ช่วงหลังๆนี่ หรือเดือนกว่าๆที่ผ่านมาผมไม่ค่อยเห็นจุ๊บเวลามันนอนเลยครับ อาจเพราะว่าผมไม่ค่อยได้ลงมาเดินเล่นในเวลาสายๆเหมือนเคย หรืออาจเพราะว่าจุ๊บหนีไปนอนที่อื่นก็อาจจะเป็นไปได้ทั้งนั้น
วันนี้ลงมาเดินเล่นดูครับ ดูบอนสีผ่านไปผ่านมากำลังจะเข้าบ้านแล้ว หันมองผ่านไปรอบๆ เห็นอะไรสะดุดตาแว่บๆ …
ครับก้อนอะไรที่ดูเหมือนจะคุ้นเคยนอนอยู่ในตู้กับข้าวเก่าหลังบ้านครับ ตู้กับข้าวอันนี้ไม่ได้ใช้แล้ว และเก่าจนใกล้จะพังทลายลงมาแล้ว แต่ดูๆไปมันก็มีประโยชน์เหมือนกันนะ
เข้าไปใกล้อีกนิดจะเห็นว่าก้อนน้ำตาลๆขาวๆจะมีขนปุยๆด้วยครับ
เข้าไปใกล้อีกนิดจะเห็นว่านั่นคือจุ๊บที่นอนหลับสบายหายห่วงจริงๆ เพราะจากมุมนี้ ในตู้นั้นคือห้องส่วนตัวของมันจริงๆครับ กันหนาวได้ กันร้อนได้ แต่ไม่กันยุงครับ ตู้ไม้ด้านหลังผุหมดแล้วครับ มันเลยมีทางให้จุ๊บเข้าไปจากด้านหลังที่ผุๆ
ตู้นี้มีตำนานอยู่อย่างหนึ่งครับ มันเคยเกือบคร่าชีวิตผมไปครั้งหนึ่งแล้ว แต่ไม่รู้จะมีครั้งที่สองรึเปล่านะ …. ตอนผมเด็กๆประมาณประถม-มัธยมได้ ตอนนั้นตัวเล็กกว่าตู้นี้เยอะครับครั้งนั้นตู้นี้เคยอยู่บ้านเก่าที่ลาดพร้าว 110 ในห้องครัวซึ่งเป็นห้องครัวที่ไม่ใหญ่มาก มันตั้งอยู่ติดผนังมุมหนึ่งของครัว และวันนั้นเป็นวันที่ผมอยู่คนเดียวอย่างเป็นปกติ ที่ว่าปกตินั่นคือเวลาเย็นๆครับ ทุกคนยังไม่กลับบ้าน ผมเดินเข้าครัวไปหาอะไรกินเหมือนเดิมทุกๆวัน ซึ่งในจังหวะที่ผมเดินไปนั้นขาตู้ซึ่งเป็นไม้มันแตกและตู้ค่อยโค่นลงมาครับ แน่นอนว่าของในตู้นั้นมีทั้งจานชาม สารพัดเครื่องครัวที่แสนจะหนัก รวมทั้งกะทะ หม้อที่อยู่บนหลังตู้นั้นด้วย ซึ่งแน่นอนมันสูงกว่าหัวผม
ในจังหวะที่มันค่อยเอนลงมานั้น ผมหลบไม่พ้นแล้วครับจึงเอาตัวยันไว้ก่อน เพราะถ้าปล่อยตกของข้างในคงแตกหมดแน่ๆ โชคดีที่บานกระจกยังปิดแน่นอยู่แก้วเลยไม่หล่นลงมา แต่กะทะกับหม้อหล่นเรียบร้อยแล้วครับ ผมรักษาระดับความเอียงไว้ที่ประมาณ 80 องศา โชคยังดีทีขาหักข้างเดียว ( ตู้มีสี่ขา ) ผมจึงเอื้อมเท้าที่ยังว่างอยู่ไปหยิบกะทะใบขนาดกลางจากตู้อีกฝั่งหนึ่ง ( โชคดีที่ผมขายาวครับ ) เอามารองขาตู้ที่หักไว้ได้สำเร็จ
ครับแน่นอนว่าสถาณการได้คลี่คลายแล้ว ตอนนี้เหลือแต่เก็บของที่หล่นไปวิ่งไปหาก้อนอิฐมาค้ำยันแทนกะทะที่ค้ำไว้เฉพาะกิจแทนครับ จบลงอย่างสวยงามทุกคนมีความสุขครับ
กลับมาเรื่องเดิมก่อนด้วยภาพของจุ๊บก่อนจะลากันไปในตอนนี้ครับ ด้วยภาพ จุ๊บ แมว สุด เซ็ง
สวัสดี