ครั้งนี้ผมไปร่วมงานกับทีวีบูรพาอีกแล้วครับ เป็นงานมอบรางวัลครับ งานนี้ผมเป็นผู้ติดตามแม่ผมไปอีกทีครับผม เล่าเรื่องพร้อมๆกับดูรูปกันไปเลยแล้วกัน
ไปถึงก็ต้องไปลงทะเบียนกันก่อนเลยครับ เจอพี่ประวิทย์ที่เคยดูแลตอนไปสวนลุงนิลมาทักทายพร้อมอำนวยความสะดวกให้ และได้บัตรที่นั่งมา เป็นเบอ V5 ถ้านับดูในใจแล้ว V มันห่างจาก A มากเลยนะนั่น ไม่ป็นไรครับ ผมชอบนั่งหลังๆอยู่แล้ว
บรรยากาศริมทางเดินนะครับ ผู้คนมากมาย ต่างพากันมาด้วยความปิติยินดี งานนี้รวมแต่คนดีๆมีคุณภาพจริง
คนตรงกลางนี่แม่ผมเองครับ สำหรับคนซ้ายและขวาคงรู้จักกันดีอยู่แล้ว
ถ่ายกับคุณหมอที่แกไปผลิตยาช่วยผู้ป่วยที่แอฟริกาครับ ผมเองก็ไม่เคยรู้เรื่องของแกหรอกครับ เพิ่งมารู้เอางานนี้แหละ ปกติผมจะไม่ดูทีวีซักเท่าไหร่ ก็เลยไม่ค่อยรู้เรื่องกับเขา ขวาก็แม่ผมเอง ซ้ายก็พี่ป้อมเป็นสมาชิกตนคอเดียวกันที่ไปสวนลุงนิลด้วยกันครับ
แม่ผม หมอเกษตร หมอล๊อต และพี่ป้อม ก่อนจะมาถึงรูปนี้พี่ป้อมแกพูดถึงหมอล๊อตบ่อยๆครับว่าอยากได้รูปด้วย เห็นหมอแกเดินไปมาไม่ได้ถ่ายซักที ผมเองก็ไม่รูอีกเหมือนเดิมครับว่าหมอแกเป็นคนยังไง ได้ฟังที่แกทำก็นึกว่าเป็นหมอแก่ เห็นอีกทีนี่หนุ่มขนาดเรียกพี่กันทีเดียว ขออภัยในความไม่รู้ของผมด้วย
เข้ามานั่งกันในงานแล้วครับ ผมได้นั่งอยู่ด้านขวาด้านบน ซึ่งมองเห็นเวทีได้ชัดเจนครับ แต่เก้าอี้แอบเมื่อยก้นนิดหน่อย
พีธีกรคุณประสานและคุณแก้วตาทำหน้าที่ดำเนินการในครั้งนี้ครับ
ศิลปินที่มาร้องเพลงเปิดรางวัลหนึ่งครับ เขาคือ จุ๋ย จุ๋ยส์ ผมเองก็ไม่เคยฟังเพลงเขาอยู่เหมือนกัน แต่พอเริ่มต้นนั้น การจะไม่สนใจเขาคงเป็นไปไม่ได้เลย การแสดงของเขาดึงดูดให้คนสนใจ ในทันทีตั้งแต่ยังไม่เริ่มแสดงเลยก็ว่าได้ เพราะ แกเล่นใช้ไมค์ตั้ง 3 ตัวซึ่งดูยังไงก็ไม่ใช่ทั่วไป นี่คงเป็นจุดขายของเขา และด้วยเสน่ห์แนวเพลงของเขาช่างแปลกจริงๆ จะเปรียบก็คงเหมือน..อาหารในบาตรพระ ละมั้ง
ส่งท้ายด้วยปฏิญาณตน ความหมายโดยรวมประมาณว่า เราจะเป็นคนดีครับ
จบงานดูแล้วดีทีเดียว ผมค่อนข้างประทับใจที่อย่างน้อยก็ได้เรียนรู้ว่ามีคนเก่งและมีคุณค่าต่อสังคมอีกมากมาย ทำให้คิดว่าตัวเองทำอย่างไรที่จะเป็นถึงจุดนั้น…คิดไปคิดมาก็คิดได้ว่าเป็นตัวเองให้ดีที่สุดนี่แหละ เพราะแต่ละคนก็มีคุณค่าในตัวเองต่างกันไป..
หลังจากนี้ผมคงต้องหยิบหนังสือเกี่ยวกับผู้คนเหล่านี้มาอ่านมากขึ้นซะแล้ว…..
สวัสดีครับ