เพาะถั่วงอก

เพาะถั่วงอก

เพาะถั่วงอก

เห็นคลิปที่เขาสอนเพาะถั่วงอกแบบง่าย ๆ และเพื่อนก็ลองเอามาทำแล้วได้ผลจริง ไม่ยาก ก็เลยลองทำบ้าง

ตอนแรกนั้นก็ติดที่ไม่มีวัสดุ ก็เลยว่าจะกลับกรุงเทพก่อนแล้วค่อยทำ ไป ๆ มา ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าเราน่าจะลองประยุกต์ดู

ก็เอากะละมังโลหะที่ซื้อมาจากร้าน 20 บาท มาเจาะก้นด้วยตะปู

เอาผ้าเช็ดตัวเก่าที่เคยใช้เป็นผ้าเช็ดทั่วไปมาเป็นผ้ารองแต่ละชั้นเพื่อเก็บกักความชื้น

เอาถาดพลาสติกที่เป็นรู ที่เป็นของเหลือจากที่เขาใส่เส้นขนมจีนมาเป็นตัวกั้นระหว่างชั้นของถั่วงอก

แล้วก็หาอะไรที่พอดีมาปิดไม่ให้มีแสง ลำดับก็คือใส่ผ้าไปก่อน แล้วใส่ถาด แล้วก็ใส่ถั่วที่แช่น้ำมาแล้วคืนนึง แล้วก็ใส่ผ้า ใส่ถาด ใส่ถั่ว สลับกันไปแบบนี้ อย่างของผมทำสี่ชั้น

ที่เห็นเขียว ๆ นั่นเพราะวันก่อนมันโตจนดันฝาออก แล้วไม่ได้หาอะไรมากดทับไว้ พอแสงเข้า ก็เลยยอดเขียว แต่ก็กินได้ ไม่ได้มีปัญหาอะไร

จริง ๆ 3 วันก็กินได้แล้ว แต่ในรูปนี้ผมทิ้งไว้ 4 วันเพราะจะเอามาทำอาหารในวันที่ 4 พร้อมกับวัตถุดิบอื่นที่ซื้อมาจากตลาด

ถั่วงอกปลูกเองจะต่างจากถั่วงอกซื้อเขา ถ้าผมซื้อถั่วงอกมาเย็นนี้ พอถึงพรุ่งนี้สาย ๆ มันก็จะช้ำ ก็เริ่มเน่าแล้ว (ไม่มีตู้เย็น) ดังนั้นทำเองดีกว่า ปลอดภัยกว่า สบายใจกว่า ยืดหยุ่นกว่า ประหยัดกว่า

ปลวก

ปลวก

ปลวก

ที่บ้านนี้มีปลวกมาก แต่ปลวกพวกนี้มักจะกินไม้ที่ถูกทิ้งไว้บนดิน ไม่ได้มากินไม้ในส่วนของบ้าน

ซึ่งบ้านที่สร้างนั้น มีไม้เพียงแค่วงกบและบานประตูหน้าต่างเท่านั้น ปลวกจึงไม่ค่อยสนใจนัก อาจเพราะมันกินได้ลำบากกว่าไม้ที่วางทิ้งไว้ตามพื้นนั่นเอง

ผมเพิ่งจะเคยโดนปลวกกัดก็ตอนมาอยู่ที่นี่นี่แหละ ก็กัดเจ็บเหมือนกัน แต่กัดเหมือนมดแดงกัด เจ็บแต่ไม่คันนัก เพราะไปเลื่อยไม้ ใกล้ ๆ ทางเดินของมัน มันเลยแวะมากัดเอา

ก๋วยเตี๋ยวแกงกะหรี่ฟักทอง

ก๋วยเตี๋ยวแกงกะหรี่ฟักทอง

ก๋วยเตี๋ยวแกงกะหรี่ฟักทอง

เส้นเล็กที่เหลือจากการทำก๋วยเตี๋ยว …เยอะเหมือนกัน เลยแบ่งมาลองทำเมนูประยุกต์ตามที่นึกได้

เหมือนจะเคยเห็นว่ามีราเม็งแกงกะหรี่ อันนี้เรามาลองทำก๋วยเตี๋ยวแกงกะหรี่ดูบ้าง

วัตถุดิบก็ไม่มาก มีฟักทอง หอมแดง ผงกะหรี่ เส้นเล็ก ต้นหอม แล้วก็เกลือ น้ำตาล พริกไทย

ก็ต้มฟักทองแล้วบดเตรียมไว้ เจียวหอมแดงสักนิด แล้วเอาฟักทองที่บดแล้วลงไป ต้มรวม ๆ กัน คนไปไม่ให้ติดกะทะ ปรุงให้พอกินได้ เสร็จในส่วนแกงกะหรี่ แล้วก็ต้มน้ำ ลวกเส้น ใส่ต้นหอมซอยลงไป เสร็จแล้ว

ต้นหอมที่เห็นนี้เป็นต้นหอมที่ซื้อมาจากตลาดครั้งก่อน กินเสร็จแล้วก็เอาไปปัก รดน้ำไปทุกวัน มันก็งอกต้นขึ้นมาใหม่ให้ตัดกิน ลดค่าใช้จ่ายไปได้เหมือนกัน

ฟักทองน้อย

ฟักทองน้อย

ฟักทองน้อย

ถางหญ้าไปเจอลูกฟักทอง ขนาดเท่าที่เห็นนั่นแหละ ใหญ่กว่าไฟแช็กนิดหน่อย

ก่อนกลับ กทม รอบที่แล้วปลูกฟักทองไว้ ทั้งฟักทองพื้นบ้านและฟักทองญี่ปุ่น ฟักทองบ้านนั้นไม่ได้ผล คงเพราะน้ำและแดดไม่เหมาะสม

น้ำคงไม่เท่าไหร่ เพราะฝนตกตลอด แต่แสงแดดนี่คงไม่ได้เลย เพราะหญ้าขึ้นงามมาก คงจะบังแดดหมด และฟักทองก็คงจะตาย ด้วยเหตุนานับประการ

ตอนแรกผมก็คิดว่าจะรอดนะ แหม ปล่อยไว้หน้าฝนนี่มันน่าจะรอดสิ ที่ไหนได้ มันโตสู้หญ้าไม่ได้ ไว้คราวหน้าค่อยลองใหม่

ฟักทองที่เห็นนี้เป็นฟักทองญี่ปุ่น เพราะสังเกตจากเมล็ด เมล็ดมันจะกลมๆ ไม่รีเหมือนฟักทองบ้าน แต่อาจจะไม่ใช่ก็ได้ อาจจะเพราะมันยังเล็กอยู่

เห็นเล็ก ๆ แบบนี้ ลูกนี้ก็กินได้นะ เอามาผัดกับข้าว ได้สารอาหารเพิ่มจากฟักทองไร้สารพิษไปอีกมื้อ

[16] หญ้าจำนวนมาก

diary-0016-หญ้าจำนวนมาก

16. หญ้าจำนวนมาก

หลังจากที่ปล่อยให้หญ้าขึ้นในหน้าฝนมากว่าส่ามเดือน ผมพบว่าหญ้าที่ถางมาได้นั้นเยอะมาก มีกองใหญ่ ๆ แบบที่เห็นอีกหลายกอง

พอได้หญ้ามาก็มาคิดว่าจะเอามาทำอะไรดี มันใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง จะเอามาคลุมดินก็ได้ หรือจะเอาไปลงแปลงผักแล้วเอาดินกลบแล้วค่อยปลูกผักก็ได้

ตอนแรกที่เห็นหญ้าผมก็ไม่คิดว่ามันจะเยอะ แต่พอถางไปเรื่อย ๆ กองมันก็ยิ่งใหญ่ ยิ่งหลายกองขึ้นเรื่อย ๆ กองนี้สูงก็ไปวางเริ่มกองใหม่ แต่หญ้าที่เหลือก็ไม่มีทีท่าว่าจะหมด

ผมได้ลองถางหญ้าต่อเนื่อง แบบเต็มกำลังเท่าที่จะอึดได้ คือประมาณ 1 รอบ จะถางได้ 16 ตรม. (4*4 เมตร) ถ้ามากกว่านั้น จะร้อนเกิน ต้องไปพักเป็นระยะ ให้เย็นลงแล้วค่อยมาถางใหม่

คิดว่าถ้าเอาแบบฟิตจริง ๆ จะได้วันละ 6 – 8 รอบ เช้าจรดเย็น แต่มันก็ยากสำหรับผม เพราะไม่ค่อยได้วางตารางงานว่าจะทำอะไรอย่างเดียวทั้งวัน

วันแต่ละวันจะมีกิจกรรมนั่นนู่นนี่ รวมทั้งที่ไม่ได้วางแผนเต็มไปหมด อะไรควรทำก็เปลี่ยนไปทำ อะไรพิจารณาแล้วว่ารอได้ก็ยกไว้ก่อน ดังนั้นหญ้าก็เลยยังไม่หมดเสียทีเพราะเอาเวลาไปทำอย่างอื่น

พอผมคิดได้ว่าจะปลูกอะไรก็ค่อย ๆ ถาง จะได้มีที่ปลูก ถ้าถางไว้ก่อนมันจะโตอีกรอบ เพราะช่วงนี้ฝนยังตกอยู่ ก็ถางกันไป ….

เส้นเล็กผัดผัก

เส้นเล็กผัดผัก

เส้นเล็กผัดผัก

หน้าตาไม่ค่อยน่าดูแถมยังดูจืดชืดอีก ก็ใช่นะ ปรุงน้อยมาก แต่ทีเด็ดมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นหรอก

มันคือเส้นเล็กที่เหลือจากการทำก๋วยเตี๋ยวนี่แหละ ไม่รู้จะเอามาทำอะไร เลยคิดว่าจะเอาไปผัดกับผัก เหมือนที่ทำผัดหมี่

มีข้าวโพดเหลือ ถั่วฝักยาวอีกหน่อย มีผักบุ้งที่ปลูกเอง ก็เอาผักมาต้มก้อนแล้วก็ใส่น้ำมันกันเส้นติดนิด แล้วก็ใส่เส้นลงไปผัด

ไอ้เราก็นึกว่ามันจะออกมาเป็นเหมือนเวลาทำผัดหมี่ ที่ไหนได้ เสร็จแล้วมันเป็นก้อนแป้ง เส้นมันก็จับกลุ่มกัน จะเป็นก๋วยเตี๋ยวก็ไม่ใช่ จะเป็นก้อนแป้งเหมือนพวกกุ่ยช่ายมันก็ไม่เชิง

เรียกได้ว่าสลายรูปของเส้นก๋วยเตี๋ยวไปเลย สัมผัสแปลกใหม่แบบที่เรียกได้ว่า …สัมผัสแบบนี้ก็มีด้วย ก็ถือว่าได้มุมใหม่ ๆ มันก็มีประโยชน์นะ คือได้พิจารณาความ…แบบเนี้ย ของสัมผัส ที่มันไม่ถูกต้องตามที่คิด แต่มันก็กินได้นะ เอาตัวรอดได้อีกวัน

วัตถุดิบจำพวกเส้นนี่จะกะยากว่ากินเท่าไหร่ถึงจะอยู่ท้อง ไม่เหมือนข้าว ผมหัดกินเส้นนี่เรียกได้ว่าบางวันก็มากไป บางวันก็น้อยไป แต่ก็ไม่คิดจะหัดหรอกนะ นาน ๆ ทีกิน ไม่ต้องใส่ใจมากก็ได้

ก๋วยเตี๋ยว

ก๋วยเตี๋ยว

ก๋วยเตี๋ยว

เวลาผมหัดทำอาหารอย่างใดอย่างหนึ่ง จะเริ่มทำจากสูตรทั่วไปก่อน แล้วค่อย ๆ ฝึกลดลงมาจนมีความเหมาะสม

ก๋วยเตี๋ยวเป็นเมนูที่คิดจะหัดทำมานาน ซึ่งก็จะใช้ซุปผักนี่แหละ ก็เลยไปซื้อผักที่ตลาด ผักที่เขาว่าจะให้รสนั้นกลิ่นนี้มาใส่

มีทั้งข้าวโพด กะหล่ำปลี แครอท ผักหวานป่า หัวไชเท้า หอมใหญ่ มะเขือเทศ เห็ดเข็มทอง ต้นหอม ใบผักชี รากผักชี พริกไทย กระเทียม เกลือ ก็อยากรู้เหมือนกันว่าหอมหวานแบบธรรมชาติที่เขาว่ามันเป็นอย่างไร

ก็หั่นทุกอย่างแล้วเอามาต้มรวมกัน ยกเว้นต้นหอมกับผักชีไว้โรยหน้า…ทำตามโลกสุด ๆ เลยนะเนี่ย

ทำเสร็จแล้วก็ลวกผักกินด้วย คือผักบุ้ง กับถั่วฝักยาวหั่นเล็ก ๆ ลองใส่ถั่วลิสงคั่วบด คล้าย ๆ ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย แล้วกินดู….

ก็พบว่า เออรสมันก็หวานนะ แต่มันไม่มาก หวานเบา ๆ ก็เลยลองปรุงไปตามที่เคยกิน ซึ่งก็พบว่า นี่มันไม่เลวเลยนะ เอาไว้เป็นเมนูรับแขกได้เหมือนกัน ทำง่ายด้วย คนทั่วไปคงจะชอบ

วันต่อมาก็เลยลองทำสูตรแบบลดลง คือเหลือแต่กะหล่ำกับไชยาต้ม ใส่เกลือนิดหน่อย และเส้นก๋วยเตี๋ยว ก็ถือว่าโอเคสำหรับผมนะ กินได้สบายแม้จะไม่ปรุงเพิ่ม แต่ถ้าปรุงเพิ่มมันจะแปลก ๆ ไม่เหมือนแบบซุปผักรวม รสมันจะโดด ๆ แบบซุปผักมันจะกลมกล่อมครบรสกว่า

เมนูก๋วยเตี๋ยวนี้ทำกินได้ราว ๆ 3 วัน เส้นยังเหลืออยู่อีกให้ทำอะไรกินได้อีก 2 วัน รวม ค่าใช้จ่ายแล้วประมาณ 140 บาท ถ้าเทียบกับชีวิตในเมืองมันก็ไม่ได้แพงอะไรนัก เอาแค่ 140 บาทกินได้ 3 วันนี่ก็เก่งแล้ว แต่ถ้าเทียบกับชีวิตต่างจังหวัด ก็ยังดูแพงอยู่ดี

[15] ที่ราบ คลอง ภูเขา

diary-0015-ที่ราบ-คลอง-ภูเขา

15. ที่ราบ คลอง ภูเขา

สมัยที่ยังเด็ก ๆ ผมเคยมีภาพฝันว่า อยากมีบ้าน ที่สามารถทำสวนทำไร่ได้ มีแหล่งน้ำตามธรรมชาติตัดผ่าน มีภูเขาล้อมรอบ อารมณ์แบบบ้านเล็กในป่าใหญ่

ฝันนั้นค่อย ๆ เลือนลางไปตามกาลเวลา แต่วิถีชีวิตผมยังเลือกเส้นทางที่จะเอื้อต่อฝันนั้นอยู่ เช่น เลือกเรียนในสาขาที่สามารถรับงานอิสระได้ คือศิลปกรรม

เพราะผมเป็นคนที่ใช้อินเตอร์เน็ตตั้งแต่ยุค 56 kbps ก็พอจะเดาได้ว่าในอนาคต การทำงานแล้วส่งผ่านอินเตอร์เน็ตต้องสะดวกแน่นอน ซึ่งก็เป็นจริงอย่างในทุกวันนี้

แต่สุดท้ายฝันนั้นก็เลือนหายไป ผมกลายเป็นคนเมืองทำงานออฟฟิศอยู่ช่วงหนึ่ง จนลาออกมาทำงานส่วนตัว และเรียนต่อ …ในใจตอนนั้นก็เรียกว่าลืมฝันไปหมดแล้ว เพราะเรียนต่อด้วยเหตุผลที่ว่าจะหางานในเมืองทำ

แต่สุดท้ายชีวิตก็พลิกผัน ได้ศึกษาและปฏิบัติธรรม มันก็มีปัญญาเกิดขึ้นว่า ทำงานแบบที่คิดไว้นั้นไม่ดี เราหาทางออกดีกว่า

ผมปักมั่นที่จะออกจากวังวนนั้นจนกระทั่ง พ่อได้มอบที่ดิน ที่ไม่เคยรู้ว่ามีอยู่มาก่อนให้พร้อมเงินจำนวนหนึ่งให้มาตั้งตัวที่นี่

ที่นี่มีความฝันของผมอยู่ครบ มีที่ราบมากพอจะปลูกพืชได้ มีภูเขาล้อมรอบ มีแหล่งน้ำธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ผมเพิ่งรู้ตัวว่าได้มาทั้งหมดโดยไม่ต้องแสวงหา

นี่คงจะเป็นกรรมเก่าที่ผมทำมาในชาติใดชาติหนึ่งแน่ ๆ เพราะมีทั้งเหตุคือความฝัน ความตั้งใจ และมีผลคือได้สิ่งเหล่านั้นมา(ให้ผ่านมือพ่อ) เพื่อสร้างเหตุใหม่ที่จะเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป

อนาคตเป็นอย่างไรผมไม่รู้หรอก ผมมีหน้าที่แค่ทำให้ที่นี้มันเจริญขึ้นเท่านั้นเอง ความฝันมันจบไปแล้ว เพราะที่มีอยู่นี่แหละคือความจริง

การสนับสนุนคนเห็นผิด

ได้อ่านข่าวที่พระทำขนมปังขาย แล้วก็เห็นว่ามีทั้งกระแสที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ผู้ที่เห็นด้วยก็คิดว่าดีเป็นประโยชน์ ผู้ที่ไม่เห็นด้วยก็เพราะว่าสิ่งนั้นไม่สมควรทำ

ถ้าเป็นสมัยก่อน ผมก็คงคิดว่าอย่างน้อยท่านก็คิดจะทำสิ่งที่ดี เราก็เอื้อ ๆ กันไปบ้าง แต่หลังจากที่ได้ศึกษาอนุตตริยสูตร จึงพบว่านั่นคือ “การร่วมนรก” ดี ๆ นี่เอง

ข้อหนึ่งในอนุตตริยสูตร คือปาริจริยานุตริยะ พระพุทธเจ้าตรัสว่า การบำรุงคนไม่ว่าจะฆราวาสหรือนักบวชที่เห็นผิด ยังไม่มีความเห็นถูกตรง เป็นคนทุศีล ไม่มีศีล ไม่มีวินัย นั้นมีอยู่ แต่เป็นการบำรุงที่ “เลว

ท่านเน้นคำว่า “เลว” เลยนะ ไม่ใช่ “เออ อย่างน้อยเขาก็ทำดีนะ” คือถ้าเขาทำผิดแล้วเราไปสนับสนุนเนี่ย เรียกว่าการบำรุงที่เลว คือเรานี่แหละ ไปสนับสนุนให้เขาเห็นผิด ให้เขาคิดผิด ให้เขาทำผิดต่อไปเรื่อย ๆ

ยิ่งพวกนักบวชที่ใช้ผ้าเหลืองแสวงหาโลกธรรมนะ จะได้มีเงินมาก ๆ มีบริวารมาก มีตำแหน่งสูง มีชื่อเสียงมากมาย มีปัจจัย 4 ที่ยิ่งใหญ่มากมายกินใช้ไม่มีวันหมด …

แม้แต่ท่านที่ใช้บารมีของผ้าเหลืองในการไปสร้างคุณงามความดีแบบโลก ๆ ให้ดูยิ่งใหญ่อลังการ แต่ไม่ได้มุ่งขัดเกลากิเลสในตน ให้เป็นไปสู่ความมักน้อย ละโลภ โกรธ หลง อันนี้มันก็ผิด แม้คนเขาจะ “สาธุ” กันมาก แต่มันก็ผิด

เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่ถึงกระนั้นพระพุทธเจ้าท่านก็ยังมีเส้นแบ่งที่ชัดเจนว่า การบำรุงพระพุทธเจ้าและสาวกของพระพุทธเจ้า(พระอริยะเท่านั้น ไม่ใช่พระทั่วไป) นั้นเป็นการบำรุงที่ยอดเยี่ยมกว่าการบำรุงทั้งหลาย

ผมนี่ซึ้งใจเลยนะว่า แต่ก่อนที่เราเคยบำรุงคนนั้นคนนี้ นั่นคือการบำรุงที่เลว แม้ภาพรวม ๆ เขาจะดูดี แต่ก็ยังเลว เพราะเขายังไม่มีอริยะคุณ เขายังลดกิเลสไม่เป็น บำรุงไปทุกบาททุกสตางค์ ทุกแรงกายแรงใจ นั้นจะไปเป็นส่วนเพิ่มกิเลสเขาทั้งหมด

ดังนั้น ไม่ว่าจะขนมปังพระทำ หรือบริจาคให้พระไปทำนู่นทำนี่ แม้จะดูดีเป็นสาธารณะประโยชน์แค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าผมประเมินดูดีแล้วว่าตัวบุคคลนั้นยังไม่มีคุณอันสมควร ผมก็จะไม่บำรุง ไม่ร่วมสังฆกรรม ยกเว้นจะอนุโลมในบางกรณีเท่านั้น

แกงกะหรี่ฟักทอง

แกงกะหรี่ฟักทอง

แกงกะหรี่ฟักทอง

เป็นเมนูฟักทองที่ก่อนหน้านี้ทำค่อนข้างบ่อย เพราะคิดไว้ว่าจะหัดทำไว้เป็นเมนูรับแขก

วิธีทำก็เอาฟักทองไปต้มแล้วบด ใส่วัตถุดิบอื่น ๆ ใส่ผงกะหรี่ ต้มให้สุกดีก็เสร็จแล้ว

อย่างเมนูนี้นี่ทำกินหลายวันก่อน ตอนนั้นฝนตกทุกวันอากาศค่อนข้างเย็น เลยว่าจะทำอะไรอุ่น ๆ กิน

แต่วันนั้นอากาศร้อนขึ้น แล้วเราไปกินอาหารฤทธิ์ร้อน มีทั้งหอมใหญ่ ทั้งพริกไทย และผงกะหรี่ … สรุปกินเสร็จก็หวัดกิน

เป็นหวัด คัดจมูก น้ำมูกไหลก็เพราะกินอาหารที่ทำให้ร่างกายเสียสมดุล คืออากาศก็ร้อน แล้วเรากินของร้อนมากก็เลยป่วย

สุดท้ายก็กินน้ำที่หยดน้ำมันเขียวฤทธิ์เย็นไป ช่วยได้มาก อาการหวัดคัดจมูกที่เกิดขึ้นหลังกินก็หายไปในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

ชีวิตนี่ต้องปรับร้อนเย็นให้สมดุล บางทีเราวางแผนทำอาหารล่วงหน้าหลายวัน ซื้อวัตถุดิบมาแล้ว เราก็ปรุงตามแผนเลย บางทีสภาพแวดล้อมมันเปลี่ยน เราก็ควรจะเปลี่ยนตามบ้าง ยึดแผนไม่วางแผน หวัดเลยกิน.