ข้าวผัดข้าวโพด

ข้าวผัดข้าวโพด

ข้าวผัดข้าวโพด

หลังจากลองข้าวโพดทอดวันก่อนแล้วไม่ค่อยโอเค เพราะนอกจากเปลืองน้ำมันแล้วยังเสียสุขภาพอีก

คราวนี้เลยลองข้าวผัดข้าวโพด เพราะอยากรู้ความหวานของข้าวโพดว่ามันจะขนาดไหน

ผมทดลองหุงข้าวพร้อมข้าวโพดส่วนหนึ่ง และนำข้าวโพดไปต้มก่อนผัดส่วนหนึ่ง โดยให้น้ำข้าวโพดที่ต้มนั้นยังคงเหลือในกะทะ

ใส่ผักเท่าที่พอจะมี คือไปเด็ดใบอ่อมแซ่บป่า ใบโหระพามาใส่ โรยเกลือไปอีกนิด ใส่น้ำมันพอให้มันไม่ติดกันมาก แล้วก็ผัด ผัด ผัด แค่พอคลุกเคล้ากัน และดูให้แห้งนิด ๆ

พอลองชิมแล้วก็รู้สึกว่าหวานมาก นี่ข้าวผัดที่ใส่ข้าวโพดแค่ฝักเดียวยังหวานได้ขนาดนี้เลย ก็เพิ่งจะรู้เหมือนกัน

อาหารมื้อนี้ทุนต่ำมาก ข้าวโพดก็ 5 บาท ข้าวก็ประมาณ 4 บาท ผักก็เด็ด ๆ เอา มีเกลือกับน้ำมันอีกนิดหน่อย 1 บาทแล้วกัน น้ำคงไม่ได้คิดเพราะช่วงนี้ใช้น้ำฝน สรุป มื้อนี้ทุน 10 บาท

[11] การก่อไฟในวันที่ฝนตก

diary-0011-การก่อไฟในวันที่ฝนตก

11. การก่อไฟในวันที่ฝนตก

สิ่งที่ยุ่งยากสิ่งหนึ่งในวันฝนตกหรือวันที่อากาศชื้นมากก็คือการก่อไฟ

ถ้าหากเรามีพื้นที่แห้งมากพอก็คงจะไม่เป็นปัญหาอะไรนัก แต่ในส่วนของที่นี่ พื้นที่ที่จะหลบให้พ้นจากความชื้น มีไม่มากนัก

เอาแค่ชื้นก็ก่อไฟยากแล้ว ถ้าเปียกยิ่งแล้วใหญ่ ต้องเปลืองเชื้อเพลิงตั้งต้น ต้องเปลืองแรงมากในการพัด แม้ถ่านจะติดไฟขึ้นมาก็ไม่ได้ความว่ามันจะติดตลอดไป ต้องคอยพัดเลี้ยงไฟให้มันร้อนจนไล่ความชื้นโดยรวมให้ออกไปให้หมด จึงจะวางใจได้

ในส่วนของถ่านนั้น ผมเก็บไว้ในร่ม แต่ก็ยังหนีไม่พ้นความชื้น ส่วนฟืนหรือไม้นั้น ตากไว้กลางแจ้ง ถ้าในวันฝนตกก็เรียกว่าใช้ยากขึ้นมาเลยทีเดียว ตอนนี้ยังไม่ได้ทำที่เก็บให้มันพ้นความชื้น ค่อยว่ากันต่อไป

จิ้งจก

จิ้งจก

จิ้งจก

นั่งพักอยู่ จิ้งจกตัวนี้ก็ตกลงมากลางท้อง… เป็นตัวที่สองในชีวิตที่ตกลงมาใส่ตัว ตัวแรกตกลงมาใส่หัวสมัยเด็ก ๆ

ที่นี่มีจิ้งจกเยอะมาก จิ้งจกแต่ละตัวอ้วนท้วนสมบูรณ์กันหมด เพราะมีแมลงเยอะ

จิ้งจกที่นี่ไม่ค่อยร้อง หากินกันเงียบ ๆ ตอนกลางคืนจะมาหากินรอบ ๆ มุ้ง เพราะมีมากแมลงมาก ซึ่งแมลงเหล่านั้นก็คงจะมาตามแสงไฟที่เปิดไว้

หญ้าเจ้าชู้

หญ้าเจ้าชู้

หญ้าเจ้าชู้

มาครั้งนี้หญ้าเต็มไปหมด โดยเฉพาะหญ้าเจ้าชู้ที่ติดถุงมือ เสื้อผ้ามาในระหว่างทำงาน

เวลาที่พักเหนื่อยจากการถางหญ้า ก็คือเวลาที่จะมาดึงฝักหญ้าเจ้าชู้ออกนี่แหละ ติดเต็ม ติดทั่วไปหมด ดึงใส่ขันแล้วเอาไปใส่เตาตอนทำอาหาร จะได้ไม่เพิ่มจำนวนมาก

หรือบางมุมก็ต้องดึงดอกหญ้าเจ้าชู้ออกก่อนเลย เพราะเยอะมาก ถ้าเกี่ยวหญ้าก่อนก็ต้องมาเสียเวลาดึงหญ้าเจ้าชู้ที่ติดตัวมาทีหลังอีก ก็เลยได้เป็นช่อหญ้าเจ้าชู้อย่างที่เห็นในรูป

จริง ๆ หญ้าเจ้าชู้นั้นก็อันตรายเหมือนกัน หากหนามของมันปักและฝังในเนื้อ ก็จะทำให้เจ็บปวด รำคาญได้ และการจะเอาออกนั้นก็ไม่ง่าย เพราะทั้งเล็ก ทั้งลึก บางทีต้องปล่อยทิ้งไว้เป็นอาทิตย์กว่าจะเอาออกได้

ข้าวโพด

ข้าวโพด

ข้าวโพด

ซื้อข้าวโพดมาจากตลาด เป็นข้าวโพดที่เขาเด็ดกันสด ๆ ใหม่ ๆ เราจะซื้อทั้งเปลือก เพราะจะเก็บไว้กินอีกวันสองวัน แต่เจ้าของร้านบอกว่าถ้าเก็บไว้กินวันอื่นมันจะจืดนะ เราก็ว่าไม่เป็นไร

เพิ่งรู้เหมือนกันว่าข้าวโพดที่เด็ดหลายวันแล้วจะจืดลง ไม่หวานเหมือนข้าวโพดที่เด็ดมาวันแรก ทั้งนี้ก็ยังไม่ได้ลองชิมหรอกนะ เป็นข้อมูลที่เขาให้มา เพราะปกติก็ได้กินแต่ข้าวโพดที่ขายกันตามซูเปอร์มาเก็ต มันก็คงจะหลายวันแล้วนั่นแหละ แต่ก็ยังหวานอยู่ดี ถ้าได้กินสดจะหวานขนาดไหน เดี๋ยววันหลังจะลองเปรียบเทียบดู

ข้าวโพดนี้ 4 ฝัก 20 บาท จำไม่ได้ว่ากี่กิโล น่าจะสองนะ?? เพราะฝักใหญ่เหมือนกัน ที่เห็นปลายมันไม่ค่อยสวยนั้นเพราะหมักอยู่ในถุงที่ซื้อมาวันนึง มันเลยเน่า ๆ ไปนิดหน่อย

วันแรกลองเอาข้าวโพดนี้ไปทอดสองฝัก สองฝักก็ทุนสิบบาท เอาไปชุบแป้งทอดละนะ สรุปก็กินได้แต่ไม่ค่อยดีเลยไม่ได้ถ่ายรูปไว้ เพราะนอกจาจะกทอดไหม้และอมน้ำมันมากแล้ว เมล็ดข้าวโพดยังระเบิดได้อีก การทอดข้าวโพดนี่น่ากลัวจริง ๆ

[10] ต้นกระถินที่ลอยมาตามน้ำหลาก

diary-0010-ต้นกระถินที่ลอยมาตามน้ำ

10. ต้นกระถินที่ลอยมาตามน้ำหลาก

ปีที่แล้วผมเคยสงสัยนะ ว่าอะไรที่เป็นเหตุให้ต้นกระถินต้นนี้ มาทับบันไดลงคลองที่ผมทำไว้…?

เนื่องจากเป็นบ้านริมคลอง ก็เลยทำทางลงคลองไว้ ซึ่งทางลงนี่ก็ค่อนข้างจะชันและไกล คลองนั้นสูงจากบ้านประมาณ 7-8 เมตรได้ ช่วงปีก่อนเลยทำบันไดลงไว้ด้วยปูน จะได้แข็งแรงประมาณหนึ่ง

ทีนี้พอมาดูอีกทีช่วงหน้าหนาวสิ้นปี ไม่รู้มีต้นกระถินยักษ์มาจากไหน พังบันไดที่ผมทำไว้อย่างที่เห็นในรูป และจุดที่ต้นกระถินอยู่นั้นสูงกว่าน้ำตั้งสามเมตร แถมกระถินต้นนั้นยังใหญ่กว่ากระถินทั่วไปมาก ใหญ่แบบที่ว่าเกิดมาไม่เคยเห็นกระถินใหญ่เท่านี้เลย

ก็งงอยู่เป็นปีว่ามันมาได้อย่างไร แถวนี้ก็ไม่น่าจะมีกระถินต้นใหญ่ขนาดนี้ ถ้ามีชาวบ้านเขาคงตัดไปใช้กันหมดแล้ว แล้วมันมาอย่างไร ???

จนในปีนี้เห็นน้ำหลากกับตาก็เข้าใจ น้ำนั้นแรงมาก และสูงมากพอที่จะพัดกระถินต้นนี้มาได้

สรุปที่บันไดพัง คือธรรมชาติลงโทษ…

ข้าวสารที่กินต่อวัน

ข้าวสารต่อวัน

ข้าวสารที่กินต่อวัน

วันก่อนผมนั่งอ่านบันทึกเก่า สมัยที่มาอยู่ที่นี่ใหม่ ๆ การทำอาหารเองนั้นต่างจากการกินอาหารที่คนอื่นทำให้มากนัก ซึ่งก็มีข้อดีข้อเสียและข้อจำกัดต่างกันไป

ในกรณีของผมคือต้องทำอาหารเป็นบนข้อจำกัดของทรัพยากร เพราะผมไม่มีตู้เย็น ดังนั้นการซื้อผักและวัตถุดิบอื่น ๆ จึงต้องวางแผนมากกว่าการซื้อมาเก็บตุนไว้

ข้าวก็เช่นกัน ผมซื้อข้าวมาจากกรุงเทพฯ เป็นข้าวไร้สารพิษที่ราคาไม่แพง ข้าวที่สีต่างกันนั้นให้พลังงานต่างกัน ข้าวกล้องก็อยู่ได้นานหน่อย แต่ต้องเคี้ยวละเอียดมากกว่า หุงแล้วแข็งที่สุด ข้าวซ้อมมือก็กลางๆ ส่วนข้าวขัดขาวผมไม่ได้กินเพราะให้พลังงานต่ำมาก กินไปแล้วหิวไว ไม่อยู่ท้อง

เมื่ออ่านบันทุึกไปก็พบว่า ผมเริ่มจากการหัดกินข้าวด้วยการตวง 2 กระป๋อง ทดลองว่าจะมีพลังงานพอไหม จนลดมาเรื่อย ๆ มาถึง 1 กระป๋องแบบไม่ต้องพูน เอาแค่ปริ่ม ๆ ก็มีพลังงานพอจะทำงานทั้งวันแล้ว

พลังงานทั้งวันนี้หมายถึงข้าวเท่านี้สำหรับหนึ่งวัน ไม่ใช่หนึ่งมื้อ(1/3 มื้อ) คือกินมื้อเดียวจบไปเลย สะดวกดี ยิ่งกินหลายมื้อชีวิตยิ่งจะยุ่งยาก กินมื้อเดียวชีวิตจะเรียบง่ายเป็นสุข

ผมเคยวัดตวงดูว่าข้าวที่กินนั้นวันหนึ่งกินเท่าไหร่ ลองแล้วก็ประมาณ 1 ขีด หมายความว่าเดือนหนึ่ง 31 วันผมจะกินข้าว 31 ขีด หรือ 3.กิโลกรัมกับอีกหนึ่งขีด

ข้าวซ้อมมื้อไร้สารพิษที่ซื้อกินอยู่นั้นเขาขายกันกิโลกรัมละประมาณ 35 บาท ดังนั้นหากผมกินข้าวในอัตราดังที่กล่าวมานี้ ถ้าคิดแบบเผื่อ ๆ ผมจะใช้ข้าวไม่เกิน 4 กิโลกรัมต่อเดือน คิดเป็นเงินประมาณ 140 บาท นั่นคือค่าข้าวสารต่อเดือนของผม

ปัดให้กลม ๆ ก็ 150 บาท อันนี้คือ ค่าข้าวสารต่อเดือนที่ที่คำนวณได้ ณ ข้อมูลขนาดนี้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามากไปหรือน้อยไป เพราะยังไม่ได้เทียบกับใคร แต่ถ้าเทียบกับตัวเองเมื่อก่อนก็ถือว่าน้อยลงนะ

[9] ฝนตก น้ำเชี่ยว คลองลึก

diary-0009-ฝนตก-น้ำเชี่ยว-คลองลึก

9. ฝนตก น้ำเชี่ยว คลองลึก

ช่วงวันสองวันก่อน มีฝนตกเกือบทั้งวัน ตกกันทีก็นาน อย่างวันก่อนก็ตกตั้งแต่ตี 3 จนเกือบ 10 โมง

บ้านที่ผมอาศัยอยู่นั้นก็สร้างอยู่ริมคลอง แต่ก็ไม่ได้ติดกันหรอก คลองนี้เป็นคลองที่ลึก เพราะจากตัวบ้านจะลงไปคลองนั้นมีความสูงประมาณ 7 เมตร ไม่เหมือนกับบ้านริมคลองทั่วไป

ผมก็เคยสงสัยว่าทำไมมันต้องสูงขนาดนี้ อยู่ที่นี่มาสามปีแต่ก็ไม่เคยมาอยู่ในช่วงเวลานี้เลย

ซึ่งครั้งนี้ก็ได้คำตอบว่ามันสูงไปตามน้ำที่ไหลมา อย่างวันก่อนที่ฝนตกนาน น้ำขึ้นสูงจากเดิมมาประมาณ 3 เมตร จากที่เคยเดินเสมอเข่า กลับสูงท่วมหัว และลดลงจนระดับน้ำเท่าเดิมภายในวันต่อมา

ในปี 2554 ที่น้ำท่วมใหญ่นั้น เขาว่าน้ำมันสูงถึง 7 เมตรเลย คือสูงประมาณบ้านผมนี่แหละ แต่ตอนนั้นยังไม่ได้สร้างบ้านนะ ยังไม่ได้มาอยู่ที่นี่ แต่คิดว่าถึงจะท่วมเหมือนเดิมอีกก็น่าจะไม่มีปัญหา เพราะไม่ใช่น้ำท่วมขัง คือมันผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ท่วมเร็วก็ลดลงเร็ว อย่างที่มันเป็นในวันนี้ เมื่อวานสูงสามเมตร วันนี้เหลือประมาณเมตรเดียว..

ใบสะเดา

ใบสะเดา

ใบสะเดา

ที่นี่มีต้นสะเดาปลูกอยู่บ้าง ซึ่งผมก็ซื้อมาปลูกเพิ่มเหมือนกัน เพราะสะเดานั้นโตเร็ว ต้นตรง ให้ร่มเงาได้ไว แถมใบยังมีคุณค่า แล้วยังกินได้อีก

สารพัดประโยชน์จริง ๆ สำหรับต้นสะเดา นี่ก็ค่อย ๆ ริดกิ่ง แล้วเอามาเด็ดใบออกมาคลุมและผสมกับดิน ถ้ารูดใบออกตอนสด ๆ จะรูดได้ง่าย

ใบสะเดานี่เขาเอามาขายกันด้วยนะ เขาเอาไว้กันแมลง ใบแห้งเขาก็ขาย พวกน้ำหมักใบสะเดาเขาก็เอาไว้ฉีดพ่นป้องกันแมลงกัน แต่ถ้าเราปลูกไว้เองนี่จะมีใช้ไปตลอด ดีสุด ๆ

มันต้ม

มันต้ม

มันต้ม

มันเทศที่ซื้อมาวันก่อน เอามาต้ม เป็นมันเทศสีส้ม ไม่หวานมาก กำลังดี บางทีหวานไปก็ไม่ดี จะติดหวานเปล่า ๆ เอาเท่าที่มี หาได้ง่าย กินพออิ่มนี่แหละ

ผมเลือกหัวมันที่ค่อนข้างเล็ก เพราะต้มให้สุกได้ง่าย มันหัวใหญ่ต้มสุกยากกว่า ใช้พลังงานมากกว่า แถมกินยากกว่าอีก แต่ก็อาจจะหวานกว่า เพราะสะสมธาตุอาหารมามากกว่า ก็ลองกินกันไป

ซื้อมันมา คิดว่าเอามาต้มนี่ง่ายที่สุดแล้ว ต้มแล้วก็เก็บไว้ได้ข้ามวันโดยไม่ต้องใส่ตู้เย็น ดีจริง ๆ มันต้ม