[14] ตลาดนัด ต่างจังหวัด

diary-0014-ตลาดนัด-ต่างจังหวัด

14. ตลาดนัด ต่างจังหวัด

ผมชอบการเลือกซื้อของในตลาดนัดอยู่อย่างหนึ่ง คือเราจะได้เจอกับชาวไร่ชาวสวนที่เป็นผู้ผลิตสินค้าจริงๆ มีเปรียบเทียบกันให้เห็นเลยว่านี่แม้ค้าที่รับมาขาย นี่ผู้ผลิตขายเอง

ยกตัวอย่างเช่น ในวันนี้ ผมเจอร้านขายมันเทศหลายร้าน ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ผลิตนั่นแหละ ทีนี้พอผลผลิตออกพร้อมกัน ก็ยกกันมาขาย ช่วงนี้มีข้าวโพดมาก มีมันเทศมาก

ราคาตลาดของมันเทศขนาดสวย ๆ ก็ตกกิโลกรัมละ 10 บาท ตอนแรกผมคิดว่าจะซื้อกิโลละ 10 บาทแล้ว แต่เดินไปเจออีกร้าน เขามีหลายราคานะ แบบโลละ 10 ก็มี 2 โล 15 ก็มี โลละ 5 บาทก็มี

แน่นอนผมซื้อแบบโลละ 5 บาทมา ที่ราคาถูกแบบนี้เพราะมันไม่สวย เป็นเศษมัน เล็กบ้าง หักบ้าง คละเคล้ากันไป แต่เราก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องเหล่านั้นนัก ขอเอาราคาเป็นที่ตั้งก็แล้วกัน

ตลาดต่างจังหวัดนั้นไม่เหมือนตลาดในกรุงหรือในห้าง เพราะมันมีความไม่แน่นอนอยู่เสมอ อย่างวันนี้จะซื้อหัวไชเท้า ทั้งตลาดเห็นมีขายอยู่ร้านเดียว หรือบางครั้งบางร้านเขาก็ไม่มาขายกัน มันมีความขาด ความพร่อง ไม่เหมือนกับซื้อของในห้างที่มีเกือบทุกอย่างที่ตามหา…

[13] การจัดการกับถ่านก้อนเล็กก้อนน้อย

diary-0013-การจัดการกับถ่าน

13. การจัดการกับถ่านก้อนเล็กก้อนน้อย

หลังจากที่ก่อไฟเสร็จ เก็บถ่านดับไฟกันเรียบร้อยแล้ว ก็จะเหลือถ่านก้อนเล็กก้อนใหญ่ที่ขนาดคละเคล้ากันไป

ถ่านที่ใช้ก่อไฟแล้ว มักจะมีขนาดไม่เหมาะจะนำไปก่อไฟใหม่ เพราะมันจะเล็กจนไปอุดรูของเตาที่เขาทำไว้ให้อากาศผ่าน เมื่อไม่มีอากาศผ่าน มันก็จะลุกไหม้ไม่ค่อยดี

ตอนแรกผมก็ไม่รู้จะเอาไปใช้อะไร ก็เก็บไว้จนมันเยอะ พอวันนึงมาคิดออกว่า เมื่อก่อนสมัยที่ยังเลี้ยงไม้ประดับ เขาก็มักจะเอาเศษถ่านนี่แหละมาเป็นส่วนผสมของดินที่ใช้ปลูก

จากประสบการณ์ที่เคยลองใช้แล้วก็พบว่า รากนั้นมาเกาะถ่าน อาจจะเพราะถ่านมีคุณสมบัติที่เหมาะหลายอย่างเช่น เก็บความชื้นได้พอประมาณ ไม่ทำให้ดินติดกันเป็นก้อน ฯลฯ

เห็นอย่างนั้นก็เลยเอาเศษถ่านมาตำ แล้วเอาตะแกรงกรองให้ได้ขนาดที่เหมาะสมจะนำไปใช้ผสมดินปลูกต้นไม้ต่อไป

[12] การเก็บถ่าน หลังจากใช้เสร็จแล้ว

diary-0012-การเก็บถ่านหลังจากใช้

12. การเก็บถ่าน หลังจากใช้เสร็จแล้ว

หลังจากที่ได้ก่อไฟประกอบอาหารเสร็จ หลายครั้งที่ถ่านยังเหลือ และยังคงร้อนแรงอยู่

ในช่วงแรก ๆ ที่มาหัดใช้ชีวิตที่นี่นั้น ผมใช้วิธีตักถ่านออกมาแล้วเอาน้ำราด เพราะมันดับได้เร็วดี แต่มีข้อเสียที่มากคือถ่านจะเปียกชื้น ต้องเอาไปตากแดดอีกทีถึงจะใช้ได้

วิธีที่เคยเห็นมาคือเขาเอาไปหมกขี้เถ้า ก็รู้สึกว่ามันยุ่งยากตอนจะเอามาใช้งานอีกที

อยู่มาเป็นปี คุยเรื่องนี้กับเพื่อน เขาก็แนะนำว่าเอาฝาปิดสิ มันจะได้ดับ …. เออก็จริง เรื่องนี้ก็ลืมไปสนิท แค่เอาฝาปิดไฟก็จะดับแล้ว เพราะไม่มีออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงให้เกิดการเผาไหม้

สรุปก็ตอนนี้ก็เลยใช้วิธีนี้ ก็สะดวกดี ไปหลงทำอะไรแปลก ๆ อยู่นาน แบบนี้ดีอย่างคือจะดับก็สะดวก จะเอามาใช้ใหม่ก็สะดวก

[11] การก่อไฟในวันที่ฝนตก

diary-0011-การก่อไฟในวันที่ฝนตก

11. การก่อไฟในวันที่ฝนตก

สิ่งที่ยุ่งยากสิ่งหนึ่งในวันฝนตกหรือวันที่อากาศชื้นมากก็คือการก่อไฟ

ถ้าหากเรามีพื้นที่แห้งมากพอก็คงจะไม่เป็นปัญหาอะไรนัก แต่ในส่วนของที่นี่ พื้นที่ที่จะหลบให้พ้นจากความชื้น มีไม่มากนัก

เอาแค่ชื้นก็ก่อไฟยากแล้ว ถ้าเปียกยิ่งแล้วใหญ่ ต้องเปลืองเชื้อเพลิงตั้งต้น ต้องเปลืองแรงมากในการพัด แม้ถ่านจะติดไฟขึ้นมาก็ไม่ได้ความว่ามันจะติดตลอดไป ต้องคอยพัดเลี้ยงไฟให้มันร้อนจนไล่ความชื้นโดยรวมให้ออกไปให้หมด จึงจะวางใจได้

ในส่วนของถ่านนั้น ผมเก็บไว้ในร่ม แต่ก็ยังหนีไม่พ้นความชื้น ส่วนฟืนหรือไม้นั้น ตากไว้กลางแจ้ง ถ้าในวันฝนตกก็เรียกว่าใช้ยากขึ้นมาเลยทีเดียว ตอนนี้ยังไม่ได้ทำที่เก็บให้มันพ้นความชื้น ค่อยว่ากันต่อไป

[10] ต้นกระถินที่ลอยมาตามน้ำหลาก

diary-0010-ต้นกระถินที่ลอยมาตามน้ำ

10. ต้นกระถินที่ลอยมาตามน้ำหลาก

ปีที่แล้วผมเคยสงสัยนะ ว่าอะไรที่เป็นเหตุให้ต้นกระถินต้นนี้ มาทับบันไดลงคลองที่ผมทำไว้…?

เนื่องจากเป็นบ้านริมคลอง ก็เลยทำทางลงคลองไว้ ซึ่งทางลงนี่ก็ค่อนข้างจะชันและไกล คลองนั้นสูงจากบ้านประมาณ 7-8 เมตรได้ ช่วงปีก่อนเลยทำบันไดลงไว้ด้วยปูน จะได้แข็งแรงประมาณหนึ่ง

ทีนี้พอมาดูอีกทีช่วงหน้าหนาวสิ้นปี ไม่รู้มีต้นกระถินยักษ์มาจากไหน พังบันไดที่ผมทำไว้อย่างที่เห็นในรูป และจุดที่ต้นกระถินอยู่นั้นสูงกว่าน้ำตั้งสามเมตร แถมกระถินต้นนั้นยังใหญ่กว่ากระถินทั่วไปมาก ใหญ่แบบที่ว่าเกิดมาไม่เคยเห็นกระถินใหญ่เท่านี้เลย

ก็งงอยู่เป็นปีว่ามันมาได้อย่างไร แถวนี้ก็ไม่น่าจะมีกระถินต้นใหญ่ขนาดนี้ ถ้ามีชาวบ้านเขาคงตัดไปใช้กันหมดแล้ว แล้วมันมาอย่างไร ???

จนในปีนี้เห็นน้ำหลากกับตาก็เข้าใจ น้ำนั้นแรงมาก และสูงมากพอที่จะพัดกระถินต้นนี้มาได้

สรุปที่บันไดพัง คือธรรมชาติลงโทษ…

[9] ฝนตก น้ำเชี่ยว คลองลึก

diary-0009-ฝนตก-น้ำเชี่ยว-คลองลึก

9. ฝนตก น้ำเชี่ยว คลองลึก

ช่วงวันสองวันก่อน มีฝนตกเกือบทั้งวัน ตกกันทีก็นาน อย่างวันก่อนก็ตกตั้งแต่ตี 3 จนเกือบ 10 โมง

บ้านที่ผมอาศัยอยู่นั้นก็สร้างอยู่ริมคลอง แต่ก็ไม่ได้ติดกันหรอก คลองนี้เป็นคลองที่ลึก เพราะจากตัวบ้านจะลงไปคลองนั้นมีความสูงประมาณ 7 เมตร ไม่เหมือนกับบ้านริมคลองทั่วไป

ผมก็เคยสงสัยว่าทำไมมันต้องสูงขนาดนี้ อยู่ที่นี่มาสามปีแต่ก็ไม่เคยมาอยู่ในช่วงเวลานี้เลย

ซึ่งครั้งนี้ก็ได้คำตอบว่ามันสูงไปตามน้ำที่ไหลมา อย่างวันก่อนที่ฝนตกนาน น้ำขึ้นสูงจากเดิมมาประมาณ 3 เมตร จากที่เคยเดินเสมอเข่า กลับสูงท่วมหัว และลดลงจนระดับน้ำเท่าเดิมภายในวันต่อมา

ในปี 2554 ที่น้ำท่วมใหญ่นั้น เขาว่าน้ำมันสูงถึง 7 เมตรเลย คือสูงประมาณบ้านผมนี่แหละ แต่ตอนนั้นยังไม่ได้สร้างบ้านนะ ยังไม่ได้มาอยู่ที่นี่ แต่คิดว่าถึงจะท่วมเหมือนเดิมอีกก็น่าจะไม่มีปัญหา เพราะไม่ใช่น้ำท่วมขัง คือมันผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ท่วมเร็วก็ลดลงเร็ว อย่างที่มันเป็นในวันนี้ เมื่อวานสูงสามเมตร วันนี้เหลือประมาณเมตรเดียว..

[8] พลังงานแสงอาทิตย์ ในชีวิตประจำวัน

diary-0008-พลังงานแสงอาทิตย์ในชีวิตประจำวัน

8. พลังงานแสงอาทิตย์ ในชีวิตประจำวัน

แสงอาทิตย์นี่นอกจากทำให้พืชได้เจริญเติบโต ผมยังสามารถเอามาใช้ได้ผ่านโซล่าเซลล์

พอดีว่าตัวบ้านนั้นค่อนข้างห่างจากถนนหลักก็มากอยู่ การจะลากสายไฟเข้ามาก็ต้องลงทุนสูง ก็เลยตัดสินใจใช้โซล่าเซลล์

พลังงานที่ได้มาก็ไม่ได้ใช้อะไรมาก จะใช้ก็แค่ แสงสว่าง ปั้มน้ำ ชาร์จแบตเตอรี่มือถือ คอมพิวเตอร์ ฯลฯ เพียงแค่นี้ก็เพียงพอที่จะใช้แล้ว เพราะผมเองก็ไม่ได้ดูทีวี ไม่ได้ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้ามากกว่านั้น

บางอย่างถ้ามีก็ดี แต่ไม่มีมันก็ไม่เป็นไร บางอย่างยังไม่ถึงเวลาของมัน มีเท่านี้ก็ใช้เท่านี้ มันก็พอใช้แล้ว

อย่างในรูปนี้ก็ซื้อที่แปลงไฟ 12v เป็น usb สะดวกดีเหมือนกัน อันละ 20 บาท สวิท 10 บาท สายไฟกับเทปก็อีกนิดหน่อย สมัยนี้มีสมาทโฟนมันก็ทำอะไรได้หลายอย่าง มันเลยไม่รู้สึกติดขัดอะไร

[7] วิวข้างทาง ระหว่างไปตลาด

diary-0007-วิวข้างทางระหว่างไปตลาด

7. วิวข้างทาง ระหว่างไปตลาด

ผมเห็นหลายคนเขาไปเที่ยว ไปหาประสบการณ์กันต่างถิ่นต่างแดน แต่ผมกลับรู้สึกว่าไม่ต้องไปไหนอีกแล้ว มันพอใจเท่าที่อยู่กันนี่แหละ

เพราะแค่ที่เห็นนี่มันก็ดีอยู่แล้ว มันลงตัวอยู่แล้ว เอาแค่วิวข้างทาง มองไปไกล ๆ ได้ มันก็สบายใจแล้ว ไม่อึดอัด

ส่วนที่เป็นธรรมชาติในบ้านเราก็สร้างของเราขึ้นมาเอง อยากให้สวย ให้ดี ให้มีประโยชน์แบบไหน เราก็สร้างมันขึ้นมาเอง ให้มันใช้งานได้ เป็นประโยชน์ ….วันหนึ่งคนเขาอาจจะคิดว่าที่เราอยู่เป็นสถานทีท่องเที่ยวก็ได้นะ …

[5] จุดไฟด้วยวัสดุต่าง ๆ

diary-0005-จุดไฟด้วยวัสดุต่างๆ

5. จุดไฟด้วยวัสดุต่าง ๆ

หลังจากที่มาเรียนรู้การประกอบอาหารด้วยฟืนหรือถ่าน ผมก็เรียนรู้การจุดไฟมาเรื่อย ๆ

ความเข้าใจเดิม ๆ ก็คือต้องมีขี้ใต้ มีวัสดุช่วยจุดไฟ ซึ่งถ้าในสถานการณ์ เช่น เดินป่าก็อาจจะเหมาะก็ได้ แต่นี่เราอยู่บ้านมันก็ไม่ต้องมีอะไรยุ่งยาก

ผมเริ่มเรียนรู้การจุดไฟจากเศษกระดาษเหลือใช้ ตั้งแต่การใช้กระดาษเยอะ ๆ จนเหลือเพียงกระดาษไม่กี่แผ่นก็ติดเตาได้

แล้วก็ทดลองใช้กิ่งไม้แทนกระดาษ ใช้เศษหญ้า เศษฟางแทนกระดาษ ลองใช้ไม้ฟืนที่ตัดเตรียมไว้แทน ก็พบว่าแทนกันได้ดี

ซึ่งปัจจัยที่มีผลต่อความยากง่ายในการติดไฟนั้นก็คือความชื้น เราควรเก็บเชื้อเพลิงของเราให้แห้งเข้าไว้จะง่ายต่อการจุดไฟ แต่ถ้าเปียกชื้นมันก็พอได้อยู่ แต่ต้องใช้เวลาและแรงมากหน่อยในการจะก่อไฟแต่ละครั้ง

[4] เก็บเศษไม้ ทำเชื้อเพลิง ทดแทนถ่าน

diary-0004-เก็บเศษไม้ทำเชื้อเพลง-*

4. เก็บเศษไม้ ทำเชื้อเพลิง ทดแทนถ่าน

ช่วงแรก ๆ ที่มาอยู่ที่นี่นั้น ผมจะใช้ถ่านเป็นหลักของเชื้อเพลิงในการทำอาหาร

แต่การได้มาซึ่งถ่านนั้นก็ยากเย็น ต้องขับรถออกไปซื้อจากชาวบ้าน แม้จะมีราคาถูกมากเมื่อเทียบกับที่กรุงเทพฯ คือกระสอบละ 130-150 บาท แต่ก็ยังเป็นความไม่สะดวกในการจัดหาอยู่ดี

ต่อมา ผมเริ่มใช้กิ่งไม้เข้ามาเพื่อช่วยลดภาระ จนในที่สุดผมแทบจะไม่ได้ใช้ถ่านที่ซื้อมาเลย เรียกว่าแค่กิ่งไม้ที่มีในพื้นที่ก็ใช้กันไม่ทันเลยทีเดียว

ซึ่งตรงจุดนี้ก็สามารถลดค่าใช้จ่ายและความยุ่งยากจากการซื้อถ่านได้ แต่การมีถ่านสำรองไว้นั้นก็สามารถช่วยได้ในหลาย ๆ กรณีเช่น ไม่มีเวลาจัดหาฟืน ป่วย หรือทำอาหารประเภทเผา ย่าง ปิ้ง ควรจะใช้ถ่านมากกว่า เพราะฟืนจะมีควันค่อนข้างมาก ไม่เหมาะที่จะใช้กับอาหารที่ต้องกระทบกับความร้อนโดยไม่ผ่านเครื่องครัว

ถ้าเราไม่ต้องการซื้อถ่าน เราก็สามารถจะเผาถ่านเก็บไว้เองได้ แต่ในการเผาถ่านนี้ผมยังไม่ได้ทดลอง และหากไม่เผาถ่านก็สามารถจัดหาไม้มาตัดเป็นท่อน ๆ เตรียมสำรองไว้ได้เช่นกัน