ในวันที่แดดหายาก

จากข้อมูลที่เผยแพร่ในอินเตอร์เน็ต ดูเหมือนพายุคาจิกิ จะผ่านพ้นไปแล้ว คงเหลือแต่ผลกระทบที่ธรรมชาติได้แสดงผลแห่งความเป็นไปในสังคมให้ได้เห็น

ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้น ถ้ามองแบบโลก ๆ ส่วนหนึ่งก็เกิดขึ้นจากการจัดการผังเมืองที่ไม่ได้เตรียมรับปัญหาเหล่านี้ ก็อย่างที่รู้กัน เมืองไทยเป็นประเทศที่ภัยพิบัติน้อยเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ประชาชนชาวไทยจนกระทั่งภาครัฐก็ยังไม่ตื่นตัวเท่าที่ควร

ผมเองก็เช่นกัน มีปัญหาในชีวิตอยู่บ้าง แม้ปัญหาที่ผมเจอจะเป็นปัญหาที่เล็กมากเหมือนฝุ่นเมื่อเทียบกับสิ่งที่ชาวบ้านเขาเจอกัน

ปัญหาของผมก็คือ แดดมันไม่มี ก็เลยไม่ได้ซักผ้าเสียที เพราะซักไปมันก็จะเหม็นอับ ก็เลยเก็บไว้ก่อน อันนี้มันก็เกิดจากการที่เราจัดการไม่ดี แดดไม่มีก็เป็นปัญหาหนึ่ง แต่ปัญหาที่เป็นปัญหามากกว่าคือเราไม่แก้ปัญหา เรากลับรอให้แดดมันมา ซึ่งมันก็เป็นวิธีแก้ปัญหาทางหนึ่งนั่นแหละ แต่มันช้า มันนาน

สุดท้ายก็ทบทวนว่ามันมีทางออกอะไรบ้าง ก็มีซักแล้วเอามาผึ่งพัดลม หรือไม่ก็หาผงซักฟอกสูตรที่เหมาะกับการตากในร่ม หรือตากผ้าหน้าฝน ก็ได้ยินโฆษณาว่าเขามีผลิตมาเหมือนกัน เขาก็คงจะผลิตมาแก้ปัญหาแบบนี้แหละ เราก็ลองดู ถ้าลองแล้วได้ผลดี ก็ดี ถ้าลองแล้วไม่ดีก็เลิก หรือถ้ามีสิ่งใดที่มีองค์ประกอบดีกว่าก็เอา

แน่นอนว่าแดดคือสิ่งที่มีค่าในหน้าฝน เพราะพืชจะเจริญเติบโตได้ต้องมีแสงแดดเป็นองค์ประกอบ ถ้าได้ทั้งฝนตกแดดออก นี่ก็น่าจะโตไว พืชก็ใช้ประโยชน์จากฝนตกแดดออกนี่แหละ เป็นปัจจัยในการพัฒนาของมัน เราเองก็น่าจะใช้ทั้งฝนตกและแดดออกให้เจริญเช่นกัน แม้ปัญหาน้อย ๆ ในชีวิตก็หัดเอามาตรวจตัวเอง ตรวจทั้งกิเลส ตรวจทั้งความยึดมั่นถือมั่น ก็ตรวจใจกันไป

พายุโพดุล-คาจิกิ ท่วมต่อเนื่อง

ดูข่าวพายุช่วงนี้ แม้ดูเผิน ๆ ว่า พายุเหล่านี้จะไม่แรงมาก แต่ผลกระทบเยอะมาก น้ำท่วมกันหลายพื้นที่ ที่สวนผมก็ได้ผลกระทบเหมือนกัน คือถนนในพื้นที่เป็นโคลน ทำให้เดินทางเข้าออกโดยรถไม่ได้ แต่ก็ยังเดินออกไปทำธุระใกล้ ๆ ได้

เรียกว่าได้รับผลกระทบน้อยมาก เมื่อเทียบกับที่ชาวบ้านเขาโดน ผมเองไม่เคยเจอประสบการณ์น้ำท่วมบ้าน แต่ก็มีญาติที่น้ำท่วมบ้านและเคยบุกเข้าไปช่วยกันอพยพคนมาแล้ว เรียกว่าทุลักทุเลมาก และใช้พลังงานมาก

การช่วยเหลือกันในยามน้ำท่วมนี่เป็นอะไรที่ยากลำบากมาก เพราะเข้าถึงพื้นที่ได้ยาก และอันตรายมาก เพราะเราไม่เห็นว่ามีอะไรใต้น้ำ แถมยังอันตรายเรื่องกระแสไฟฟ้ารั่วอีก ทีเดียวถึงตายได้เลย ก็รู้สึกเห็นใจทั้งผู้ประสบภัยและเจ้าหน้าที่ รวมทั้งจิตอาสาที่ทำงานในพื้นที่

ถ้ามีพายุเข้าอีกลูก ก็เรียกว่าต่อเนื่องกันถึง 3 ลูก ผมว่าบ้านเมืองนี่อัมพาตเลย แม้จะยังไม่มีผลกระทบถึงกรุงเทพมากนัก แต่ถ้าท่วมตรงไหน มันก็ทุกข์ตรงนั้นแหละ ทุกข์นี่มันน่ากลัวจริง ๆ คงต้องเร่งศีกษา และพาตนเองให้พ้นทุกข์ให้ไวที่สุด

ช่วงพายุเข้า

หลังจากผลของพายุโพดุล ก็มาต่อเนื่องกันกับพายุคาจิกิ เรียกว่าเปียกกันต่อเนื่องไม่ต้องพักเลย ซึ่งผมจะได้ว่ามีแดดออกอยู่หนึ่งวันระหว่างนั้น แล้วจนวันนี้ก็ไม่มีแดดอีกเลย ฟ้ามืดเปียกฝนกันตลอด

ฝนตกมันก็ดีตรงไม่ต้องรดน้ำต้นไม้ พอพายุเข้าก็เลยถือโอกาสปลูกต้นไม้ไปด้วยเลย เพราะต้นไม้จะได้ตั้งตัวได้ไว ไม่ต้องคอยรดน้ำ อันนี้ก็ข้อดี

แต่ถ้าฝนตกมากเกินไป มันก็ปลูกต้นไม้ได้ยาก เพราะมันเฉอะแฉะ จะว่าปลูกได้ไหม มันก็ปลูกได้ แต่มันลำบาก มันเละ มันหนัก ก็เลยต้องหาช่วงที่ฝนมันทิ้งช่วง ไม่ตก ให้พื้นแห้ง ๆ ขึ้นบ้าง นอกจากจะไม่แฉะแล้วยังปลอดภัยจากสัตว์มีพิษอีก ตั้งแต่มดไปถึงงูนั่นแหละ

น้ำท่วม ปัญหาน้ำท่วมและสาเหตุน้ำท่วม

ก่อนอื่นก็ต้่องบอกกันเลยว่าสิ่งที่เห็นในตอนนี้ กับเหตุการณ์น้ำท่วมนั้นมีหลายความรู้สึกมากมายเหลือเกิน ซึ่งจะบอกว่ามันแย่มากก็คงจะใช่ แต่ชีวิตไม่ได้มีไว้ให้ล้ม ดังนั้นเราจึงต้องสู้กันต่อไป

ขอเอาใจช่วยพี่น้องชาวไทยทุกท่านที่กำลังประสบปัญหาน้ำท่วมในขณะนี้ให้เอาตัวรอดปลอดภัยไปได้ สำหรับทรัพสินนั้นก็ขอให้เสียน้อยที่สุดเท่าที่จะเสียได้ โดยมุ่งรักษาชีวิตและความมั่นคงในอนาคตเป็นสำคัญ

ปัญหาน้ำท่วม

ปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายภาคส่วน หลายจังหวัดในประเทศไทยตอนนี้เป็นปัญหาที่รุนแรงและจำเป็นต้องหาทางแก้ไขกันอย่างรวดเร็ว แต่แน่นอนว่าปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นในจุดใดจุดหนึ่งหรือทีละจุด แต่มันเกิดพร้อมๆกัน ดังนั้นการคาดหวังความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่รัฐนั้นควรจะคิดเป็นอย่างหลัง ซึ่งในสถานะการณ์ที่จำเป็นต้องแก้ปัญหา เราจำเป็นต้องมุ่งไปที่ตัวปัญหา นั่นคือน้ำท่วม

น้ำท่วมแล้วจะแก้อย่างไร เช่นบ้านจมไปหมดแล้ว ณ จุดนี้ขอให้ทำใจให้สบาย นึกว่าต่อไปจะทำอย่างไรดี ดีกว่าที่จะคิดว่าจะเสียอะไรให้นึกว่าต่อไปแล้วเราเหลืออะไร แล้วจะได้อะไรได้บ้าง เพราะน้ำท่วมฝนแล้งนี่ต่อให้เป็นเทวดาผู้วิเศษมาจากไหน เป็นใครก็คงจะช่วยแก้ทันทีไม่ได้ ดังนั้นควรจะคิดต่อไปว่า หลังจากน้ำลดจะวางแผนอย่างไรดี เพราะน้ำท่วมครั้งนี้เป็นสัญญาณให้คนไทยเรารู้สึกตัวเสียทีว่าเรากำลังจะเผชิญกับอะไร เราควรป้องกันอย่างไร

ป้องกันน้ำท่วม

ผมเคยได้ยินว่าชาวไทยนั้นมี รูปแบบการป้องกันน้ำท่วมที่ดีอยู่แล้ว นั่นคือบ้านที่มีใต้ถุน แน่นอนว่าบ้านในสมัยนี้นั้นแทบจะไม่หลงเหลือเค้าโครงไทยอยู่แม้แต่น้อย เราใช้แบบบ้านสมัยใหม่ ซึ่งถ้าน้ำมันท่วม ก็โดนแน่นอนอย่างบ้านผมเองก็คงจะไม่รอดเหมือนกัน ปัญหาน้ำท่วมนั้นสร้างความเสียหายได้มากมายนัก ซึ่งขอบเขตความเสียหายนั้นก็จะใหญ่ และเกินจะควบคุมได้ เพราะปริมาณน้ำนั้นไม่ได้มาจากน้ำมือมนุษย์แต่มาจากธรรมชาติ

สำหรับการเกษตร ผมเคยได้ยินว่ามีข้าวที่ต้นยืดยาวได้ตามระดับน้ำ นั่นหมายถึงว่า มันจะเจอน้ำท่วมแค่ไหนมันก็จะรอดได้ แน่นอนว่าข้าวพันธุ์นี้ไม่ได้ถูกปลูกเท่าไรนักเพราะผมได้ยินว่ามันเป็นข้าวนาปี ปลูกได้ปีละครั้ง แต่จากประสบการณ์และความรู้ในการพัฒนาพันธุ์ทำให้ผมรู้ว่า มันสามารถเอามาผสมกับข้าวที่มีลักษณะเด่นอื่นๆให้มันดีขึ้นได้ ซึ่งเหมาะกับยุคแห่งหายนะนี้แน่นอน

ส่วนการใช้กระสอบทรายป้องกันน้ำท่วมนั้นเป็นวิธีที่ดี แต่ผมเองก็ยังคิดว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แน่นอนว่ามันต้องใช้ แต่ถ้าหากเราไม่คิดนวัตกรรมเพื่อป้องกันน้ำท่วมใหม่ เราอาจจะลำบากตอนน้ำมาอีกทีก็ได้ เพราะกระสอบทรายเนี่ยมันก็ไม่ใช่ของที่จะหากันได้ง่ายๆ ตอนน้ำท่วมหรอกนะครับ เพราะใครๆก็ต้องการ ดังนั้น การป้องกันน่าจะมีทางอื่นที่เข้ามาเสริมด้วย

สาเหตุที่น้ำท่วม

เราอาจจะเห็นว่าฝนตกหนัก พายุพัดเข้าตลอดทำให้มีปริมาณน้ำฝนและน้ำในดินมากทำให้น้ำท่วม แต่นั่นเป็นแค่ผลกระทบปลายเหตุ ทำไมฝนจึงตก ทำไมจึงมีพายุ ทั้งๆที่เมื่อก่อนในภูมิภาคเราไม่ได้มีพายุบ่อยขนาดนี้

สิ่งที่ผมคิดอยู่ตอนนี้คือปัญหาโลกร้อน การตัดไม้ทำลายป่าทำลายสมดุลที่เคยมี แต่นั่นหมายถึงการเปลี่ยนแปลงสู่สมดุลใหม่ ที่ผมหมายถึงคือ สิ่งที่เราเจอกันอยู่ทุกวันนี้ พอถึงจุดหนึ่งอาจจะเป็นเรื่องที่เกิดทุกปี ทุกเดือน หรือทุกวันก็เป็นได้ ซึ่งใครที่สามารถปรับตัวและปรับวิถีชีิวิตตามสภาพที่เปลี่ยนแปลงไปได้นี้ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าคนปรับเปลี่ยนไม่ได้ก็ลำบากหน่อย

ส่วนจะไปเรียกร้องให้ทุกคนรักโลก ดูแลโลก ผมว่าตอนนี้ไม่ทันแล้วแหละครับ ดอกผลแห่งเทคโนโลยีและความเจริญในอุตสาหกรรมกำลังย้อนกลับมาเล่นงานเรา ซึ่งมันก็รวดเร็วและถี่ขึ้นเรื่อยๆ ผมเองไม่สนใจว่าชาติไหนจะปล่อยสาร หรือก๊าซมากกว่ากันเพราะจริงๆแล้วเราก็ใช้อากาศเดียวกันทั้งโลก ดังนั้นการจะเกี่ยงว่าฉันทำฉันเก็บ เธอทำเธอเก็บก็คงจะเป็นเรื่องที่ไม่เป็นผลดีกับโลกนัก การปรับทัศนคติของคนหมู่มากนั้นยาก ดังนั้นปรับเปลี่ยนวิถีชีิวิตของตนเองรับกับสภาพที่เจอนั้นน่าจะง่ายกว่าเยอะ

สุดท้ายขออวยพรให้ทุกท่านโชคดีปลอดภัย

สวัสดี