ยามเย็น

diary-0025-ยามเย็น

ยามเย็น

พอมองบรรยากาศตอนเย็นแล้วก็คิดถึงความแตกต่างจากบ้านที่กรุงเทพฯ ที่นี่ไม่มีอะไรเลย มีแต่ทุ่งหญ้า ไร่นา ภูเขา ต้นไม้… แสงยามเย็นจึงไม่มีอะไรบังมากนัก เต็มที่ก็ภูเขาบัง แต่กรุงเทพฯ นี่ตึกบัง บ้านบัง ป้ายบัง ก็เป็นความแตกต่างของเมืองกับชนบท มันก็เป็นของมันอย่างนั้น

ในตอนที่แสงแดดอ่อน ๆ ยามเย็นกำลังจะหมดไป ลมหนาวก็พัดมา ช่วงก่อนหน้านี้จะหนาวแค่ตอนเช้ากับตอนหัวค่ำ แต่ตอนนี้เหมือนจะมีลมหนาวพัดมาทั้งวัน แต่ยังไม่ถึงกับหนาวมาก แค่ยืนขุดดินตากแดดตอนเช้า 8.00 น ก็ยังหนาวจนอยากใส่ชุดกันหนาวทั้งตัวทีเดียว

ถ้าเป็นสมัยก่อนผมก็คงจะอยากไปเที่ยวประเทศที่เขาหนาวสุด ๆ มีหิมะ มีธารน้ำแข็ง แต่ตอนนี้ไม่เอาแล้ว อยู่ที่นี่ แค่หนาวเท่านี้บางทีก็ลำบากร่างกายแล้ว เลยไม่รู้จะไปหาหนาวกว่านี้ทำไม

หน้าหนาวนี่ก็ดีอย่าง ทำงานเหงื่อแห้งไว ไม่เลอะเทอะนัก ส่วนหน้าฝนนี่ลำบากสุด คือเหงื่อออกมาก ยุงเยอะ เลอะเทอะ แต่ให้ผลผลิตดีสุด ผักโตไวดี ส่วนหน้าร้อนนี่เสียน้ำเยอะ คนก็ต้องกินน้ำบ่อย ต้นไม้ก็เช่นกัน

วันฟ้าใสที่ใครหลายคนรอคอย

วันนี้เป็นอีกวันที่ฟ้าใสมากๆ หลังจากที่ช่วงอาทิตย์ก่อนหรือเดือนก่อนที่ผ่านมานั้น ฝนกระหน่ำตกทุกวัน เช้า เย็น ค่ำ ไม่เคยปล่อยให้ฟ้าใสเหมือนวันนี้

วันนี้เป็นอีกวันที่ฟ้าใส ซึ่งเมื่อผมเห็นฟ้าใสๆแบบนี้ก็คิดอย่างเดียวเลยว่าต้องตากผ้า ผ้าที่แห้งภายใต้ไอแดดนี้ จะมีกลิ่นหอมอ่อนๆของผงซักฟอก และความอบอุ่นของแสงอาทิตย์อยู่ ซึ่งผมชอบมากๆเลยทีเดียว และเชื่อว่าใครๆก็ชอบตากผ้าภายใต้ฟ้าที่ไร้เมฆแบบนี้

วันฟ้าใสที่ใครหลายคนรอคอย
วันฟ้าใสที่ใครหลายคนรอคอย

เป็นมุมมองที่ผมถ่ายรูปไว้ให้เห็นว่า ไม่มีเมฆบนฟ้าเลยแม้แต่ก้อนเดียว แน่นอนว่านี่คือมุมมองเดียวที่เห็น และแม้ว่าจะมองไปรอบๆก็เห็นเมฆบางตา และเมฆไกลๆที่รู้ว่ายังไงก็ไม่ใช่เมฆฝนอย่างแน่นอน ผมหวังว่าฟ้าแบบนี้จะเป็นแบบนี้ต่อไปจนกว่าผ้าของผมจะแห้ง…

สวัสดี