พุทธมีหลากหลาย ทางปฏิบัติก็มีมากมาย แต่ทางพ้นทุกข์มีทางเดียว

ดูสารคดีแล้วนึกถึงสมัยแรก ๆ หลังจากเข้าใจทางปฏิบัติ ก็มุ่งสืบหาว่ากลุ่มอื่น ลัทธิอื่น ความเชื่ออื่นมีวิธีอย่างที่ทำได้บ้างไหม?

อ่านหนังสือก็หลายเล่ม โลกกว้างมาก แต่ความกว้างเหล่านั้นไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย ยิ่งกว้าง ยิ่งไกล ยิ่งหลง ก็คงมีไว้เพื่อศึกษาความผิดพลาดเท่านั้น

ผมมีความเห็นว่า ถ้าคนเกิดความเข้าใจที่ถูกตรงจริง ๆ จะมั่นคงในกลุ่มที่ตนปฏิบัติได้ผล จะศรัทธาอย่างยิ่งในครูบาอาจารย์ที่ถูกต้อง จะไม่วอกแว่ก ไขว้เขว ไม่เที่ยวไปกลุ่มที่มีความเห็นต่างออกไป

เพราะถ้าเจอทางพ้นทุกข์แล้วปฏิบัติเองจนเห็นผล มันจะไม่ต้องเสียเวลาไปเที่ยวหาลัทธินั้นกลุ่มนี้ ที่ผมเคยตามหาไม่ใช่ว่าจะไปหากลุ่มเพิ่ม แต่ค้นหาและศึกษาเพื่อพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่ …ที่มีทางเดียว

*จุดสำคัญ คือต้องปฏิบัติจนพ้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยสัมมาอริยมรรค ที่ครบองค์ประกอบทั้ง ๘ มิใช่เพียงเข้าใจและเลือกใช้มรรคใดมรรคหนึ่ง ดังสมการที่พระพุทธเจ้าให้ไว้ คือสัมมาสมาธิจะเกิดได้จาก มรรคทั้ง ๗ ดำเนินไปอย่างตั้งมั่น ไม่ใช่การนั่งสมาธิแล้วเรียกสิ่งนั้น สัมมาสมาธิ …เป็นต้น

จากที่ยกตัวอย่างไปข้างต้นก็เรียกว่าหาแทบไม่ได้แล้ว ว่าที่ไหนในประเทศไทยจะสอนสัมมาสมาธิอย่างถูกต้องอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ จากที่ผมศึกษาและเห็นมา ส่วนมากจะเป็นมิจฉาสมาธิทั้งนั้น

และมิจฉาสมาธินี่แหละ คือรูปแบบที่แตกตัวไปทั่วโลก เพราะมันไม่ถูกต้อง จึงทำได้ง่าย เข้าใจได้ง่าย เข้าถึงได้ง่าย ต่างจากสัมมาสมาธิที่คาดเดาได้ยาก ปฏิบัติได้ยาก เข้าถึงได้ยาก รู้ตามไม่ได้ง่าย ๆ ลึกซึ้ง ละเอียด ประณีต รู้ได้เฉพาะบัณฑิต(สัตบุรุษ) เท่านั้น

ดังนั้นผมจึงไม่เอาเวลาไปเสียกับกลุ่มบุคคุลหรือคนที่ยังไม่เห็นทางพ้นทุกข์ ทฤษฎีหรือตรรกะทั้งหลายเป็นสิ่งที่พูดกันไปได้ แต่สภาวธรรมเป็นสิทธิ์พิเศษสำหรับผู้เข้าถึงธรรม และผู้ที่แจกแจงสภาวะได้ยิ่งหายากเข้าไปใหญ่

ผมเคยเจอคนที่อ้างตนว่ามีสภาวะ แต่พอถามเข้าหน่อย ให้แจกแจงเข้าหน่อย ก็นั่งนิ่ง ไปไม่เป็น บางทีคนก็หลงสภาวะกับสัญญา คือจำเขามา จำได้ นึกได้ ก็หลงไปว่าเข้าใจ แต่จริง ๆ มันเป็นแค่สัญญา ยังไม่ใช่ปัญญา

ดังเช่นว่าหลายคนที่ศึกษาธรรมะ ก็รู้นะว่าสิ่งทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น แต่พอเอาเข้าจริง ไม่ได้ของที่อยากได้ โดนพรากของรัก โดนด่า โดนดูถูก โดนทำร้าย ก็ไปโกรธเขา ชิงชังเขา สภาพแบบนี้ก็เรียกว่าเป็นแค่ความจำ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีสิ่งดีอะไรให้จำเลย ก็ยังดีกว่าไม่มีเป้าหมาย

…อริยสัจ ๔ คือธรรม ๔ หัวข้อสั้น ๆ แต่ยากที่สุดในโลก เชื่อไหมว่าแม้จะมี 100 ลัทธิ เขาก็จะอธิบายและปฏิบัติไปได้มากกว่า 100 แบบ มันจะบิดเบี้ยวและเพี้ยนไปตามวิบากบาปของแต่ละคน หัวข้ออาจจะคล้ายกัน แต่พอขยายลงรายละเอียดจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน จะมีส่วนถูกบางส่วนปนอยู่ในเนื้อบ้าง แต่ถ้ามันไม่ 100% มันก็ไม่พ้นทุกข์อยู่ดีนั่นเอง

…สรุป ก็ลองสุ่มปฏิบัติตามกันไป ตามที่ศรัทธา ทำให้เต็มที่ อันไหนพ้นทุกข์ก็อันนั้นแหละ อันไหนไม่พ้นก็เลิก แต่ถ้าแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ อันนั้นที อันนี้ที จากที่เห็นมา ส่วนใหญ่ไม่รอด กิเลสเอาไปกินหมด หลงเข้าป่าเข้าพงกันไปหมด

ทำไมถึงต้อง MonkiezGrove ?

หลายคนที่เคยดูหรืออ่านผ่านตา ผ่านไปผ่านมาหลายครั้ง คงเคยสงสัยว่าทำไมถึงตั้งชื่อ MonkiezGrove วันนี้จะมาเล่าที่มาที่ไปให้อ่านกันครับ

แรกเริ่มเดิมที…

เดิมทีตอนแรกเริ่มนั้นคิดชื่อไว้โดยมีตีมเล็กๆน้อยๆ คือ สัตว์ป่า และธรรมชาติ เพราะงานการ์ตูนส่วนใหญ่ของผมจะออกไปทางแนวนั้น และตอนนั้นตัวละครเด่นๆของผมเลยก็คือ ไข่ลิง ( ตัวละครลิง สีน้ำตาล ) และไข่ลิงก็ถือเป็นแรงบัลดาลใจที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ผมได้เริ่มวาดการ์ตูนกันเลยทีเดียว

เริ่มแรกในตอนนี้จะต้องตั้งชื่อกลุ่ม ก้อน องค์กรขึ้นมาแล้วนั้น มันก็ต้องมีสักชื่อ ผมเองคิดอยู่นานมากๆ คิดแล้วคิดอีก กรองแล้วกรองอีก จนได้คำมาสองคำ นั่นคือ Monkey(ลิง)  กับ Forest (ป่า)  ซึ่งทั้งสองคำนั้น…ผมคิดว่า

Monkey(ลิง) คือตัวแทนของตัวละครที่สนุกสนาน “ลิงมันไม่อยู่นิ่ง มันชอบวิ่งกระโดดไปมา” คือท่อนหนึ่งของเพลงสมัยเด็กๆที่คุ้นเคย มันบ่งบอกว่านอกจากลิงจะเป็นสัตว์ที่ดูสนุกสนานกับกิจกรรมของมันแล้ว มันยังไม่หยุดนิ่ง เคลื่อนไหวตลอดเวลาอีกด้วย ผมจึงจับเอาจุดนี้ของลิงนี่แหละ มาใส่เป็นชื่อ

Forest (ป่า) เมื่อมีลิงก็ต้องมีป่า ป่าอาจจะใหญ่ไปสำหรับลิงน้อยๆของผม และดูเหมือนว่ามันจะออกเสียงยาก ไปนิดหน่อย MonkeyForest มันออกจะเป็นแนวสารคดีเกินไป ก็เลยเปลี่ยนคำว่า Forest (ป่า) มาเป็น Grove ซึ่งแปลว่า หมู่ไม้ กลุ่มไม้เล็กๆ หรือแปลว่าสวนผลไม้ พอเห็นคำนี้ก็ถูกใจเลยครับ เพราะมันไม่ใหญ่จนเกินไป เป็นมุมเล็กๆมุมหนึ่งที่ผมคิดว่ามันน่าจะพอดีเลยแหละ จนมาถึง…

Monkeygrove.com

เป็นเรื่องตลกที่แสนจะธรรมดา เมื่อคำที่เราคิดตั้งนานดันมีคนมาจดโดเมนไปก่อนหน้าเรา จริงๆแล้วมันก็ไม่ใช่ชื่อที่วิเศษอะไรนักหรอกนะครับ แต่ัมันก็ตรงตัวดี และดูแล้วน่าจะเข้าใจง่าย ผมเองซื้อต่อโดเมนไม่เป็นและ คิดว่ายังมีทางออกนั่นคือ เปลี่ยนชื่อของเราสักสองสามตัวมันคงจะไม่มีปัญหาอะไรหรอกนะ เพราะเราก็เป็นกลุ่มกิจการที่เริ่มต้นใหม่

เมื่อหาและคิดดูแล้วว่าจะเปลี่ยนตัวไหน ก็ลองมามองๆและทดสอบดูจนได้ Monkeygrove มาเป็น MonkiezGrove คำนี้คงจะไม่มีความหมายอะไร แต่สำหรับคนไทยแล้ว จะ monkey หรือ monkiez ก็คงจะคล้ายๆกัน หมายถึงการมองหรือฟังแบบหยาบๆนะครับ แน่นอนว่าอาจจะทำให้ผู้ที่สนใจเกิดความสับสนได้ แต่ผมมองว่ามันเอาไปเล่นอะไรได้อีกเยอะเลย

สุดท้ายด้วยความที่ยอมเปลี่ยนดีกว่ายอมซื้อ ก็เลยจดโดเมน monkiezgrove.com และใช้มาจนถึงทุกวันนี้ครับ และแน่นอนว่าจนวันนี้ก็ยังไม่คิดจะเปลี่ยนชื่อนี้เลยครับ มันชอบและชินไปเสียแล้ว

สวัสดี