็ยังรอดยาก

[22] ฝนตกปลายหนาว

diary-0022-ฝนตกปลายหนาว

22.ฝนตกปลายหนาว

วันนี้มีฝนตกตั้งแต่เช้า หลังจากที่ไม่เห็นมันตกมากว่าครึ่งเดือน

อากาศก่อนหน้านี้ก็ค่อนข้างเย็น ตอนเช้าอุณหภูมิลงไปถึง 19 องศา ซึ่งเย็นแค่นี้ ผมคิดว่าผมก็อยู่ไม่ค่อยสบายแล้ว แต่ปี 58 ที่นี่ก็เคยเย็นกว่านี้ ตกลงไปประมาณ 13-14 องศา เรียกว่าออกมากลางแจ้งลมพัดทีนึงเล่นเอามือชากันเลย

หลังจากอากาศเย็นเมื่อวันสองวันก่อนผ่านไป มันก็เริ่มอุ่นขึ้น เมื่อวานตอนเช้าวัดได้ 24 องศา ก็กำลังดี คิดว่าน่าจะอุ่นขึ้นอีก แต่ฝนกลับตกลงมาก็เลยน่าจะกลายเป็นเย็นลงไปอีก

บ้านที่อยู่นี่ก็ไม่ได้กันร้อนหนาวดีเท่าที่กรุงเทพฯ จะค่อนข้างอ่อนไหวมาก เพราะสร้างด้วยวัสดุที่ไม่กันความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิเท่าไรนัก ก็อยู่กันไป…

มอดในข้าวสาร

มอดในข้าวสาร

มอดในข้าวสาร

หลังจากที่ได้เปลี่ยนมากินข้าวไร้สารพิษพักใหญ่ ๆ ก็จะเจอกับปัญหามอดในข้าว ซึ่งปกติก็จะจับออก ตอนล้างข้าวนั่นแหละ ก็มีบ้างที่เอาออกไม่หมด

ซึ่งผมเองก็เคยเห็นเขาเอาข้าวมาใส่กะละมังแล้วตั้งไว้กลางแดดเพื่อไล่มอดมานานแล้ว ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ได้เอากลับมาทำในทันที จนวันหนึ่งเวลาสาย ๆ แดดส่องเข้ามาในตัวอาคาร นึกขึ้นได้จึงลองเอากล่องใส่ข้าวสารนี้ไปวางตากแดด

กลายเป็นว่าวิธีนี้ดีกว่าแบบที่เคยใช้จริง ๆ เพราะใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง มอดก็พากันเดินไต่ออกมาจากข้าว มาเดินวน ๆ อยู่บนขอบกล่อง เราก็ค่อยจับมันออก แบบนี้ง่ายกว่าเดิมมาก เพราะแต่ก่อนต้องคอยควานหา แต่นี่มันแสดงตัวออกมากันหมดเลย

ที่ตอนแรกยังไม่ได้ทำตามที่รู้มานั้นเพราะเข้าใจว่าต้องตากแดดนาน ที่ไหนได้ ตากแป๊ปเดียว มอดก็ออกจากข้าวแล้ว