บะหมี่น้ำ! ลดเนื้อสัตว์ มากินผักกันเถอะ

ช่วงหลังๆมานี่ก็ได้เริ่มลดเนื้อสัตว์ กินผักมากขึ้น เพราะได้รับรู้ประโยชน์หลายอย่างในการเน้นผักเป็นหลักของอาหารในชีวิต

ผมไม่ค่อยอยากใช้คำว่า มังสวิรัติ เท่าไหร่ เพราะมันจะกลายเป็นตัวมัดให้เราไปยึดกับรูปแบบบางอย่างเข้า ขอเรียกว่าการลดเนื้อสัตว์ กินผักแทนแล้วกัน ส่วนใครจะลดได้ในอัตราเท่าไหร่ แบบไหนก็ตามสะดวกเลย ส่วนผมก็ลดเรื่อยๆเท่าที่จะทำได้

กินผักลดเนื้อ-บะหมี่น้ำ

ทีนี้ความยากในการเลิกกินเนื้อสัตว์ แล้วหันมากินผักแทน อาจจะไม่ได้ยากตรงการกิน สำหรับคนในเมืองกรุง มันจะยากตรงการหากินนี่แหละ (ส่วนต่างจังหวัดมีที่ก็ปลูกผักสวนครัวไปนะ)

คนกรุง…

คนกรุง อยู่คู่กับความรีบเร่ง และความวุ่นวายมานาน ไม่ค่อยมีใครให้ความสำคัญกับอาหารเท่าเรากินเข้าไปเท่าตัวเลข หรือรายได้ที่เราจะได้ต่อเดือนต่อปี ซึ่งเขาเหล่านั้นอาจจะไม่เคยคิดเลยว่าผลเสียจากอาหารที่เรากินนั่นแหละจะเป็นตัวทำให้ชีวิตเราติดลบ ขาดโอกาสต่างๆ จากการป่วยและตายนั่นเอง ( การลงทุนในชีวิตจะมองข้ามสุขภาพไม่ได้เพราะเป็นหนึ่งในความเสี่ยง (ที่จะไม่ได้ใช้เงินที่หามา) )

กลับมาที่การหากินอาหารที่ลดเนื้อ เพิ่มผัก ในชีวิตประจำวัน ร้านอาหารต่างๆ ก็มักจะมีเนื้อสัตว์เป็นเมนูหลักเสมอ ส่วนผักมักจะเป็นตัวเสริม เป็นพระรองเสมอ แต่ในเมื่อเราจะดันผักขึ้นมาเป็นพระเอก เราก็ต้องหาทางปั้นหนทางสู่การกินผักกันหน่อย

เริ่มแรกเราอาจจะไม่ชินในการปรับเปลี่ยนเมนู อาจจะเจอภาวะติดใจกับอาหารโปรดเก่าๆ อาจจะคิดไม่ออก แต่ถ้าได้ลองค้นหาข้อมูลดูจะมีวิธีการเลือกกินผักลดเนื้ออย่างมากมาย เรียกได้ว่าใช้ในชีวิตประจำวันได้ถ้าคิดจะเปลี่ยนจริงๆ เพราะคนดังๆมากมายในโลกเขาก็กินผักเป็นหลักกันนะ…

บะหมี่น้ำ…

ตัวอย่างเช่น การเข้าร้านสั่งบะหมี่น้ำของผม แน่นอนว่าแต่ก่อนก็ไม่เคยรู้สึกลำบากขนาดนี้หรอก ต้องมาสั่งอะไรที่มันไม่เคยก็เขินๆอยู่เหมือนกัน พอเดินเข้าร้านบะหมี่ปูก็เข้าไปสั่ง บะหมี่น้ำพิเศษ ไม่ใส่หมู/เนื้อสัตว์ เอาแต่บะหมี่กับผัก แม่ค้าแกก็ดูทำให้อย่างคุ้นเคย สงสัยจะมีคนกินแบบนี้เยอะ

เมื่อเขามาเสริฟ เราก็จะได้บะหมี่ และผักมากมาย (รึเปล่า?) แต่จะใส่อะไร จะคิดเงินเท่าไหร่ก็เป็นเรื่องของแม่ค้าละนะ เราแค่กินแล้วก็จ่ายเงินก็พอ ส่วนจะถูกใจถูกคอกับร้านไหนก็แล้วแต่เลย แต่ถ้าได้ร้านที่คุยกันรู้เรื่องก็จะสามารถกินผัก ลดเนื้อได้อย่างสะดวกทุกวันเชียวละ

การกินผักลดเนื้อนั้น เกิดประโยชน์ต่อเราทั้งร่างกายและจิตใจ เกิดประโยชน์ต่อสัตว์ที่เราละเว้นไว้ เกิดประโยชน์ต่อโลกมากมาย ถ้ามีโอกาสก็ ลด ละ เลิกกันไปแล้วกันนะ

สวัสดี

ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับการลดเนื้อสัตว์ มากินผักได้ที่ Veggie kitchen , facebook (Veggie Kitchen)

ของฝากจากยโสธร

หลังจากไปร่วมกิจกรรม “หว่านข้าวสู่ผืนนา หว่านศรัทธาสู่หัวใจ” โดยทีวีบูรพา ที่จังหวัดยโสธร ก็ได้ของฝากมาด้วยมากมายครับ

มีทั้งของที่ทางมูลนิธิธรรมะร่วมใจให้มา ของที่พ่อๆแม่ๆ ร่วมกันให้มา และของที่ซื้อมาด้วยครับ สำหรับของส่วนใหญ่ก็จะเป็นของกินของใช้ละนะ ส่วนของที่ระลึกนั้นไม่มี

ของฝากจากยโสธร

หอม กระเทียม และข้าวอินทรีย์ ของฝากจากมูลนิธิธรรมะร่วมใจ
หอม กระเทียม และข้าวอินทรีย์ ของฝากจากมูลนิธิธรรมะร่วมใจ

อันนี้เป็นของฝากที่มูลนิธิธรรมะร่วมใจ ร่วมกันให้นะครับ มีหอมกระเทียม และข้าวด้วยครับ เยอะทีเดียว กินกันไปอีกนานเลยงานนี้

น้ำหมักชีวภาพ ซื้อมาจากห้างดินของมูลนิธิฯ
น้ำหมักชีวภาพ ซื้อมาจากห้างดินของมูลนิธิฯ

อันนี้เป็นน้ำหมักชีวภาพ ที่เป็นอาหารพืชครับ จริงๆแล้วหาซื้อที่ไหนก็ได้ครับ แต่ได้จังหวะเหมาะแถมราคาไม่แพงด้วยก็เลยซื้อกลับมาทีเดียวเลย เพราะยังไงก็คิดว่าต้องลองซื้อใช้อยู่แล้ว และคิดว่าในกรุงเทพฯ คงไม่ขายถูกกว่าราคาป้ายแน่นอน ซื้อมาสองแบบ แบบบำรุงต้นใบและบำรุงดอกผล

สารพัดเมล็ดผัก ถูกและได้เยอะกว่าที่ขายเป็นซองๆทั่วไป
สารพัดเมล็ดผัก ถูกและได้เยอะกว่าที่ขายเป็นซองๆทั่วไป

เมล็ดพันธุ์ผักครับ ปกติก็หาซื้อได้ทั่วไปเหมือนกัน แต่ถึงจะมีทั่วไปผมก็ไม่ซื้อครับ มาซื้อเอาที่นี่แหละ อยากลองเพาะผักอยู่พอดีก็เลยซื้อไปเลย ที่ซื้อไปก็มี พริกขี้หนู สลัดม่วง ผักกาดขาว คะน้ายอด ชีลาวครับ เมล็ดพันธุ์เยอะทีเดียว คิดว่าคงต้องทยอยปลูกนะครับ พื้นที่ที่บ้านไม่ค่อยจะพอ

สิบเซียนสมุนไพร ซื้อจากห้างดินเหมือนกัน
สิบเซียนสมุนไพร ซื้อจากห้างดินเหมือนกัน

สิบเซียนสมุนไพร น้ำหมักสมุนไพรหรืออะไรสักอย่างนี่แหละ เห็นน้องตากล้องเขาซื้อก็เลยซื้อบ้าง เห็นเขาลองแล้วคงจะดีเป็นแน่แท้ ไม่งั้นคงไม่เอามาขาย ส่วนดีจริงไม่จริง ชอบไม่ชอบ อย่างไร ลองแล้วค่อยมาว่ากันอีกทีแล้วกัน แต่ตอนนี้ขอซื้อติดมาก่อนไม่งั้นไม่ได้ลอง

จริงๆมีของฝากจากแม่หม่อน ที่มูลนิธิธรรมะร่วมใจฝากให้คุณแม่ของผมด้วย แต่ก็ไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะ โดนเอาไปจัดเก็บหมดแล้วเลยไม่อยากหยิบมาถ่าย ( แอบขี้เกียจ ) เลยเอาประมาณนี้แล้วกันนะ

สวัสดี

กระเพราเห็ดไข่ดาว

วันนี้มากับเมนูใหม่กระเพราเห็ดไข่ดาว เมนูที่ผ่านเข้ามาในหัวเมื่อหลายวันก่อน วันนี้มีโอกาสได้ออกไปกินรู้สึกประหลาดอย่างไม่น่าเชื่อ

ที่มาที่ไปของกระเพราเห็ดไข่ดาว

มันสืบเนื่องมาจากที่วันหนึ่ง ผมไปซื้อไก่กินที่มหาลัย ซึ่งซื้อมาเยอะหน่อยเพราะว่าหิว กินไปกินมามันก็เริ่มไม่อร่อยเพราะเยอะ+เลี่ยนไป (ไก่ทอด) ก็มานั่งนึกๆว่าทำไมต้องกินไก่ด้วย ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่ทราบได้ที่ทำให้ผมซื้อไก่กิน ก็รู้สึกว่าถ้าจริงๆเราไม่กินไก่กินอย่างอื่นก็ได้นะ ก็มานั่งคิดไปว่าไม่กินเนื้อสัตว์ก็อยู่ได้นี่นะ เป็นการลดน้ำหนักไปในตัวด้วยเพราะบางทีอะไรที่มันอร่อยเกินไปก็จะกินเยอะเกิน

ต่อเนื่องจนเป็นกระเพราเห็ดไข่ดาว

วันก่อนได้ไปกินสเต๊ก เนื่องจากไม่ได้กินมานาน แต่ความรู้สึกไม่เหมือนก่อน ไม่ใช่ว่ามันไม่อร่อย แต่ก็ไม่รู้จะไปกินทำไมให้มันลำบาก กินให้อิ่มก็พอ เหมือนว่าความคิดของผมก่อนหน้านี้มันมากเกินไปหน่อย รู้สึกเหมือนอยากปรับตัวเองให้พอดีกับความเป็นจริงเสียหน่อย ทำไมผมต้องลำบากออกเดินทางไปหาสเต๊กกินด้วยนะนี่…

วันนี้ก็ได้กินกระเพราเห็ดไข่ดาว

วันนี้ตอนสายๆออกไปกินข้าวที่สี่แยกแถวบ้าน ซึ่งมีร้านอาหารตามสั่งอยู่ ถ้าปกติสำหรับผมแล้วก็คงจะสั่งกระเพราหมูกรอบพิเศษไข่ดาว แต่วันนี้เริ่มลังเล มาถึงที่ร้านมองไปไม่เห็นหมูกรอบก็เป็นโอกาสที่ดี เพราะร้านนี้จะทอดหมูกรอบประมาณสายๆ ถึงเที่ยง แต่วันนี้เขายังไม่ได้ทอดก็เป็นโอกาสที่ดีในการเปลี่ยนเมนูเสียเลย

ผมมองไปที่ตู้ใส่ผักว่ามีอะไรบ้าง ตอนแรกคิดว่าจะใส่เห็ดกับข้าวโพด แต่เห็นว่ามีเห็ดเยอะก็เลยสั่งแต่กระเพราเห็ด ใส่ไข่ดาวเพิ่มไปอีกหน่อย แม้ค้าถึงกับต้องถามซ้ำอีกครั้งว่ากระเพราใส่เห็ดอย่างเดียวหรอ ปกติคงจะไม่ค่อยมีคนสั่งเมนูนี้เท่าไหร่ หรือไม่ก็สั่งแล้วใส่ควบกับอย่างอื่น ก็ตกลงเอาเมนูนี้แหละ วันนี้มั่นใจและพร้อมที่จะกินกระเพราเห็ดเต็มที่แล้ว แม้มันจะแปลกๆในใจก็ตาม

หลังจากนั่งรอไม่นานนักกระเพราเห็ดไข่ดาวก็ถูกนำมาวางไว้หน้าผม รสชาติของกระเพราก็เหมือนเดิมต่างไปแค่เป็นเห็ดแทนเนื้อสัตว์ ผมคิดว่าที่มันอร่อยจริงๆก็ตรงกระเพราไข่ดาวนี่แหละ พวกเนื้อหมูกรอบหรืออะไรก็ตามดูเหมือนจะเป็นเครื่องเคียง เพราะฉะนั้นเปลี่ยนเนื้อสัตว์เป็นเห็ดก็เลยไม่ค่อยมีผลเท่าไหร่ กินไปก็อร่อยดี ในใจก็คิดว่านี่แหละเมนูยอดฮิตในปีนี้ของผม อย่างมาก็ใส่เต้าหู้เพิ่มเข้าไปด้วยอีกหน่อย

สักพักก็มีคนเดินมาสั่งกระเพราหมูกรอบ แต่ที่ร้านยังทอดไม่เสร็จบอกว่าอีกครึ่งชั่วโมงได้ คนที่เขาสั่งกระเพราหมูกรอบแทนที่จะเปลี่ยนเป็นกระเพราอย่างอื่นก็ยังยืนยันที่จะรอกระเพราหมูกรอบ เพราะร้านนี้หมูกรอบเด็ดจริงๆครับ แต่ในระหว่างที่ผมกินอยู่นั้น กลับไม่รู้สึกอยากเปลี่ยนใจกลับไปกินหมูกรอบเลย หรือเพราะได้กินเข้าไปบ้างแล้วอาการหิวเลยไม่มีทำให้ไม่อยากและไม่สนใจเมนูอื่นแล้ว

สรุปแล้วกระเพราเห็ดก็อร่อยดีครับ วันหลังว่าจะให้ใส่อย่างอื่นไปด้วย เช่นข้าวโพดอ่อน เห็ดหูหนู ฯลฯ ประมาณว่าอยากกินผักแทนแล้วครับ อะไรก็ได้จะพยายามเปลี่ยนตัวเองให้ได้สักวัน

สวัสดี

ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับการลดเนื้อสัตว์ มากินผักได้ที่ Veggie kitchen , facebook (Veggie Kitchen)

ต้มยำไก่ 10 ปี

สำหรับหลายๆครอบครัว การทำอาหารกินกันเองในบ้านดูจะเป็นเรื่องธรรมดาจนไม่อยากเอามาพูดถึงกัน แต่วันนี้ผมจะเอาเรื่องธรรมดามาเขียนให้อ่านกันครับ

บ้านผมเป็นครอบครัวไมโครเวฟครับ นั่นคือชีิวิตจะอยู่กับไมโครเวฟเสมอเพราะไม่มีการทำอาหารเลย มีแต่ซื้อเข้ามาใส่ตู้เย็นและอุ่นกิน ถ้าถามว่ามันเป็นอย่างนี้ตั้งแต่ต้นไหม จริงๆมันก็ไม่ได้เป็นแบบนี้หรอกครับ แต่วิถีชีิวตก็ได้ปรับให้เข้ากับจังหวะของชีวิตและโอกาสทางสังคมก็เลยได้กินแต่อาหารถุงอยู่จนทุกวันนี้

แต่มาวันนี้หลังจากที่แม่ได้กลับมาจากการไปลุยปลูกข้าวกับ ฅนกินข้าวเกื้อกูลชาวนา ซึ่งจัดกิจกรรมโดยทีวีบูรพาแล้วนั้น ก็มีสิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจค่อนข้างมากนั่นคือ

ต้มยำไก่

ต้มยำไก่… ต้มยำไก่ชามนี้ ( หม้อนี้มีแต่โครงไก่ครับ ) ผมแปลกใจตั้งแต่ไปซื้อของกับแม่แล้วแม่ซื้อเครื่องต้มยำมาแล้ว บอกว่าจะทำต้มยำกิน แต่ผมก็ยังไม่ได้ถามหรอกครับว่าทำไม แต่สิ่งที่รู้แน่ๆก็คือ แม่ของผมไม่ได้ทำกับข้าวมานานเกือบสิบปีแล้วครับ จริงๆมันน่าจะนานกว่าสิบปีแล้วก็เป็นได้เพราะจำได้ว่ากินครั้งสุดท้ายก็ตอนอยู่ประถม ตอนนี้ผมก็จบจากมหาวิทยาลัย ป.ตรี ตามเกณปกติมาได้เกือบ 5 ปีแล้วครับ

เมนูเด็ดของแม่ก็คือไข่ยัดไส้ครับ ทำแค่ครั้งเดียวใส่ตู้เย็นกินกันไปสองสามวันเลยทีเดียว หลังจากนั้นเทคโนโลยีไมโครเวฟก็เข้ามาชีวิตของเราก็เปลี่ยนไป จนมาถึงวันนี้ดูมันจะวนกลับเป็นวงจรเสียแล้วครับ แม่กลับมาทำกับข้าวและเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ซึ่งผมก็อยากเปลี่ยนด้วยเหมือนกัน เพราะวันๆกินแต่อะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน ทั้งทำให้อ้วนและเสียสุขภาพ การทำอาหารเองนั้นเป็นการควบคุมพฤติกรรมการกินได้ดีมากทีเดียว

ต้มยำไก่ชามนี้ไม่มีเนื้อไก่ครับ มีแค่โครงไก่ แต่รสชาดนั้นบอกได้เลยว่าเด็ดครับ ผมแอบกังวลตอนแม่บอกว่าจะทำต้มยำ ก็คิดในใจว่ามันจะออกมาเป็นยังไงหนอ ผลคืออร่อยและควบคุมได้ครับ คืออยากได้อะไรมากน้อยก็ใส่ลงไปได้เลย มันเป็นอะไรที่แปลกประหลาดมากๆสำหรับครอบครัวผมซึ่งเป็นวิถีชีวิตแบบไมโครเวฟ 100% เปลี่ยนมาเป็นแบบนี้ครับ ซึ่งนี่คือผลจากการที่แม่ได้ไป ฅนกินข้าวเกื้อกูลชาวนา

จริงๆแล้วผมก็หวังให้เรื่องทำอาหารนี้เป็นเรื่องธรรมดาเหมือนที่หลายๆครอบครัวเขาเป็นกันนะครับ อยากให้่ชีิวิตได้ช้าลงบ้าง เพื่อที่จะได้มีเวลาหยุดคิดไตร่ตรองสิ่งต่างได้มากขึ้น ผมหวังอย่างนั้นจริืงๆ

สวัสดี

วีดีโอลูกหมูจากสวนลุงนิล

เพิ่มเติมจากตอนที่แล้ว วิถีแห่งความพอเพียง กับ ลุงนิลคนของความสุข 15th June 2009 เราก็จะมาดูกันว่า ลูกหมูที่ว่าน่ารักนี่มันเป็นยังไง จาก วีดีโอคลิป ที่ผมได้ถ่ายมานิดหน่อย พร้อมของแถม “โชวผัดหญ้าเบญจรงค์ไฟแดง ” จากลุงนิล

เรามาเริ่มต้นกับลูกหมูกันเลย

ลูกหมูในหลุมตอนเช้าๆ ถ้ามาก่อนหน้านี้มันจะนอนทับๆกันเป็นแนว น่ารักดี พอตื่นก็เริ่มเดินแล้วกินแล้วเล่นเหมือนเดิม ใครจะรู้ว่าวันนึงมันอาจจะมาอยู่ในจานเบื้องหน้าเราก็ได้

หมูหลุมตอนบ่ายๆ จะมีลูกหมูเดินไปมา บางตัวก็วิ่งไล่กัน บางตัวก็กินอาหาร บางตัวก็นอนกันไป ตามอารมณ์หมูเด็ก

จะมีลูกหมูตัวนึงที่กินนมไม่ได้และร้องโวยวายลั่นเลย ผมได้ลองอุ้มตัวนี้ด้วยครับ ร้องลั่นเลย แต่ไม่ดิ้นนะ หมูเนื้อแน่นดีจริงๆ ดูแข็งแรงมากๆ

..แถม..

ผัดหญ้าเบญจรงค์ไฟแดง อาหารเช้าของสมาชิกตนคอเดียวกัน

สวัสดี

ของฝากจากชุมพร

หลังจากกลับมาจากชุมพรได้วันสองวัน ผมก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับของฝากที่ติดตัวมาเพียง 2 อย่างเท่านั้น คือปลาหมึกแห้งกับต้นหญ้าสองต้น เหตุที่ผมติดกลับบ้านมาน้อยก็คงเพราะที่บ้านมีกันอยู่แค่สองคน จะกินก็คงไม่หมด และอีกเหตุนั่นคือ ผมเลือกของฝากไม่เป็น…

สำหรับปลาหมึกแห้ง ตัวผมเคยมีประสบการณ์ ได้กินปลาหมึกแห้งตัวใหญ่ๆแบบที่ซื้อมาแล้วครั้งหนึ่ง ที่บริษัทเก่าเคยจัดงานเลี้ยงจะมีปลาหมึกแห้งตัวใหญ่ๆแบบนี้ด้วย ผมรู้สึกว่ามันกัดแล้วเต็มปากกินแล้วมันเต็มคำกว่าตัวเล็กๆ เลยว่าจะเอามาลองอีกที เผื่อว่าเพื่อนมาสังสรรค์ที่บ้านก็จะได้ไว้แกล้มซะด้วยเลย เห็นเขาบอกว่าเก็บได้นาน แต่คำว่านานสำหรับบ้านผมคือเป็นปีๆไม่รู้มันจะอยู่ถึงรึเปล่า ในเวลานี้มันก็อยู่ในตู้เย็นเรียบร้อยแล้ว และหวังว่าผมจะได้กินในเร็วๆนี้

สำหรับต้นหญ้า ที่เขาเรียกว่าหญ้าเบญจรงค์ ไม่รู้ผมเขียนถูกรึเปล่า แต่เอาไปหาในกูเกิ้ลกลับไม่มีข้อมูลใดๆกล่าวไว้ หรือมันอาจจะมีชื่อเรียกอื่นๆก็เป็นได้ สำหรับใครที่รู้ที่มาที่ไป ของพืชชนิดนี้ก็สามารถบอกผมได้ เพราะผมก็อยากรู้เหมือนกันว่า ไอ้ต้นหญ้าที่ผมหอบติดมาสองต้นนั้นมันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่ผมรู้จากสวนลุงนิลบ้าง แต่ที่สำคัญ คือหญ้าเบญจรงค์สองต้นนี้ผมเอามาฝากแม่ครับ เผื่อว่ามันจะช่วยให้สุขภาพดียิ่งขึ้นได้

01_e0b895e0b989e0b899e0b8abe0b88de0b989e0b8b2
ต้นหญ้าสองต้นที่เป็นของฝากจากสวนลุงนิล จังหวัดชุมพร

Continue reading ของฝากจากชุมพร

วิถีแห่งความพอเพียง กับ ลุงนิลคนของความสุข

ฅนคอเดียวกันสัญจร วิถีแห่งความพอเพียง กับ ลุงนิลคนของความสุข ที่ผ่านมากับวันที่ 12 – 14 มิถุนายน จากตอนที่แล้วที่ผมได้เขียนถึงเหตุที่ผมร่วมเดินทางและข้อมูลเบื้องต้น

มาถึงตอนนี้ผมจะมาเล่าเรื่องสำหรับสิ่งที่ผมได้พบเจอะเจอใน 3 วันที่ผ่านมา พร้อมกับรูปถ่ายที่ติดมาอีกเล็กน้อย…

12 มิถุนายน 2552 เริ่มต้นวันใหม่ที่ต้องเดินทางด้วยเวลา 4.55 am วันนี้ผมตื่นเช้าเป็นพิเศษ เพราะจำเป็นต้องเดินทางไปถึงให้ทันก่อนเวลา 6 : 30 am เพราะเหตุที่ต้องตื่นเช้าทั้งที่ระยะทางจากบ้านมาทีวีบูรพานั้นก็คือ วันนี้เป็นวันศุกร์และแถวนั้นก็ยังมีโรงเรียนบดินทรเดชา ถ้าเผลอมาสายอาจจะต้องพบกับขบวนรถผู้ปกครองที่พากันมาส่งบุตร หลานกันอย่างไม่ขาดสายเป็นแน่ ผมซึ่งมีคุณแม่มาส่งด้วย ได้เดินทางมาถึงทีวีบูรพา เป็นอันดับที่คาดว่าน่าจะเป็นที่สาม จาก 15 คนที่นัดเจอกันที่นั่น และจะมีการรับคนระหว่างทางไปด้วย เพราะ บางท่านไม่สะดวกที่จะเข้ามาที่ทีวีบูรพา(ซอยเล็ก แต่รถเยอะจริงๆ ) และเมื่อสมาชิกตนคอเดียวกันมาครบเราก็ออกเดินทางอย่างไม่รีรอ

01-เดินทาง
ระหว่างเดินทาง บนทางด่วนมุ่งหน้าไปทางพระรามสอง
02-ภายในรถ
เป็นรถขนาดกว่า 40 ที่นั่ง มากเพียงพอที่จะรองรับผู้เดินทางจำนวนเพียงแค่ 25 คนเท่านั้นเอง Continue reading วิถีแห่งความพอเพียง กับ ลุงนิลคนของความสุข

กระเพราหมูกรอบพิเศษ

เรื่องมันมีอยู่ว่า….มีชายคนหนึ่ง ใช้ชีวิตไปวันๆอย่างซ้ำซาก หลับฝันในเวลาเดิม และตื่นมาในเวลาเดิมชีวิตทุกๆวันยังคงเหมือนเดิม และที่แน่นอนที่สุด ณ เวลา 10.30 เขาจะออกไปกินข้าว ที่ร้านอาหารตามสั่งร้านเดิมเป็นประจำ สั่งอาหารแบบเดิมเป็นประจำ เป็นแบบนี้มาหลายเดือน….

เมื่อวานนี้ผมออกไปกินข้าวที่หน้าปากซอยเหมือนเดิมครับ แน่นอน ก็ต้องสั่งเมนูโปรดที่กินไม่ค่อยเบื่อ เพราะผมไม่ค่อยใส่ใจเรื่องกินเท่าไหร่นัก เอาอิ่มกลืนลงเป็นพอ แต่สำหรับวันนี้ก็คงมีอะไรเปลี่ยนแปลงนิดหน่อยนั่นคือผมเลิกคิดที่จะกินข้าวจานพิเศษที่ต้องเพิ่มเงินอีก 5 บาท เพื่อให้ได้น้ำหนักตัวเพิ่มโดยไม่จำเป็น

ใช่ครับผมคิดจะเพิ่มความผอมที่มีอยู่น้อยนิดให้มากขึ้น วิธีแรกที่ง่ายและประหยัดคือเลิกสั่งพิเศษซะ และแล้วผมก็เดินเข้าไปสั่งกับพ่อครัว ” กระเพราหมูกรอบครับ ”  ผมพูดอย่างไม่ชินเพราะปกติต้องมีพิเศษด้วย แต่มันก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี นั่งรอซักพักกระเพราหมูกรอบก็มาเสริฟถึงหน้า แต่…ทำไมหน้าตามันเหมือนเดิม มันพูนจานเหมือนเดิม และเยอะเหมือนเดิม ผมไม่สงสัยเลย นี่คือกระเพราหมูกรอบพิเศษแน่นอน ผมตั้งหน้าตั้งแต่กินให้เสร็จ เพราะมีธุระต่อ และเมื่อเดินไปจ่ายเงิน แม่ครัวผู้เป็นคนผัดข้าวจานนั้นให้ผมบอกว่า 35 พิเศษ ….. ผมไม่คิดจะพูดอะไรเลยครับ

รูปร่างของผมกับความเคยชินในการสั่งซ้ำๆมันคงเป็นเมนูนี้ไปแล้ว จริงๆผมคงไม่ต้องสั่งก็ได้ แค่บอกว่าเหมือนเดิมแม่ครัวก็คงจะจำได้ สงสัยว่าสิ่งที่ผมต้องทำในครั้งต่อไปคือพูดว่า กระเพราหมูกรอบ “ธรรมดา

…สวัสดี