การตรวจใจในความโสดอย่างยั่งยืน

การอยู่เป็นโสดโดยทั่วไปแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าเขายินดีในการเป็นโสด ก็อาจจะเป็นเพียงแค่โสดรอเสพ โสดหวังสูง โสดค่าตัวแพง ฯลฯ อะไรประมาณนี้

ก็อย่างที่รู้กันว่าการอยู่เป็นโสดแบบโลกีย์นั้นคือโสดแบบมีภพ มีกิเลสอาศัยอยู่ เพียงแต่มันนอนก้น ตกตะกอน ไม่แสดงตัว แต่ถ้ามีสิ่งที่หวัง ที่ฝันไว้ เช่นคนหน้าตาดี คนมีตัง คนอบอุ่น คนเป็นที่พึ่ง คนที่เข้าใจ คนมีธรรม คนในอุดมคติ ฯลฯ โผล่เข้ามาก็อาจจะใจแตกได้

คงจะมีแค่ส่วนน้อยในสังคมเท่านั้นที่สอนให้ยินดีในความโสด และในส่วนน้อยนั้นก็ยังมีวิธีที่แตกต่างกันออกไป ถูกบ้าง ผิดบ้างไปตามปัญญาของแต่ละท่าน แต่ก็ยังสามารถใช้หลักของพระพุทธเจ้ามาตรวจสอบได้ว่าที่เป็นอยู่ ที่เข้าใจอยู่ ที่เชื่ออยู่นั้นถูกต้องมั่นคงถาวรไม่เวียนกลับ ไม่แปรเปลี่ยนไปตามเหตุปัจจัยหรือกาลเวลาใด ๆ

เราสามารถประยุกต์หลักของพระพุทธเจ้าได้จากเวฬุทวารสูตร (เล่ม 19 ข้อ 1459) โดยเนื้อความของพระสูตรนี้เป็นเรื่องของการเบียดเบียน ซึ่งการมีสละโสดไปมีคู่นั้น ก็อยู่ในหมวดของการเบียดเบียนด้วยเช่นกัน

โดยสรุปแล้ว หลัก 3 อย่างที่จะประกันความโสดได้คือ 1.ตนเองต้องยินดีในความโสด 2.ชักชวนให้ผู้อื่นเป็นโสด 3.ยินดีในธรรมที่พาให้เป็นโสด

จิตของคนที่พ้นจากความอยากมีคู่ ยินดีในความโสด จะมีองค์ประกอบ 3 อย่างนี้โดยธรรมชาติ ไม่ต้องคิด ไม่ต้องบังคับ ไม่ต้องปรุงว่าเราจะต้องทำตาม 3 หลักนี้ มันจะเป็นไปเองอย่างนั้น ซึ่งนี้คือสภาพผลของการปฏิบัติที่ถูกตรงเท่านั้น ถ้าไม่ถูก จิตมันจะไม่มีสภาพ 3 อย่างนี้

บางคนดูเหมือนยินดีในความโสด แต่พอจะชักชวนคนอื่น หรือยินดีในธรรมที่เป็นโสดกลับไม่เข้าใจ ปรับใจตามไม่ได้ หรือบางคนยินดีในการเป็นโสด แต่พอไปร่วมงานแต่งงานกลับยินดีในธรรมฝ่ายตรงข้าม คือไปยินดีที่เขาแต่งงานกัน มีอาการชอบ ปลื้มใจ แบบนี้มันก็ไปคนละทิศ หรือจะตรวจง่าย ๆ ก็ดูคนรักกันทั่วไปก็ได้ จะรักกันจริงหรือในละคร พอเห็นแล้ว ถ้ามันชอบใจ ถูกใจก็ยังไม่พ้น

การปฏิบัติธรรมกับการหมั่นตรวจมรรคผลเป็นของคู่กัน ถ้าทำแล้วไม่มีการตรวจ ไม่มีการชี้วัด จากหลักฐานเช่นพระไตรปิฎกหรือผู้รู้จริงทั้งหลาย ก็อาจจะทำให้หลงเข้าใจผิดไปได้ว่าตนเองผ่านโจทย์นั้น ๆ

สภาพหลงบรรลุธรรมจะปิดกั้นการเรียนรู้ใหม่ในทุกกรณี เพราะสำคัญว่าตนเองผ่านแล้ว ได้แล้ว สำเร็จแล้ว จึงเสียโอกาสในการเรียนรู้เพิ่ม พลาดโอกาสในการตรวจสอบจุดพร่อง หรืออาจจะนำมาซึ่งเหตุเภทภัยอื่น ๆ จากความประมาณตนผิด

ผลิตผลเกษตรอินทรีย์ มูลนิธิธรรมะร่วมใจ

จากการไปเรียนรู้ที่ยโสธร ที่มูลนิธิธรรมะร่วมใจ ในกิจกรรม “หว่านข้าวสู่ผืนนา หว่านศรัทธาสู่หัวใจ” โดยทีวีบูรพา ก็ได้พบกับผลผลิตจากเกษตรอินทรีย์ส่วนหนึ่งครับ

เกษตรอินทรีย์นั้นจะไม่ใช้สารเคมีเลย ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง สารเร่งต่างๆ จากการสังเคราะห์ทางเคมีหรือแม้แต่ใช้พืชที่ตัดแต่งพันธุ์กรรม ทำให้เกษตรอินทรีย์นั้นเติบโตโดยพื้นฐานทางธรรมชาติทั้งสิ้น ทั้งนี้ก็จะใช้วัสดุและนวัตกรรมทางธรรมชาติแทนครับ เช่นน้ำหมัก ฮอโมนพืชต่างๆที่มีอยู่ในธรรมชาติ นั่นคือเอาธรรมชาติ ส่งเสริมธรรมชาติอีกที สรุปคือไม่ใช่สิ่งที่มีพิษมีภัยแน่นอนครับ

ทีนี้เกษตรกรหลายคนอาจจะคิดว่ามันได้ผลผลิตน้อยไม่พอขาย แต่จากที่ผมได้ไปศึกษาจากสวนลุงนิล จนถึงกิจกรรมในตอนนี้ผมก็ยังคิดว่ามันพอกินนะ สำหรับการพอขายเนี่ยมันแล้วแต่การวางแผนทางการค้า แต่ถ้าพอกินนี่มีแน่นอน เพราะพื้นที่ไม่มาก แต่ดูเหมือนจะให้ผลผลิตที่ดีทีเดียวเชียวล่ะ ลองมาดูกันนะ

ผลิตผลเกษตรอินทรีย์ มูลนิธิธรรมะร่วมใจ

มะเขือ
มะเขือ

มะเขือนี่อาจจะดูธรรมดาและพบเห็นได้ทั่วไปนะครับ ผลสุกนี่ถ้าเราเอามากินไม่ทันสุกจริงๆก็เก็บไปทำน้ำหมักชีวภาพได้ครับ เอามารดต้นไม้อีกทีงามนักล่ะ

บวบ
บวบ

บวบที่ไม่โดนปนเปื้อนด้วยสารเคมี สำคัญนะครับ บวบที่เราเอาไปขัดตัวขัดผิว หากมีการปนเปื้อนด้วยสารเคมีแล้วจะดีต่อผิวอันบอบบางของเราจริงหรือ หลายคนอาจจะบอกว่าเราแกะเปลือกใช้แต่ไส้ในของมัน แต่สารเคมีที่เกษตรเคมีใช้ส่วนใหญ่เป็นพวกดูดซึมครับ หมายความว่ามันก็ไปปนอยู่ในที่เราถูตัวนั่นแหละ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้โดนฉีดโดยตรงแต่ถ้าในพื้นที่มีการฉีดพ่นก็มีความเสี่ยงอยู่ครับ ดังนั้นถ้าไม่อยากเสี่ยงก็ควรจะมั่นใจกับแหล่งที่มาด้วยนะ

ไผ่ปลูกไว้ ได้ใช้ไม้ ได้กินหน่อ ได้รักษาพันธุ์ไผ่
ไผ่ปลูกไว้ ได้ใช้ไม้ ได้กินหน่อ ได้รักษาพันธุ์ไผ่

ที่มูลนิธิธรรมะร่วมใจนี่เขาปลูกไผ่ไว้หลายชนิดเลยครับ มีทั้งไผ่ใช้ไม้ ไผ่กินหน่อมากมาย มีเยอะขนาดนี้วันไหนอยากกินก็เดินไปหาๆดูก็น่าจะพบหน่อไม้ อิ่มสบายๆ แค่เดินรอบดงไผ่

มะละกอในแปลงสาธิตลูกดกและมีขนาดใหญ่
มะละกอในแปลงสาธิตลูกดกและมีขนาดใหญ่

มะละกอในแปลงสาธิตใหญ่ขนาดที่มือผมยังจับลำบาก ที่เห็นนี่ถือว่ายังเล็กนะครับ เมื่อเทียบกับมะละกอในสวนด้านหลังซึ่งไม่ได้ถ่่ายมาเพราะมัวแต่ไปถ่ายอย่างอื่น จะเห็นว่าผลผลิตที่ได้นั้นมีคุณภาพและความปลอดภัยมากทีเดียว

กล้วยพันธุ์พระราชทาน
กล้วยพันธุ์พระราชทาน

กล้วยพันธุ์พระราชทานครับ นี่เป็นกล้วยน้ำว้าลูกใหญ่ที่มีเปลือกบางครับ ซึ่งลองกินแล้วก็พบว่าหวานแต่พอดีครับ แต่ปัญหาคือกินลูกเดียวก็จะอิ่มแล้วครับ เลยไม่ได้ชิมลูกที่สองอยู่ คุณภาพคับหวีอีกเหมือนเดิมครับ

แตงโมอินทรีย์ ลูกเล็กหน่อยแต่อร่อยแบบมั่นใจ
แตงโมอินทรีย์ ลูกเล็กหน่อยแต่อร่อยแบบมั่นใจ

มาจบกันที่แตงโมครับ เคยได้ยินว่าแตงโมที่นี่ไม่ได้รดน้ำครับ ให้กินแต่น้ำค้างเอา ซึ่งนี่อาจจะไม่ใช่ขนาดของแตงโมที่ผมว่าก็ได้ เพราะที่เคยได้มามันใหญ่กว่านี้เยอะเลยครับ แต่ขนาดนี้ก็น่ารักดีครับ กินเป็นมื้อๆได้พอดีไม่ใหญ่มากขนาดพอเป็นของหวานประดับมื้อได้ ที่สำคัญปลอดภัยกับชีวิตครับ

นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของผลผลิตจากเกษตรอินทรีย์นะครับ จริงๆแล้วก็มีอีกมากมายที่งอกงามในดินร่วนปนทรายผ่านกรรมวิธีบำรุงดินแบบเกษตรอินทรีย์ให้โตและงอกงามอย่างยั่งยืนครับ

สวัสดี