ข้าวสารที่กินต่อวัน
วันก่อนผมนั่งอ่านบันทึกเก่า สมัยที่มาอยู่ที่นี่ใหม่ ๆ การทำอาหารเองนั้นต่างจากการกินอาหารที่คนอื่นทำให้มากนัก ซึ่งก็มีข้อดีข้อเสียและข้อจำกัดต่างกันไป
ในกรณีของผมคือต้องทำอาหารเป็นบนข้อจำกัดของทรัพยากร เพราะผมไม่มีตู้เย็น ดังนั้นการซื้อผักและวัตถุดิบอื่น ๆ จึงต้องวางแผนมากกว่าการซื้อมาเก็บตุนไว้
ข้าวก็เช่นกัน ผมซื้อข้าวมาจากกรุงเทพฯ เป็นข้าวไร้สารพิษที่ราคาไม่แพง ข้าวที่สีต่างกันนั้นให้พลังงานต่างกัน ข้าวกล้องก็อยู่ได้นานหน่อย แต่ต้องเคี้ยวละเอียดมากกว่า หุงแล้วแข็งที่สุด ข้าวซ้อมมือก็กลางๆ ส่วนข้าวขัดขาวผมไม่ได้กินเพราะให้พลังงานต่ำมาก กินไปแล้วหิวไว ไม่อยู่ท้อง
เมื่ออ่านบันทุึกไปก็พบว่า ผมเริ่มจากการหัดกินข้าวด้วยการตวง 2 กระป๋อง ทดลองว่าจะมีพลังงานพอไหม จนลดมาเรื่อย ๆ มาถึง 1 กระป๋องแบบไม่ต้องพูน เอาแค่ปริ่ม ๆ ก็มีพลังงานพอจะทำงานทั้งวันแล้ว
พลังงานทั้งวันนี้หมายถึงข้าวเท่านี้สำหรับหนึ่งวัน ไม่ใช่หนึ่งมื้อ(1/3 มื้อ) คือกินมื้อเดียวจบไปเลย สะดวกดี ยิ่งกินหลายมื้อชีวิตยิ่งจะยุ่งยาก กินมื้อเดียวชีวิตจะเรียบง่ายเป็นสุข
ผมเคยวัดตวงดูว่าข้าวที่กินนั้นวันหนึ่งกินเท่าไหร่ ลองแล้วก็ประมาณ 1 ขีด หมายความว่าเดือนหนึ่ง 31 วันผมจะกินข้าว 31 ขีด หรือ 3.กิโลกรัมกับอีกหนึ่งขีด
ข้าวซ้อมมื้อไร้สารพิษที่ซื้อกินอยู่นั้นเขาขายกันกิโลกรัมละประมาณ 35 บาท ดังนั้นหากผมกินข้าวในอัตราดังที่กล่าวมานี้ ถ้าคิดแบบเผื่อ ๆ ผมจะใช้ข้าวไม่เกิน 4 กิโลกรัมต่อเดือน คิดเป็นเงินประมาณ 140 บาท นั่นคือค่าข้าวสารต่อเดือนของผม
ปัดให้กลม ๆ ก็ 150 บาท อันนี้คือ ค่าข้าวสารต่อเดือนที่ที่คำนวณได้ ณ ข้อมูลขนาดนี้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามากไปหรือน้อยไป เพราะยังไม่ได้เทียบกับใคร แต่ถ้าเทียบกับตัวเองเมื่อก่อนก็ถือว่าน้อยลงนะ