อายุขัยของพระโพธิสัตว์

ได้ฟังครูบาอาจารย์วิเคราะห์เรื่องอายุขัยของพระโพธิสัตว์ในการเรียนพระไตรปิฎกที่ผ่านมา ผมก็สรุปความได้ว่า อายุขัยของพระโพธิสัตว์ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบในโลก เช่น องค์โคตมะ เกิดใกล้กลียุค ท่านก็มีอายุ 80 ปี ส่วน องค์ศรีอริยฯ เกิดในยุคที่คนอายุ 80,000 ปี (คนทำดีมากและไม่ทำชั่วเลยอายุยืน) ท่านก็อายุ 80,000 ปี ….แล้วท่านก็บอกว่าถ้าเราทำชั่ว ครูบาอาจารย์จะอายุสั้น แม้ตนเอง สัตว์อื่น ฯลฯ ก็จะอายุสั้น

ผ่านมาอีกวัน ระหว่างเดินทางไปทำธุระก็มาคิดทบทวนว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น (อาจจะฟังไม่ครบเลยไม่ได้ยินว่าทำไม เลยต้องมานั่งคิดเอง…)

ก็คิดได้ว่า … ก็น่าจะเพราะพระพุทธเจ้าไม่มีอัตตา เลยไม่มีความอยากเพื่อตน ก็คงเหลือแต่เฉพาะการคงอยู่เพื่อที่จะทำประโยชน์แก่ผู้อื่น สัตว์อื่น ฯลฯ นั่นก็หมายความว่า เหตุปัจจัยที่จะมีผลต่ออายุขัยของท่าน ไม่ใช่ตัวท่านเอง แต่เป็นผู้อื่น สัตว์อื่น ฯลฯ

นั่นหมายถึงพระโพธิสัตว์ทั้งหลายน่าจะประเมินการตั้งอิทธิบาท(การทำให้มีอายุยืน) ตามองค์ประกอบของโลก …แต่ส่วนที่ท่านจะประเมินอย่างไรผมก็ไม่อาจรู้ได้ ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นเพียงสมมุติฐานเท่านั้น

เมื่อเห็นดังนั้นผมก็ได้ทดสอบสมมุติฐานนั้นในฐานของตัวเอง ซึ่งธุระในครั้งนี้ก็เป็นกิจกรรมในหมู่คนดีอยู่พอดี ก็เลยทดลองปล่อยชีวิตไปตามกรรม (กุศลกรรม) ว่ากรรมนั้นจะพาไปทางไหน เขาจะให้ไปเจอใคร ได้คุยกับใคร ให้กลับกับใคร ให้ไปนั่งรถคันไหน แล้วเขาจะพาไปไหน ก็ลองไปกับเขาดู ซึ่งก็พิจารณาในขีดที่เป็นกุศล ดีเราก็ไป ไม่ดีเราก็ไม่ไป แต่ถ้าอยู่กับหมู่คนดี ความเห็นส่วนใหญ่ของเขาก็ไปทำดีทั้งนั้น

สรุปว่าลองแล้ว ใจมันก็สบายดีนะ ดีกว่าไปวางแผนนั่นนู่นนี่ แต่แผนตั้งต้นน่ะมีอยู่ คือถ้าเขาไม่ชวนเราให้ไปกับเขา เราก็นั่งรถเมล์กลับบ้านเอง แต่พอเขาชวนเราก็เอาแผนเดิมของเราทิ้งไปแล้ววางแผนใหม่ไปเรื่อย ๆ ตามองค์ประกอบใหม่ที่มันเข้ามาสังเคราะ์ตามเวลาที่เปลี่ยนไป

กลายเป็นว่าวันนี้ได้สิ่งดีมากกว่าการตัดสินใจกลับบ้านเองอีก ได้ฟังเพื่อนผู้ปฏิบัติธรรมเขาคุยกัน เล่าสภาวะกัน ได้ฟังครูบาอาจารย์สอน ฯลฯ

…วางใจมันก็ดีเหมือนกันนะ นี่แค่ทำได้นิดเดียวนะเนี่ย เสี้ยวเดียว แว่บเดียว แต่ระดับผู้ที่หมดอัตตา ท่านน่าจะได้เจอกับสภาพนี้ตลอดเวลา ผมก็เริ่มรู้สึกว่าสภาพนั้นมันน่าได้น่าเป็นน่ามีเหมือนกันนะนี่

การอยู่โดยไม่เอาอัตตาเป็นตัวตั้ง ไม่มีความเอาแต่ใจแม้ในช่วงหนึ่งก็สุขมากแล้ว ก็ทำให้เข้าใจว่า อ๋อ..การปล่อยให้การคงอยู่ของเราสังเคราะห์ไปกับสังคมสิ่งแวดล้อมมันเป็นแบบนี้นี่เอง

มันก็เลยทำให้เกิดความเข้าใจเรื่องอายุขัยของพระโพธิสัตว์เพิ่มขึ้นมานิด ๆ

ตัวใหญ่กับปลาทู

ตอนนี้แม้ว่าจุ๊บจะไม่อยู่นานแล้ว แต่ก็ยังมีแมวแก่ๆอีกตัวที่กลับมาให้เลี้ยงอีกครั้ง หลังจากที่มันได้ไปท่องยุทธภพ(แมว) มานาน จนบัดนี้เป็นแมวที่มักจะเห็นหน้าทุกเช้าเย็นเพราะปลาทู

ตัวใหญ่…

ตัวใหญ่เป็นแมวตัวผู้แก่ๆ ตอนนี้ก็น่าจะมีอายุเกิน 10 ปี แล้ว เป็นแมวตัวผู้ที่โดนทำหมันเนื่องจากออกอาการมากเกินไปจนส่งเสียงดังรบกวนเพื่อนบ้านเลยต้องจับไปสำเร็จโทษ แต่ถึงกระนั้นตัวใหญ่ก็ยังไม่หมดความเป็นแมวเพศผู้มันยังไปสร้างแก๊งและรวบรวมสมาชิก แต่ในที่สุดมันก็ต้องพ่ายกลับมาตายรังที่บ้าน

ปลาทู…

ปลาทูดูเหมือนจะเป็นอาหารชนิดเดียวที่เหมาะสมที่สุดในเวลานี้ ทั้งคุณค่าที่ได้และดูเหมือนจะถูกปากของตัวใหญ่มากอีกด้วย จริงๆแล้วจุ๊บก็ชอบปลาทูมาก และจริงๆ ที่สุดก็คงจะเป็นแมวเกือบทุกตัวก็คงจะชอบกินปลาทูละนะ

ตัวใหญ่กับปลาทู…

จะพิมพ์เล่าก็คงจะเห็นภาพบ้าง แต่ก็คงจะไม่ชัดเจนเท่ากับดูวีดีโอคลิปด้านล่าง…

เรื่องราวของผมและแมวตัวเก่าที่กลับมาใหม่ก็คงจะได้เริ่มต้นอีกครั้ง หลังจากที่ผ่านช่วงว่างเว้นไปกว่าหนึ่งปีที่จุ๊บหายไปและตัวใหญ่ยังไม่กลับมา ซึ่งวันนี้ตัวใหญ่เป็นแมวตัวสุดท้ายที่ผมเหลืออยู่ และคิดว่าจะดูแลมันให้ดีเพราะแต่ก่อนเลี้ยงแบบปล่อยๆ มานาน