ผัดวอเตอร์เครสใส่เห็ดออรินจิ

ผัดวอเตอร์เครสใส่เห็ดออรินจิ

ผัดวอเตอร์เครสใส่เห็ดออรินจิ

ถ่ายมาสามรูป ตั้งแต่เก็บยอดมันมา เอามาเด็ดใบออก สุดท้ายก็เอาไปผัด จากที่ล้นภาชนะก็เหลือแค่นิดเดียวเอง

ในวันหนึ่ง ๆ ผมจะกินกับข้าวไม่หลากหลาย แต่อาหารโดยรวมจะหลากหลาย ที่แน่ ๆ จะมีถั่วหลายชนิด ข้าว และกับข้าว ซึ่งจะเป็นผักสดบ้าง ผักที่ปรุงบ้าง และมีผลไม้บ้างในบางวัน

การกินผักน้อยชนิด จะให้พลังและความเสถียรของกำลังมากกว่า เพราะร่างกายย่อยชนิดเดียว เหมือนกับเรามีงานอยู่แบบเดียว ทำไม่นานก็จบ ไม่ต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการเยอะ

แม้จะกินวันละไม่กี่อย่าง แต่ก็จะไม่กินซ้ำกัน สลับกันไป ซึ่งจากที่ทดลองดูก็ยังมีพลังทำงานทุกวัน ทั้งงานหนักงานเบา งานใช้แรง งานใช้สมอง มันก็ไปได้หมด

ช่วงหลัง ๆ เริ่มจับอาการได้ว่ากินผักที่ปลูกเองจะให้พลังงานมากกว่าผักที่ซื้อมาจากตลาด ผัดตลาดเหมือนจะหมดกำลังไวกว่า คือมันจะออกอาการเบื่อ ๆ เพลีย ๆ ล้า ๆ ถ้ากินผักที่ปลูกเองและปรุงได้ถูกสมดุลร่างกายจะไม่มีอาการเหล่านี้

อย่างเมนูที่ทำในวันนี้เป็นเมนูทดลอง ว่าถ้าเอาวอเตอร์เครสมาผัดแบบผัดผักทั่วไปนั้นจะออกมาเป็นอย่างไร พอดีมีเห็นออรินจิเหลือจากที่ซื้อมาทดลองทำอาหารบางอย่างวันก่อนก็เลยใส่ไปด้วย ไม่มีนัยสำคัญอะไรหรอก ก็แค่ใส่ไปให้มันหมด ๆ เท่านั้นเอง

สรุปว่า เมนู “ผัดวอเตอร์เครส” ก็จะเป็นเมนูที่เอาไว้ใช้รับแขกอีกหนึ่งเมนู เพราะว่ากินได้ง่าย ไม่ได้มี รูป สี กลิ่น รส สัมผัสที่มันทำให้รู้สึกแปลก ๆ ในการกินแต่อย่างใด กินไปก็คล้าย ๆ เด็ดแต่ใบของผักบุ้งมาผัดนั่นแหละนะ

เห็ดหูหนู

เห็ดหูหนู

เห็ดหูหนู

วันก่อนไปเก็บท่อนไม้ที่เตรียมไว้ทำฟืน ก็เห็นเห็ดขึ้น น่าจะเป็นเห็ดหูหนู เพราะรูปร่างหน้าตาคล้ายกัน

อุณหภูมิและความชื้นเหมาะสม เห็ดก็เลยขึ้น แต่ก่อนก็เคยคิดจะปลูกเห็ดแต่ก็พับโครงการไป เพราะดูมีรายละเอียดเยอะ ในช่วงนี้กินโปรตีนจากถั่วไปก่อนจะดีกว่า เพราะเก็บได้นาน หาซื้อง่าย ที่สำคัญคือไม่ต้องดูแล

การจะปลูกหรือดูแลพืชใหม่ ๆ นั้น ผมจำเป็นต้องใช้เวลาศึกษาสักพักหนึ่งเพื่อทำความรู้จักกับมันว่าต้องปลูกอย่างไร ต้องดูแลอย่างไร ฯลฯ จนมั่นใจว่าลองไปแล้วจะได้ผลผลิตคุ้มค่ากับทุนและเวลาที่มีจึงจะลงมือ

ว่าแล้วก็เอาฟืนที่มีเห็ดหูหนูไปก่อไฟ ปล่อยเห็ดไปตามทางของมันก่อน วันใดวันหนึ่งเราอาจจะได้มีโอกาสศึกษามัน

ผัดมะเขือยาว กับเห็ดชิเมจิ

ผัดมะเขือยาวกับเห็ดชิเมจิ

ผัดมะเขือยาว กับเห็ดชิเมจิ

เห็นเห็ดชิเมจิ ลดราคาอยู่ในห้าง เหลือ 12 บาท ทุกทีจำได้ว่า 20 กว่าบาทนะ คราวนี้ถูกจัง เลยหยิบมาแพคหนึ่ง

เอามาผัดกับมะเขือยาว ใส่น้ำมันนิดหน่อย ปรุงด้วยเกลือ กับน้ำตาลนิด ๆ ใส่อ่อมแซ่บป่า เข้าไปอีกหน่อย กะทะนี้เป็นกับข้าวมื้อแรกที่กินในครั้งนี้ แล้วก็เติมถั่วต้มอีกนิดหน่อย อยู่ได้ทั้งวัน

กระเพราเห็ดไข่ดาว

วันนี้มากับเมนูใหม่กระเพราเห็ดไข่ดาว เมนูที่ผ่านเข้ามาในหัวเมื่อหลายวันก่อน วันนี้มีโอกาสได้ออกไปกินรู้สึกประหลาดอย่างไม่น่าเชื่อ

ที่มาที่ไปของกระเพราเห็ดไข่ดาว

มันสืบเนื่องมาจากที่วันหนึ่ง ผมไปซื้อไก่กินที่มหาลัย ซึ่งซื้อมาเยอะหน่อยเพราะว่าหิว กินไปกินมามันก็เริ่มไม่อร่อยเพราะเยอะ+เลี่ยนไป (ไก่ทอด) ก็มานั่งนึกๆว่าทำไมต้องกินไก่ด้วย ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่ทราบได้ที่ทำให้ผมซื้อไก่กิน ก็รู้สึกว่าถ้าจริงๆเราไม่กินไก่กินอย่างอื่นก็ได้นะ ก็มานั่งคิดไปว่าไม่กินเนื้อสัตว์ก็อยู่ได้นี่นะ เป็นการลดน้ำหนักไปในตัวด้วยเพราะบางทีอะไรที่มันอร่อยเกินไปก็จะกินเยอะเกิน

ต่อเนื่องจนเป็นกระเพราเห็ดไข่ดาว

วันก่อนได้ไปกินสเต๊ก เนื่องจากไม่ได้กินมานาน แต่ความรู้สึกไม่เหมือนก่อน ไม่ใช่ว่ามันไม่อร่อย แต่ก็ไม่รู้จะไปกินทำไมให้มันลำบาก กินให้อิ่มก็พอ เหมือนว่าความคิดของผมก่อนหน้านี้มันมากเกินไปหน่อย รู้สึกเหมือนอยากปรับตัวเองให้พอดีกับความเป็นจริงเสียหน่อย ทำไมผมต้องลำบากออกเดินทางไปหาสเต๊กกินด้วยนะนี่…

วันนี้ก็ได้กินกระเพราเห็ดไข่ดาว

วันนี้ตอนสายๆออกไปกินข้าวที่สี่แยกแถวบ้าน ซึ่งมีร้านอาหารตามสั่งอยู่ ถ้าปกติสำหรับผมแล้วก็คงจะสั่งกระเพราหมูกรอบพิเศษไข่ดาว แต่วันนี้เริ่มลังเล มาถึงที่ร้านมองไปไม่เห็นหมูกรอบก็เป็นโอกาสที่ดี เพราะร้านนี้จะทอดหมูกรอบประมาณสายๆ ถึงเที่ยง แต่วันนี้เขายังไม่ได้ทอดก็เป็นโอกาสที่ดีในการเปลี่ยนเมนูเสียเลย

ผมมองไปที่ตู้ใส่ผักว่ามีอะไรบ้าง ตอนแรกคิดว่าจะใส่เห็ดกับข้าวโพด แต่เห็นว่ามีเห็ดเยอะก็เลยสั่งแต่กระเพราเห็ด ใส่ไข่ดาวเพิ่มไปอีกหน่อย แม้ค้าถึงกับต้องถามซ้ำอีกครั้งว่ากระเพราใส่เห็ดอย่างเดียวหรอ ปกติคงจะไม่ค่อยมีคนสั่งเมนูนี้เท่าไหร่ หรือไม่ก็สั่งแล้วใส่ควบกับอย่างอื่น ก็ตกลงเอาเมนูนี้แหละ วันนี้มั่นใจและพร้อมที่จะกินกระเพราเห็ดเต็มที่แล้ว แม้มันจะแปลกๆในใจก็ตาม

หลังจากนั่งรอไม่นานนักกระเพราเห็ดไข่ดาวก็ถูกนำมาวางไว้หน้าผม รสชาติของกระเพราก็เหมือนเดิมต่างไปแค่เป็นเห็ดแทนเนื้อสัตว์ ผมคิดว่าที่มันอร่อยจริงๆก็ตรงกระเพราไข่ดาวนี่แหละ พวกเนื้อหมูกรอบหรืออะไรก็ตามดูเหมือนจะเป็นเครื่องเคียง เพราะฉะนั้นเปลี่ยนเนื้อสัตว์เป็นเห็ดก็เลยไม่ค่อยมีผลเท่าไหร่ กินไปก็อร่อยดี ในใจก็คิดว่านี่แหละเมนูยอดฮิตในปีนี้ของผม อย่างมาก็ใส่เต้าหู้เพิ่มเข้าไปด้วยอีกหน่อย

สักพักก็มีคนเดินมาสั่งกระเพราหมูกรอบ แต่ที่ร้านยังทอดไม่เสร็จบอกว่าอีกครึ่งชั่วโมงได้ คนที่เขาสั่งกระเพราหมูกรอบแทนที่จะเปลี่ยนเป็นกระเพราอย่างอื่นก็ยังยืนยันที่จะรอกระเพราหมูกรอบ เพราะร้านนี้หมูกรอบเด็ดจริงๆครับ แต่ในระหว่างที่ผมกินอยู่นั้น กลับไม่รู้สึกอยากเปลี่ยนใจกลับไปกินหมูกรอบเลย หรือเพราะได้กินเข้าไปบ้างแล้วอาการหิวเลยไม่มีทำให้ไม่อยากและไม่สนใจเมนูอื่นแล้ว

สรุปแล้วกระเพราเห็ดก็อร่อยดีครับ วันหลังว่าจะให้ใส่อย่างอื่นไปด้วย เช่นข้าวโพดอ่อน เห็ดหูหนู ฯลฯ ประมาณว่าอยากกินผักแทนแล้วครับ อะไรก็ได้จะพยายามเปลี่ยนตัวเองให้ได้สักวัน

สวัสดี

ติดตามเรื่องราวเกี่ยวกับการลดเนื้อสัตว์ มากินผักได้ที่ Veggie kitchen , facebook (Veggie Kitchen)